จรัญ พงษ์จีน : ใกล้วันซักฟอก รัฐบาลประยุทธ์ ประเด็นเชือดยิ่งตามมาอีก

จรัญ พงษ์จีน

“ญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ” 6 รัฐมนตรีของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กำหนดคิวเชือดกันลงตัวแล้ว ระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ และลงมติไว้หรือไม่ไว้วางใจในวันที่ 27 กุมภาพันธ์

ถัดไปอีกสองชั่วยาม คือวันที่ 29 กุมภาพันธ์ สภาผู้แทนราษฎรปิดสมัยประชุม “พักยก” ตามไฟต์บังคับ

ต้องยอมรับด้วยความสัตย์จริงว่า “ฝ่ายค้าน” ในปัจจุบันไม่ค่อย “เวิร์ก” สักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่แนวร่วม 6 พรรคมีฐานที่มั่นอยู่มากถึง 235 ที่นั่ง แต้มต่อเป็นรองฝักถั่วรัฐบาลที่มี 263 เสียงอยู่เพียง 20 กว่าแต้มเท่านั้น

ปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้ “ฝ่ายค้านร่วม” ไม่เรี่ยมเร้เรไรเหมือนยุคสมัยก่อนๆ เพราะดังที่ทราบ “พรรคเพื่อไทย” แชมป์เก่า “เล่นท่ายาก” ด้วยยุทธศาสตร์แตกแบงก์พัน ในศึกเลือกตั้งใหญ่ ครั้งล่าสุด แทนที่จะกินรวบส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งพรรคเดียวเหมือนเดิม กวาดทั้ง “เขตเลือกตั้ง” และ “บัญชีรายชื่อ” ยึดหัวหาดจ่าฝูงได้ดุจเดิม

กลับแตกแบงก์ร้อย แยกผู้สมัครไปลงอีกพรรคในนาม “ไทยรักษาชาติ” สุดท้ายดังที่ทราบกอดคอกันตายหมู่ยกเข่ง

“แกนนำขาใหญ่” ค่ายเพื่อไทย ตัวกลั่นๆ แถวหน้า ต้องสอบตกนั่งขอบสนามกันกราวรูด นี่คือที่ไปที่มา ทำให้ ส.ส.เข้าสู่สภาหินอ่อนได้สัดส่วนเดียว แค่ “เขตเลือกตั้ง” เพียง 135 ที่นั่ง “บัญชีรายชื่อ” ไม่มีแม้แต่คนเดียว

ด้วยประการดังกล่าว “เพื่อไทย” จึงเผชิญกับสภาพ “ขาลง” บุญมากาไก่กลายเป็นหงส์ บุญลงหงส์กลายเป็นกาไก่ ไม่เพียงแต่แนวร่วมเก่าพากันกระโดดค้ำถ่อไปสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม

ภายในพรรคเองมีแรงกระเพื่อมค่อนข้างสูงแบบไม่เคยปรากฏมาก่อน “ส.ส.นกแล” เริ่มไม่มีอะไรให้สนุก อยู่ไปวันๆ ไร้ความหมาย

“อำนาจเงิน” มีอิทธิพลสูง ขนาดว่า ตกใส่หิน หินลอย ตกใส่หอย หอยอ้า แล้วนับประสาอะไรกับ “คนการเมือง”

แค่ต้นสังกัดตกที่นั่ง ผู้นำฝ่ายค้านเพียงไม่กี่เดือน ลูกพรรคเพื่อไทยเกิดการกลายพันธุ์แปลงร่างเป็น “งูเห่า” แล้วอย่างน้อยๆ 3 ตัว ก้าวต่อไปน่าจะเผ่นอีกเป็นโขลง

“3 งูเห่า” เพื่อไทย ออกลายกลางวันแสกๆ ในวันประชุมสภาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่พรรครัฐบาลเสนอให้ลงคะแนนใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้การประชุมล่มเพราะไม่ครบองค์ ปรากฏว่าได้มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย 3 คนเข้าร่วมประชุมเพื่อให้ครบองค์ในการลงมติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรคและภาพลักษณ์ของการเป็นพรรคฝ่ายค้าน เพื่อไทยจึงตั้งกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง “3 งูเห่า”

 

“ศึกซักฟอก” 6 รัฐมนตรีรายบุคคล ที่ประกอบด้วย 1. “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” 2. “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 3. “นายวิษณุ เครืองาม” 4. “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” 5. “นายดอน ปรมัตถ์วินัย” 6. “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”

