ต่างประเทศ : จากความผิดพลาด สู่หายนะโคโรนาไวรัสชนิดใหม่

ไม่บ่อยครั้งนักที่ประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ ศูนย์รวมอำนาจอยู่ที่พรรคคอมมิวนิสต์เพียงพรรคเดียวอย่างจีนจะออกมายอมรับถึงความล้มเหลวในการดำเนินนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่ง

ล่าสุด โปลิตบุโร หรือกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ออกมายอมรับถึง “ความล้มเหลว” และ “ความบกพร่อง” ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน

การยอมรับความผิดพลาดดังกล่าว มีขึ้นหลังจากโจวเซียนหวัง นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่น ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับผ่านสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมาว่า หน่วยงานปกครองอู่ฮั่น เมืองที่มีประชากรถึง 11 ล้านคน

ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดใหม่นี้ล่าช้าเกินไป

 

ความผิดพลาดใหญ่หลวงของรัฐบาลจีน โดยเฉพาะหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นในอู่ฮั่น เริ่มต้นขึ้นจากความพยายาม “ปิดปาก” ผู้ปล่อยข่าวเกี่ยวกับเชื้อโคโรนาไวรัสชนิดใหม่จำนวน 8 ราย

ในจำนวนนี้รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์รายแรกๆ ที่ค้นพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อปริศนาคล้ายโรคซาร์ส หลังจากเข้าไปในตลาดอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่น

หลี่เหวินเหลียง นายแพทย์แห่งโรงพยาบาลกลางเมืองอู่ฮั่น วัย 34 ปี เป็นแพทย์รายแรกๆ ที่พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัสที่มีอาการป่วยคล้ายโรคซาร์ส ที่เคยแพร่ระบาดในจีน เมื่อปี 2003 คร่าชีวิตคนไปหลายร้อยคน

นายแพทย์หลี่ ส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่น “วีแชต” เข้ากรุ๊ปเพื่อนๆ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแพทย์ว่ามีการตรวจพบผู้ป่วยมีอาการคล้ายโรคซาร์ส 7 คน และเข้ารับการกักกันโรคที่โรงพยาบาลของตน เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม

ข้อความของหลี่ถูกแคปเจอร์และถูกส่งต่อผ่านโลกออนไลน์เป็นวงกว้าง ซึ่งนั่นส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองอู่ฮั่นตั้งข้อหา “เผยแพร่ข่าวลือในโลกออนไลน์”

และกระทำการ “ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมอย่างรุนแรง” กับนายแพทย์หลี่

 

นายแพทย์หลี่กลับไปทำงานด้วยความหวาดกลัวว่าจะถูกจับกุมคุมขัง พร้อมทั้งยอมรับว่า หลังจากนั้นตนไม่สามารถทำอะไรมากกว่านั้นได้แล้ว เนื่องจากทุกสิ่งต้องเป็นไปตามที่ทางการจีนได้กำหนดเอาไว้

1 มกราคม ตำรวจเมืองอู่ฮั่นประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีว่าได้ดำเนินคดีผู้ปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับอาการป่วยโรคปอดอักเสบ “8 คน”

พร้อมเตือนประชาชนว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดหากปล่อยข่าวลือที่สร้างความตื่นตระหนก

แม้หลี่จะถูกเรียกตัวไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาด และมีการแจ้งเตือนไปยังองค์การอนามัยโลกตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม

ทว่าข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ถูกเปิดเผยผ่าน “คณะกรรมาธิการสาธารณสุขเมืองอู่ฮั่น” เพียงแหล่งเดียวเท่านั้น

นั่นทำให้ประชาชนในประเทศจีนยังไม่รู้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

7 มกราคม 9 วันหลังจากนายแพทย์หลี่พบผู้ติดเชื้อ 7 รายแรก หน่วยงานสาธารณสุขจีนยังคงยืนยันว่า “ไม่พบการติดเชื้อจากคนสู่คน”

และยืนยันว่าการแพร่ระบาด “สามารถป้องกันและควบคุมได้”

 

17 มกราคม 19 วันผ่านไป หน่วยงานปกครองเมืองอู่ฮั่นรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อเพียง 41 ราย ก่อนที่ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีก 3 วันถัดมา จำนวนผู้ติดเชื้อกระโดดไปถึง 198 ราย

นั่นส่งผลให้ในวันเดียวกัน สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ออกมาพูดถึงการแพร่ระบาดเป็นครั้งแรก และสั่งการให้ทุ่มเทกำลังในการจำกัดวงการแพร่ระบาดให้ได้ พร้อมทั้งระบุถึงความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลอย่างทันท่วงที

บ่ายวันเดียวกันทางการจีนออกมาเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “สามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้”

23 มกราคม รัฐบาลจีนสั่งการให้ “ปิดเมือง” อู่ฮั่นลงเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด แต่นั่นดูเหมือนจะสายเกินไป เมื่อชาวอู่ฮั่นจำนวนมากถึง 5 ล้านคนได้เดินทางออกจากเมืองในเทศกาลวันหยุดตรุษจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นั่นส่งผลให้เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้แพร่ระบาดไปในทุกมณฑลของจีน รวมไปถึงอีกหลายประเทศทั่วโลกในเวลาต่อมา

ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 20,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 400 ราย

 

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชาวจีนจำนวนมากที่มองว่า หากเสียงเตือนจาก “ผู้ปล่อยข่าวลือถูกรับฟัง อาจจะไม่ต้องมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากมายขนาดนี้ และเกิดเสียงเรียกร้องให้ปกป้องสิทธิของผู้ปล่อยข่าวลือ 8 คนที่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็น “ฮีโร่ที่ถูกมองข้าม”

แถลงการณ์ของสีจิ้นผิง กรณีการเผยแพร่ข้อมูลที่ทันท่วงที กลายเป็น “ไฟเขียว” ให้กับสื่อท้องถิ่นที่เริ่มทำข่าวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดในเชิงลึกมากขึ้น

สื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลอย่าง “ปักกิ่งยูธเดลี” ถึงกับเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของนายแพทย์หลี่ ซึ่งกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ ก่อนจะถูกสั่งลบออกไปในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่สามารถหยุดยั้งความไม่พอใจของประชาชนชาวจีนได้

ล่าสุดศาลสูงสุดของจีนมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของตำรวจเมืองอู่ฮั่น ที่ดำเนินคดีผู้ปล่อยข่าวลือ 8 คน

พร้อมทั้งระบุในคำตัดสินเอาไว้ว่า “หากสังคมได้ฟัง “ข่าวลือ” ในเวลานั้น เวลานี้อาจสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้”

 

ล่าสุดนายแพทย์หลี่กลายเป็นอีกหนึ่งผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ มีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่ล่าสุดมีอาการดีขึ้นและสามารถให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างซีเอ็นเอ็นได้แล้ว

ขณะที่ในบัญชีเว่ยป๋อของนายแพทย์หลี่ เต็มไปด้วยข้อความอวยพรให้หายดี พร้อมกับเสียงชื่นชมในฐานะแพทย์ผู้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

เหตุการณ์นี้มาพร้อมกับคำถามว่า หากทางการอู่ฮั่นฟังเสียงเตือนจากนายแพทย์หลี่ หากรัฐบาลจีนไม่ห่วงแค่เรื่องความมั่นคงมากเกินไป

สถานการณ์การแพร่ระบาดในเวลานี้คงไม่เลวร้ายถึงขั้นนี้