เพ็ญสุภา สุขคตะ : ความฝัน 2019 ขยะ และ เชื้อไฟ

เพ็ญสุภา สุขคตะ

บทกวีสามชิ้นที่ได้รับรางวัล “ถนอม ไชยวงษ์แก้ว” ครั้งที่ 2 ซึ่งได้จัดงานมอบรางวัลไปแล้วเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563 ณ ทุ่งกุหลาบ สวนเหยิม (ภาษาล้านนา เหยิมแปลว่า slow life คล้ายๆ ต๊ะต่อนยอน) บ้านสันคะยอม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ของนักเขียน “แพร จารุ” คู่ชีวิตของกวี ถนอม ไชยวงษ์แก้ว มีดังนี้

รางวัลชนะเลิศได้แก่ “เชื้อไฟ” ของ “นนทพัทธ์ หิรัญเรือง”

รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ “ขยะ” ของ “องอาจ สิงห์สุวรรณ”

และ “ความฝัน 2019” ของ “รอนฝัน ตะวันเศร้า” ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2

 

ความฝัน 2019 : รองชนะเลิศอันดับ 2

ความนัยซ่อนอยู่ในตะเข็บของยกทรง

เราต่างแย่งชิงความเป็นเผด็จการบนรอยยับของที่นอน

เอาความเป็นตัวอ่อนที่ยังไร้การปฏิสนธิเป็นข้ออ้าง

สาดความโหยหาที่เปลี่ยนเป็นความงี่เง่าเข้าใส่กัน

เหมือนฝันที่ไม่ร้ายแต่แม่งน่ารำคาญ, ความฝันระยำ

กระจกตรงหน้าคงสำเร็จความใคร่ไปหลายหน

ชุดชั้นในสีแดงที่ไม่ต่างจากกองเลือดบนถนนราชดำริ

เรียวขาที่จัดท่าเป็นตัววีและเหม่อมองไปยังหุบเขาลึกลับกลางสายหมอก

จากหน้าต่างของห้องที่กำลังจะเป็นฉากร่ำลา

เรากลืนกินบทพูดระหว่างกัน

จากนั้นก็โรมรันเฉกเช่นคนงุ่มง่าม

เฉกเช่นการอภิปรายเรื่องภาษาถิ่นในสภา

เฉกเช่นการลาออกและรับตำแหน่งที่แต่งตั้งโดยตัวเอง

ของพญาวานรที่ถือกระบอกมายึดครองอนุสาวรีย์

กองเลือดของเรามันไร้ค่าจริงๆ

เรารู้ดีอยู่แก่ใจ

ไม่ว่าจะซึมอยู่บนริมฝีปาก

ไหลอย่างเอื่อยเฉื่อยจากรอยแยกแห่งจิ๋ม

หรืออาบท่วมเสื่อผืนมอซอในวัดปทุมวนาราม

เลือดของเราจะถูกซักให้สะอาดและหายไป

หมุดยังหายไปได้

“สุรชัย แซ่ด่าน” ยังหายไปได้

“ดีเจซุนโฮ” ยังหายไปได้

“สยาม ธีรวุฒิ” ยังหายไปได้

ความฝันงี่เง่านั้นที่จบลงเมื่อพบว่าฟ้าได้สางแล้ว

ประวัติศาสตร์ของเขาคือผงซักฟอก

ประวัติศาสตร์ของเราคือคราบเกรอะกรัง

ซักวันกองเลือดของเราจะหายไป

และเรื่องราวระหว่างเรา

จะระเหยไปกับแดดผีตากผ้าอ้อม

สีเดียวกับเนื้อหนังที่เคยแอบมองตลอดมา

บทบันทึกที่ยังมีหน้าว่างเหลืออยู่

คงไม่มีคำว่าเราอีกต่อไป

มีแต่ฉัน

ติดกับความฝันที่ไม่เคยมีแสงแดดอยู่ในนั้น

ความฝันระยำนั่นแหละ

ที่มันคอยหลอกเราเสมอว่า

เราคือเสรีชน

ไม่ว่าจะบนเตียงนอนหรือถนนสีแดงที่ทอดยาวไปสุดสายตา

โดย รอนฝัน ตะวันเศร้า

 

