E-DUANG : จับตา เสกสรรค์ ประเสริฐกุล กับ อนาคตของ อนาคตใหม่

การออกโรงมาปกป้องพรรคอนาคตใหม่อันมาจาก นายบรรยง พงษ์พานิช อันมาจาก นายปรีดา เตียสุวรรณ์ อันมาจาก นายดวงฤทธิ์ บุน นาค น่าสนใจอย่างยิ่ง

น่าสนใจไม่เพียงเพราะ ๓ คนนี้ไม่ได้มีสายสัมพันธ์โดยตรงกับพรรคอนาคตใหม่

หากบางคนยังยืนอยู่คนละฟาก ยืนอยู่คนละมุม

บางคนมีสายสัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ บางคนมีบทบาทร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บางคนเคลื่อน ไหวอย่างมีอิสระ

การออกโรงของ นายบรรยง พงษ์พานิช นายปรีดา เตียมสุวรรณ์ รวมถึง นายดวงฤทธิ์ บุนนาค น่าสนใจอย่างยิ่งอยู่แล้ว

การออกโรงของ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ยิ่งน่าจับตา

 

ต้องยอมรับว่า นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ค่อนข้างระมัดระวังในการขยับขับเคลื่อนทางความคิด ทางการเมือง และรวมไปถึงการจัดตั้งใน ทางสังคมด้วย

ไม่ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่ามวลมหาประชา ชนกปปส. ล้วนไม่ย่างกรายไปใกล้

อาจยอมรับไปบรรยายหรือปาฐกถา แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับความผูกพันต่อองค์กรแต่ละองค์กร อย่างเช่นมูลนิธิ ดิเรก ชัยนาม อย่างเช่น ๔๐ ปี ๑๔ ตุลาคม เป็นต้น

ยิ่งสถานการณ์รัฐประหารไม่ว่าเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๔๙ ไม่ว่าเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ ล้วนไม่เคยเข้าไปยุ่ง

นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ดำรงตนเป็นนักคิด นักเขียนที่มีความเป็นอิสระ สนใจปรัชญา สนใจศาสนา และดำรงชีพในแบบปลีกวิเวก

แต่ครานี้เขาออกโรงไม่อยากให้มีการยุบพรรค”อนาคตใหม่”

 

ต้องยอมรับว่าสภาพการณ์ที่พรรคอนาคตใหม่ประสบสะท้อนให้เห็นถึงสถานะในทางการเมือง สถานะในทางสังคมที่พรรคอนาคตใหม่ได้รับในทางเป็นจริง

ทำไมบรรดาปัญญาชน”เรือนหลายหมื่น”จึงไม่อยากให้มีการยุบ พรรคอนาคตใหม่

ทำไม “สมาชิกพรรค”จึงไม่แปรตนเองเป็น”มหาชนเงียบ”

นี่ย่อมเป็นคำถามที่การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ถามต่อกกต. ถามต่อศาลรัฐธรรมนูญ

นี่คือ เงาสะท้อนแห่ง”พรรคมวลชน”ในทางเป็นจริง