วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู / เสถียร จันทิมาธร / ฤทธิ์แห่งสุรา ใยพิศวาส (31)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

ฤทธิ์แห่งสุรา ใยพิศวาส (31)

อย่าลืมเป็นอันขาดว่าหนีหวงจวิ้นจู่อยู่บนฐานข้อมูลเดิม เย่วกุ้ยเฟยยกแขนเสื้อขึ้นบังใบหน้าก่อนแหงนศีรษะทำท่าดื่มหมดจอก

หนีหวงจะไม่ดื่มก็ไม่ได้

ยิ่งกว่านั้น ที่นี่แม้อยู่ในวังหลวงแต่หาใช่สำนักเจ้งหยางของหวงโฮ่ว ดังนั้น เหม่อมองถ้วยเล็กๆ นั้นแวบหนึ่งก่อนดื่มลงไปช้าๆ

เห็นน้ำสุราไหลลื่นลงคอ ดวงตาเย่วกุ้ยเฟยผุดแววเวทนาเล็กน้อย

ทว่าหว่างคิ้วยังคงแน่วนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง มือเรียวงามขณะที่หยิบผลส้มหนักแน่น เยือกเย็น มั่นคง ปอกเปลือกยื่นส่งให้ถึงหน้าหนีหวงจวิ้นจู่

พลันนางกำนัลก็รายงาน “พระสนม รัชทายาทกับคุณชายซือหม่าขอเข้าพบเพคะ”

หนีหวงจวิ้นจู่บังเกิดความคลางแคลงในใจ แต่ก็คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดใช้ออกด้วยแผนการใด ชั่ววูบที่รวนเรสับสน รัชทายาทก็พาคุณชายร่างสูงโปร่งในชุดเลิศหรูคนหนึ่งเข้ามาพร้อมเสียงหัวเราะ ก่อนสั่งให้ซือหม่าเหลยทำความเคารพต่อจวิ้นจู่

ประลองยุทธ์ผ่านมาหลายวัน ซ้ำยังร่วมงานเลี้ยงที่ตำหนักอู่อิงพร้อมกัน

แน่นอน นี่มิใช่การพบหน้าครั้งแรก แต่ที่ต่างจากหลายครั้งก่อนก็คือ บุรุษผู้นี้เข้าใกล้จนเกือบประชิดตัว พอสบตา นางพลันรู้สึกวูบไหวในใจอย่างประหลาด

 

“ไห่เยี่ยน” สะท้อนความรู้สึกของหนีหวงจวิ้นจู่ออกมาในห้วงยามนี้ค่อนข้างละเอียด หลังจากหลับตาตั้งสติ รู้สึกได้ถึงภยันตรายตรงหน้าในทันใด

เพราะความชะล่าใจคิดว่ามีฝีมือสูงส่งไม่ต้องเกรงกลัวผู้อื่นใช้กำลังกับตน

แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามไม่จำเป็นต้องใช้กำลังแม้แต่น้อย เพียงแต่ไม่ทราบใช้วิธีใดทำให้มึนงงขาดสติ

หากต้านทานไม่อยู่จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันอันใด วันหน้าไม่มีหลักฐาน ต่อให้ร้อยปากก็ฟังไม่ขึ้น แม้แต่องค์จักรพรรดิก็คงไม่ทรงเชื่อว่าจะมีใครหน้าไหนบีบบังคับตนได้ ดังนั้น สิ่งที่เร่งด่วนตอนนี้คือ ไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

แต่จะหนีไปได้หรือไม่

“จวิ้นจู่” มือของซือหม่าเหลยเพิ่งยื่นไปได้ครึ่งทาง พลันหยุดกึกหันมองรัชทายาทเห็นสายตาดุดันจ้องสวนมาได้แต่กัดฟันรวบรวมความกล้าไล่ตามไปคว้าแขนหนีหวงจวิ้นจู่ไว้

“บังอาจ”

หนีหวงเกร็งลมปราณหมายสลัดแขนให้หลุดออก ขณะสายตาประสานภาพตรงหน้าพร่าพรายหมุนคว้าง ฝ่ามือที่เกาะกุมอยู่บนแขนเปลี่ยนจากร้อนลวกเป็นอุ่นนุ่ม เป็นความอบอุ่นชนิดเดียวกับที่นางเฝ้าโหยหา

ทุกครั้งเมื่อต้องเชิญกับสายลมเหน็บหนาวกลางสมรภูมิตามลำพัง

 

สถานการณ์เหมือนกับจะเป็นใจให้กับซือหม่าเหลย เมื่อเย่วกุ้ยเฟยออกปาก “ซือหม่า ดูเหมือนจวิ้นจู่จะเหนื่อยแล้ว เจ้าประคองนางไปพักผ่อนสักครู่”

เหมือนแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล ยะเยียบเย็นยิ่งนัก

รัชทายาทประคองกายไป 2 ก้าวมองดูซือหม่าเหลยประคองที่เอวจวิ้นจู่ มองดูความปวดร้าวสับสนระคนอ่อนโยน

วูบผ่านใบหน้างามซึ้งใบนั้น

เหมือนกับจะอยู่ในสถานการณ์แบบเข้าด้ายเข้าเข็ม ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่กำหนดเอาไว้ครบถ้วน อ้อยกำลังจะเข้าปากช้างอยู่รอมร่อ

พลันปรากฏเสียงอึกทึกดังแว่วมา

เย่วกุ้ยเฟยพรวดพราดลุกขึ้น ยืนตระหง่านเหนือขั้นบันไดทอดสายตามองไกลออกไปเห็นชัดเจนว่ามีเงาร่างสายหนึ่งวิ่งตะบึงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ทหาร นางกำนัล 2 ฟากข้างพยายามเข้าไปขัดขวาง แต่ก็ถูกผลักล้มกระเด็น

ไม่มีใครยับยั้งหรือลดทอนความเร็วในการบุกทะลวงเข้ามาในตำหนักเจาเหรินได้ เพียงพริบตาคนผู้นั้นก็พุ่งพรวดเข้ามา

ซัดฝ่ามือฟาดใส่ซือหม่าเหลยเต็มแรง

 

เข้าทำนองหมูเขาหาม กลับเอาคานเข้าไปสอด สะท้อนให้เห็นว่า แม้แผนของอีกฝ่ายจะกำหนดและจัดวางเอาไว้อย่างสมบูรณ์ รอบด้าน

แต่การวิเคราะห์ของเหมยฉางซูก็ทะลุแจ้ง แทงตลอด

อย่างน้อยการมอบหมายให้จิ้งหวังรุดหน้าเข้ามายังตำหนักเจาเหรินก็เป็นการคาดสถานการณ์อย่างถูกถ้วนเช่นเดียวกัน ยังแต่เพียงหมากที่วางผ่านเซียวจิ่งหนิง ยังแต่เพียงหมากที่วางผ่านเหมิงจื้อว่าจะแม่นยำหรือไม่

จำเป็นต้องติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยยิ่ง