ขยะ : รองชนะเลิศอันดับ 1

สันติภาพไม่ใช่คำโฆษณา

ความถูกต้องไม่ได้มาด้วยซื้อขาย

หน้าที่ใช่แค่ทำรอวันตาย

อิสระใช่มักง่ายจนไม่คิด

เสรีไม่ใช่กร่างทำวางเขื่อง

สวัสดิภาพไม่ใช่เรื่องสิทธิ์ไม่สิทธิ์

ความยุติธรรมไม่ใช่เรื่องมิตรไม่มิตร

ถูก – ผิด ไม่ใช่เรื่องสัญชาตญาณ

กฎหมายไม่ใช่หมึกเปื้อนกระดาษ

อำนาจไม่ใช่อิทธิพลผลาญ

การปกครองไม่ใช่เกมกิจการ

เมืองและบ้านไม่ใช่ซ่องประลองอารมณ์

แต่คือสิ่งที่ต้นใบจะไปรอด

รากจะสอด ยอดจะผลิ อย่างเหมาะสม

ให้ปวงปีกอิสราได้เกลียวกลม

ร้อยรวงรังเป็นสังคมไร้กำแพง

หากหมักหมมร่มลานทั้งย่านเหย้า

ด้วยขยะ ทำแสงเว้า ทำเงาแหว่ง

ก่อเชื้อโรคทะลวงลิ่มคอยทิ่มแทง

ต้นจะแกร่ง ปีกจะกางได้อย่างไร

ขยะถ่อยขยับทิศผิดเป็นถูก

ขยะปลูกต้นอำนาจด้วยบาตรใหญ่

ขยะถืออภิสิทธิ์ย่ำสิทธิ์ใคร

ขยะแยกเขี้ยวไฟเข้าไล่ลน

ขยะใช้อำนาจอัฐประหัตประหาร

ขยะผลาญ ขี้ฉ้อ ขยะฉล

ขยะโกงกระเดือกกลืนด้วยเล่ห์กล

ล้อมสิทธิ์ธรรมแห่งมณฑลด้วยมลพิษ

บ้านเมืองไม่ใช่ถังขยะ

อำนาจอธิปไตยต้องศักดิ์สิทธิ์

พลังความเที่ยงธรรมต้องนำทิศ

เพื่อชีวิตได้มีฐานที่เป็นไท

แผ่นดินคือต้นธารแห่งมารดา

ทั้งต้น-ปีก นานาได้อาศัย

หากปล่อยให้ขยะลามเป็นไฟ

เหลือสิ่งใดเป็นชีวิตของแผ่นดิน

โดย “องอาจ สิงห์สุวรรณ”

 

เชื้อไฟ : รางวัลชนะเลิศ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ที่ในมือพวกฉันนั้นหญ้าฟาง

เมื่อหันมองเธอบ้างก็ไม้แห้ง

อัคนีปริศนาน่าเคลือบแคลง

ซ้ายก็แยงขวาก็โยนให้โชนเชื้อ

มิเกี่ยงว่าชาวบ้าน-ปราชญ์เมธี

จะฝั่งนี้ฝั่งโน้นมิพ้นเหยื่อ

เอ็ดตะโรโง่เขลาเผาพริกเกลือ

มิแยกเชื่อแยกจริงยามชิงชัง

ต่อให้ดีก็ตีโต้ถ้าชอบต่าง

ตะเข้ขวางคลองคูอยู่แค้นคลั่ง

เลือกปิดตาปิดหูมิรู้ฟัง

อ่าโอหังในมหาอัตตาตน

มิถอยถดสบถถาก-ยังลากเพื่อน

มากลาดเกลื่อนข้างขั้วกันมัวหม่น

ต่างต่อไฟไปสุมกองคะนองสกล

กล่อมเกลาโทสะกมลอยู่มืดมิด

ในเมื่อคนยังยุ่งเหยิงร้อนเริงไฟ

ภพแผ่นดินนี้ไฉนจะมอดสนิท

ไยผลาญเผากันเปล่าเปลืองอยู่เนืองนิตย์

เพียงชีวิตจะว้างเวิ้ง…หลังเพลิงประลัย

ถ้าฉันเลือกมิยื่นโยนฟางหญ้าแห้ง

ค่อยเปลี่ยนแปลงทีท่าตะบันไล่

ถ้าเธอกล้าหักทิ้งทุกกิ่งไม้

มิเป็นทาสอำนาจไฟสลายฟืน

เมื่อนั้นเองอาณาแห่งอัคนี

หรือจะมีทางขยายไปที่อื่น

เพียงไฟมอดปลอดควันข้ามวันคืน

เราจะตื่นจากโง่เขลาเหนือเถ้าธุลี

ยืนห่างห่างอย่างแลเห็นทุกเป็นไป

ไฟต่อไฟมิวายเผาเราน้องพี่

รอบเหย้ายังญาติเหยื่อเชื้ออัคคี

ปณิธานต่อแต่นี้ต้องดับไฟ

โดย “นนทพัทธ์ หิรัญเรือง”

สัปดาห์หน้าจะเป็นบทสัมภาษณ์กวีเลือดใหม่รางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศทั้งสามคน