“เฉินชิวสือ” ผู้เผยความจริงในอู่ฮั่น ก่อนหายสาบสูญ

ในช่วงเวลาที่ชาวจีนทั่วประเทศไว้อาลัยให้กับการเสียชีวิตของนายแพทย์หลี่เหวินเหลียง นายแพทย์ผู้พยายามแจ้งเตือนการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการแพร่ระบาดตั้งแต่ช่วงแรก ก่อนถูกทางการจีนดำเนินคดีข้อหาปล่อยข่าวลือ จนทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดเลวร้ายอย่างในทุกวันนี้

น้อยคนนักที่จะรู้ว่ายังมีชายอีกคนที่พยายามบอกเล่าความเลวร้ายของสถานการณ์การแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่นอย่างตรงไปตรงมา

เฉินชิวสือ อดีตทนายความ วัย 34 ปี ที่เวลานี้ผันตัวมาเป็นนักข่าวพลเมือง รายงานข่าวด้วยคลิปวิดีโอผ่านสื่อโซเชียลมีเดียอย่าง “เว่ยป๋อ” “ยูทูบ” รวมไปถึง “ทวิตเตอร์”

เฉินผู้มีบ้านเกิดในเมืองชิงเต่า เมืองทางตะวันออกของประเทศจีน เดินทางมารายงานข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เมืองอู่ฮั่นตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 1 วันหลังจากทางการเมืองอู่ฮั่นสั่งปิดเมืองเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด

ซึ่งดูเหมือนว่าจะสายเกินไป เมื่อมีประชาชนมากถึง 5 ล้านคนเดินทางออกจากเมืองไปแล้วก่อนหน้านั้น

เฉินรายงานโดยใช้กล้องตัวเดียว ถ่ายสถานการณ์การแพร่ระบาดในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลที่มีคนไข้เต็มจนล้น สถานที่ประกอบพิธีศพ อาคารกักกันโรคชั่วคราว ก่อนจะอัพโหลดสิ่งที่เขาได้เห็นเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์

ก่อนที่เฉินจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินถูกปิดปากจากรัฐบาลจีน

เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 เฉินเดินทางไปรายงานข่าวที่ฮ่องกง และเผยแพร่คลิปผ่านบัญชีเว่ยป๋อ เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาของรัฐบาลจีนที่ระบุว่ากลุ่มผู้ประท้วงฮ่องกงนั้นเป็นกลุ่ม “แบ่งแยกดินแดน” และ “กลุ่มก่อการจลาจล”

โดยเฉินนำเสนอมุมมองให้เห็นว่าผู้ประท้วงส่วนใหญ่นั้นเป็นไปอย่างสงบ และไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นพวกก่อความวุ่นวาย

งานของเฉินสิ้นสุดลงในทันทีเมื่อรัฐบาลปักกิ่งเรียกให้เฉินกลับประเทศ พร้อมกับถูกหลายๆ หน่วยงานของรัฐเรียกตัวไปสอบสวนหลายต่อหลายครั้ง

ก่อนเรื่องจะสิ้นสุดลงด้วยการที่เฉินถูกลบบัญชีสื่อโซเชียลมีเดียในจีนลง

คลิปวิดีโอที่ถูกโพสต์ลงในบัญชีเว่ยป๋อของเฉินที่มีผู้ติดตามถึง 740,000 คน ถูกลบทิ้งทั้งหมดพร้อมๆ ไปกับชื่อบัญชี

อย่างไรก็ตาม เฉินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับบัญชีทวิตเตอร์ ที่เวลานี้มีผู้ติดตามถึง 433,000 คน ขณะที่ยูทูบมีซับสไครเบอร์ถึง 246,000 คน แม้ทั้งสองแพลตฟอร์มจะถูกบล็อกในจีน แต่ชาวจีนจำนวนมากก็ใช้วิธีการที่เรียกว่า VPN ในการหลบเลี่ยงไฟร์วอลล์ของรัฐบาลจีนได้

“เมื่อเสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน บัญญัติไว้ในมาตราที่ 35 ของรัฐธรรมนูญจีน ผมยืนยันที่จะทำสิ่งนี้ต่อไปเพราะผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะมีแรงกดดันและอุปสรรคมากแค่ไหน”

เฉินระบุผ่านคลิปวิดีโอเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

 

นับตั้งแต่เฉินลงพื้นที่รายงานสถานการณ์ในอู่ฮั่น มีเพียงอุปกรณ์ป้องกันขั้นพื้นฐานอย่างหน้ากากอนามัย และแว่นตาหนึ่งคู่

เฉินนำหลายๆ ภาพที่น่าตกใจสู่สายตาชาวโลก ไม่ว่าจะเป็นร่างไร้วิญญาณอันซีดเผือดบนรถวีลแชร์ที่ญาติกำลังรอติดต่อทำศพ คนไข้ที่ร้องไห้ฟูมฟายหลังจากพยายามที่จะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่คนไข้เต็มจนล้น รวมไปถึงภาพคนไข้ที่ต้องพึ่งหน้ากากออกซิเจนนอนบนเตียงชั่วคราวที่วางเกลื่อนบนทางเดินของโรงพยาบาล

“ผมกลัว ผมมีไวรัสอยู่ตรงหน้า และข้างหลังผมมีผู้บังคับใช้กฎหมายจีนกำลังติดตามมา” เฉินระบุในคลิปวิดีโอเมื่อวันที่ 30 มกราคม

“แต่ผมจะมุ่งมั่นทำต่อไป ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ ผมจะยังรายงานต่อไป ผมไม่กลัวตาย แล้วทำไมผมต้องกลัวคุณพรรคคอมมิวนิสต์”

จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าสถานภาพของเฉินนั้นเป็นอย่างไร ขณะที่โลกออนไลน์เริ่มมีการพูดถึงการหายตัวไปของเฉินมากขึ้นเรื่อยๆ

จนชาวจีนจำนวนมากที่ไม่เคยรู้จักเฉินมาก่อนเริ่มตั้งคำถามกันแล้วว่าเฉินคือใคร

และทำไมรัฐบาลจีนจึงต้องเซ็นเซอร์ชื่อของชายรายนี้

“เขาเป็นทนายความ เขาเป็นสื่อมวลชน เขาคือคนคนหนึ่งที่กล้าที่จะเดินทางไปอู่ฮั่นเพื่อรายงานสถานการณ์ที่เป็นความจริงมากที่สุด ในช่วงเวลาที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเลวร้าย” ผู้ใช้เว่ยป๋อรายหนึ่งตอบ และว่า

“เขาเป็นวีรบุรุษ และเขาได้หายสาบสูญไป”