สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร / “เนื้อใน”เกราะกำบัง

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

———————-

“เนื้อใน”เกราะกำบัง

————————–

อยู่ขั้ว”ลุง”ช่างมีโชควาสนา

มีข้อพิพาทอะไรก็มักจะชนะฉลุย

ร่อแร่อย่างกรณีงบปี 2563 ก็ไปได้ต่อ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ 5 รัฐมนตรี จะถูกซักฟอก

ก็ปรากฏ”องครักษ์”ขึ้นมาปกป้อง อย่างอึกกระทึกครึกโครม

จนทำให้ ที่นายวิษณุ เครืองาม เคยประกาศไว้ ว่า จะใช้ “สุจริต เป็นเกราะกำบัง ศาสตร์พ้อง” เป็นแนวต่อสู้

ถูกกลบด้วยวลี”องครักษ์ เป็นเกราะกำบัง พวกพ้อง”เป็นที่เรียบร้อย

ก็เอาเถอะ ไม่ว่ากัน

มารอดูสิว่า องครักษ์ จะปกป้อง นายกฯและรัฐมนตรี ได้แค่ไหน

และว่าไป องครักษ์ ที่ เปิดตัวออกมาคราวนี้ ก็ไม่ได้มีเหตุผล เพราะ ความ”ภักดี” อย่างเดียว

หากแต่มี ผลประโยชน์ “ร่วม”บางอย่าง ผสมปนเปอยู่ด้วย

ถ้าสังเกตุ การก่อตัวขององครักษ์ ในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ครั้งนี้ ที่แบ่งออกเป็น 3 เสี้ยวคือ อ.-ส.-ว.

แท้จริงก็คือ 3 ก๊ก ในพปชร.ที่กำลัง”ฝัน”ในเรื่องเดียวกันนั่นแหละ

อ. ก็ อนุชา นาคาศรัย ตัวแทนของกลุ่ม กลุ่มสามมิตร ที่ผิดหวัง แต่ไม่สิ้นหวัง มาหลายครั้ง ไม่ว่าเก้าอี้รัฐมนตรี หรือเลขาธิการพรรค

ส. ก็ สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ประธานส.ส.พรรคพปชร. ดาวรุ่งพุ่งแรง ที่พร้อมขอแชร์อำนาจในพรรคอย่างคึกคัก

ว. ก็ วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานกรรมการประสานงาน(วิป)พรรคร่วมรัฐบาล ที่ใช้งานในสภา แผ่อิทธิพลเข้าไปมีบทบาทในพรรค ทำให้ญาติและกลุ่มส.ส.เข้าไปมีบทบาทในรัฐบาลอย่างไม่อาจมองข้าม

องครักษ์ อ.ส.ว. ที่แม้จะมีเป้าหมาย ปกป้อง นายกฯและ 5 รัฐมนตรี เหมือนกัน

แต่ ก็ถูกจับตาว่า คงมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ว่า ใครจะทำผลงานเข้าตา สามารถเล่นบทองครักษ์ ได้ดีกว่า

เพราะ สามารถนำเอาผลงาน ครั้งนี้ไปเคลมกับผู้มีอำนาจในพรรคและนอกพรรคได้ว่า ควรจะได้รับการสมนาคุณ ตอบแทนกลับคืนมา มากน้อยแค่ไหน

โดยเฉพาะ การคาดหมายว่า หลังการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ รัฐบาลดูดีขึ้น

แน่นอน ทั้งสาม ก๊ก อ.-ส.-ว. ต่างก็คาดหวังว่า นอกจากจะรักษาฐานอำนาจ หรือเก้าอี้รัฐมนตรีเดิมเอาไว้แล้ว

ยังสมควรจะได้รับ โบนัส เพิ่มเติมด้วย

นี่จึงมีการคาดหมายว่า ในองครักษ์อ.-ส.-ว.คงแข่งขันกันสูง ชนิดไม่มีใครยอมใคร

อะไรที่สามารถแสดง “พาว” ของกลุ่มตนได้ก็ต้องแสดง

และที่โชว์ให้เห็นแล้ว ก็คือ การฟื้นกลับคืนมาของ กลุ่ม สามมิตร “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน – สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่เชื่องโยงแนบแน่นไปถึง อนุชา นาคาศรัย

“วงอาหาร” โชวตัวว่าหวลกลับมาแล้ว โดยมีส.ส.มาร่วมกว่า 40 คนนั้นไม่ใช่สิ่งธรรมดา

ด้วยมันบอกถึง ความเป็นกลุ่มก้อน ที่ชี้เป็นชี้ตายทางการเมืองของใครก็ได้

ขณะเดียวกันก็ยังเรียกร้อง การเอาใจใส่ ในระดับพิเศษ

คือหากกลุ่มสามารถเล่นบทบาทองครักษ์ได้ดี ก็ควรมีผลตอบแทน ทั้งเก้าอี้ใน คณะรัฐมนตรี และในพรรค

ที่สำคัญ นอกจาก เป็นองครักษ์ ให้ “นาย”แล้ว ยังเป็นองครักษ์ ให้กับ คนในกลุ่มด้วย

นั่นคือ ไม่สมควรที่จะมีใครในกลุ่มสามมิตร จะถูกปลดออกจากรัฐมนตรี

ตรงกันข้าม มึแต่สมควรเพิ่ม

นี่คือ “สัญญาณทางการเมือง” ที่อ่านได้ พร้อมๆกับการประกาศตัวเป็นองครักษ์ในศึกซักฟอกครั้งนี้

ซึ่งแน่นอน คงไม่ได้หมายถึงเฉพาะกลุ่มสามมิตร หากแต่หมายถึงกลุ่มอื่นๆที่พร้อมจะโชว์พลังของตนด้วย

เนื้อใน”เกราะกำบัง”ขององครักษ์ ที่ดูแข็งแกร่งนั้น

เอาเข้าจริงก็มี”รอยแยก”แห่งการแข่งขันเพื่อชิงอำนาจในพปชร.แฝงอยู่อย่างน่าระทึกใจด้วย!