หัสเดิม คาดหมายกันว่าพรรคฝ่ายค้านที่เข้าชื่อญัตติอภิปรายกันแค่ 6 พรรค เนื่องจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ทำหนังสือขอถอนตัวถึงผู้นำฝ่ายค้าน แจ้งผลมติประชุมกรรมการบริหารพรรค ให้ถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อทำงานอิสระ

ต้องการจะย้ำหัวตะปู หมายเล่นงาน “พี่น้อง 3 ป.” อันประกอบด้วย “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม และบิ๊กป๊อก” มากกว่าอะไรอื่น

ขณะที่ “วิษณุ-ดอน-ร.อ.ธรรมนัส” แค่ตัวประกอบ แต่ข่าวล่าสุด อาจจะลดดีกรีความร้อนแรงของ “พล.อ.ประวิตร” และ “พล.อ.อนุพงษ์” ตามไปด้วย

ถนนทุกสายของฝ่ายค้านมุ่งกระแทกกลางไป “รวมศูนย์” ที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เพียงผู้เดียว

เนื่องเพราะ “บิ๊กตู่” มีจุดเปราะบางเต็มไปหมด เงื่อนไขเกี่ยวกับญัตติที่ยื่นต่อประธานสภาในการอภิปราย “บิ๊กตู่” มีการบรรยายสรรพคุณเอาไว้ยาวเหยียดเกือบเต็มหน้ากระดาษ ครอบอาณาจักร

ไม่เพียงแต่ไม่ยึดมั่นศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ

– กระทำการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

– ใช้อำนาจไม่ชอบธรรม ละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพของบุคคลอย่างกว้างขวาง เป็นผู้นำประเทศที่กร่าง เถื่อน มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ปิดปากผู้มีความเห็นต่าง ชอบก่นด่าเมื่อถูกซักถาม

มีการกระทำขัดกันแห่งผลประโยชน์ ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ใช้งบประมาณของรัฐสร้างคะแนนนิยมให้ตนเองและพรรคการเมือง

เรียกว่าข้อกล่าวหาเหวี่ยงแหครอบคลุมไว้ทุกเม็ด ผิดกับ 5 รัฐมนตรีที่ถูกจับขึ้นเขียงเชือดรายอื่นๆ ไม่ว่าจะ “พล.อ.ประวิตร-วิษณุ-พล.อ.อนุพงษ์-ดอน-ร.อ.ธรรมนัส” ใช้พื้นที่บรรยายพฤติกรรมระหว่างบรรทัดไว้เพียงน้อยนิด เหมือนกับขอไปที

คมหอก คมดาบ ที่จะเปิดคอร์สเปิบพิสดาร “บิ๊กตู่” ในศึกอภิปราย นอกจากข้อความที่ตั้งธงไว้ในญัตติเรียงร้อยเป็นตับแล้ว ยังมี “งานงอก” เกิดประเด็นใหม่มาให้ชี้แจง นั่งเคลียร์มากมายหลายกระทง

เริ่มตั้งแต่ ปัญหาฝุ่นควันพิษ พีเอ็ม 2.5 ที่แผ่กระจายปกคลุมกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดทุกภาคทั่วประเทศ ซึ่งรัฐบาลปล่อยปละละเลยมานานวันแล้ว และยังไม่มีมาตรการใดแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

ปัญหา “ภัยแล้ง” ที่ปีนี้ทำท่าว่าจะสะบักสะบอมหนัก มาเร็วกว่ากำหนด ส่งสัญญาณมาตั้งแต่ไก่โห่ น้ำในเขื่อนหลายแห่งแห้งขอด แต่ยังบ้อท่า

“เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น” ที่แพร่ระบาดมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน มีผลกระทบกับประเทศไทยทุกมิติ แต่มาตรการยังงมโข่ง

หรือล่าสุดเหตุการณ์ “ทหารเลว” ปล้นปืนในค่ายทหาร ไล่ยิงพี่น้องประชาชน ทหาร ตำรวจ ยึดห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองนครราชสีมา เสียชีวิตไป 30 ราย บาดเจ็บอีก 58 คน

ประชาชนทุกภาคส่วนเศร้าสลดใจกับเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้น แต่ผู้นำประเทศไม่รู้กลอนอะไรพาไป กลับทำ “มินิฮาร์ต” ให้กับชาวบ้าน ตลกไม่ออก อย่างหน้าตาเฉย

อะไรเหล่านี้ทั้งหมด คือข้อมูลที่ฝ่ายค้านร่วม 6 พรรค จะหยิบยกมาถล่ม “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นัยว่า จะขอเวียนเทียนกันทุกพรรค สองวันสองคืนเต็ม

ล็อกเป้า เน้น “ผู้รับเหมา” คนเดียวคือ “บิ๊กตู่”

ติดตามดูชมอีกไม่กี่วันข้างหน้า