ในประเทศ : ดราม่า “จีน-ไท่กั๋ว” จากอู่ฮั่น ถึงอู่ตะเภา 138 ชีวิตไทย ลุ้น 14 วัน ปลอดไวรัสโคโรนา

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น” ไม่เพียงเป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ของโลก ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ของไทย

เดือนแรกปี 2563 ไม่ดีนักสำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากประสบปัญหาเหนือการควบคุมทั้งฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และภัยแล้ง

ไวรัสอู่ฮั่น ทำให้รัฐบาลไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์หลายแง่มุม เนื่องจากส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วประเทศ รวมผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและส่งออกสินค้าไปจีน

เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับคนไทยทั้งประเทศ เมื่อ 138 ชีวิตคนไทยในเมืองอู่ฮั่น จุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดไวรัส เดินทางกลับถึงมาตุภูมิเมื่อค่ำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็สับสนอลหม่านไม่น้อย

จากการที่ทางการจีนประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น และอีก 12 เมืองในมณฑลหูเป่ย เมื่อวันที่ 24 มกราคม ห้ามทุกคนเคลื่อนย้ายเข้า-ออก บริษัทนำเที่ยวทั่วประเทศหยุดดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวหยุดขายตั๋วเครื่องบินและโรงแรม

กระทรวงการต่างประเทศของไทยเผยว่า มีคนไทยติดอยู่ในเมืองอู่ฮั่น 64 คน เป็นนักเรียน นักศึกษา 49 คน ที่เหลือเป็นคนทำงานและนักท่องเที่ยว

มีข่าวหลายประเทศชั้นนำของโลก เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐ ฝรั่งเศส ประกาศแผนอพยพพลเมืองออกจากอู่ฮั่นทันที

มีรายงานข่าวกระทรวงการต่างประเทศเชิญบริษัทการบินไทย ในฐานะสายการบินแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงฝ่ายความมั่นคง ประชุมประเมินสถานการณ์ หารือแผนอพยพคนไทยในอู่ฮั่น

เบื้องต้นอาจมอบหมายให้กองทัพใช้เครื่องบินทหาร ซี-130 บินเข้าไปรับ เนื่องจากการบินไทยเป็นสายการบินพาณิชย์ ไม่สามารถทำการบินได้ เพราะรัฐบาลจีนสั่งปิดสนามบินอู่ฮั่น ซึ่งทางกองทัพอากาศตอบรับ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ข้อสรุป

มีผู้ใช้เฟซบุ๊กระบุเป็นนักศึกษาไทยในอู่ฮั่น โพสต์เล่าสถานการณ์ว่า นักศึกษาส่วนใหญ่มีอาหารไม่เพียงพอ เพราะไม่ได้ซื้อกักตุนไว้ เนื่องจากได้รับแจ้งเรื่องปิดเมืองกะทันหัน ไม่สามารถออกไปหาซื้อได้ เพราะเดินทางไปไหนไม่ได้

“ขณะที่เพื่อนนักศึกษาต่างชาติ เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น อินโดฯ ได้รับแจ้งว่าทางสถานทูตของเขาเตรียมดำเนินการรับตัวกลับแล้ว เราก็รอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยอยู่ ถ้ายังอยู่ต่อ ไม่รู้ว่าจะอดอาหารตายหรือติดเชื้อตาย อยากกลับบ้านมาก รอด้วยความหวัง”

 

27 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์เรื่องการอพยพคนไทยว่า “ขอให้ใจเย็นๆ” ทางจีนยังไม่ให้เข้าประเทศ การนำเครื่องบินลงต้องขออนุญาตทางการจีนก่อน สถานการณ์ในจีนยังควบคุมได้ รัฐบาลไทยเตรียมแผนงานไว้ เมื่อถึงเวลาจะขออนุญาตนำเครื่องบินเข้าไปรับ

“พร้อมมาหลายวันแล้ว สั่งเตรียมการเรื่องเครื่องบินมา 1 เดือนแล้ว แต่เขายังไม่ให้ไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

มีข่าวยืนยันทหารเรือไทย 20 นาย ออกจากเมืองอู่ฮั่นกลับถึงไทย ขณะที่การอพยพ 64 คนไทยไม่คืบหน้า ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในทางลบ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า จีนสั่งปิดประเทศโดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่นห้ามคนเข้า-ออก ไทยจึงควรให้ความร่วมมือ “ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีประเทศไหนนำเครื่องบินเข้าไปรับคนของตัวเองออกจากจีน”

วันนั้นเอง สำนักข่าวต่างประเทศยืนยัน รัฐบาลสหรัฐเริ่มขั้นตอนส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำไปรับพลเมืองชาวอเมริกัน เจ้าหน้าที่ทูตและครอบครัวออกจากเมืองอู่ฮั่นแล้ว เช่นเดียวกับฝรั่งเศส มองโกเลีย และอีกหลายประเทศ

ญี่ปุ่นส่งเครื่องบินไปรับพลเรือนกลุ่มแรกราว 200 คน ช่วงดึกวันที่ 28 มกราคม

ฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทยโจมตีกล่าวหารัฐบาลเชื่องช้าในการอพยพคนไทยจากอู่ฮั่น ต่างกับหลายประเทศที่ดำเนินการได้รวดเร็ว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงให้สัมภาษณ์ย้ำว่า พร้อมรับคนไทยกลับทันทีหากได้รับอนุญาตจากจีน

29 มกราคม เอเอฟพีระบุ ทางการมาเลเซียส่งเครื่องบินไปยังจีน อพยพพลเมืองของตนเองแล้ว เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ สหรัฐ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสเปน

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า กำลังเตรียมแผน ถ้าใช้เครื่องบินทหารไปรับอาจมีปัญหาบางอย่าง อาจต้องใช้เครื่องบินพาณิชย์แบบเช่าเหมาลำ และต้องดูว่าจีนพร้อมให้ส่งกลับหรือยัง

ในการประชุมสภา นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ชี้แจงว่า คาดว่าจีนจะอนุญาตให้ส่งเครื่องบินไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่นได้ไม่เกินวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ขณะที่นายอนุทินปฏิเสธยังไม่ได้รับการยืนยันวันที่จะไปรับคนไทยชัดเจน แต่ยืนยันจะไปรับเร็วที่สุด รอไฟเขียวจากจีนเท่านั้น

ในวันนั้น สิงคโปร์ออกแถลงการณ์เที่ยวบินทีอาร์ 121 สายการบินสกู๊ต พร้อมผู้โดยสารชาวสิงคโปร์ 92 คน อพยพจากอู่ฮั่น เดินทางถึงสนามบินชางงีอย่างสวัสดิภาพ

เครื่องบินสายการบินแอร์เจแปน อพยพพลเรือนญี่ปุ่นกลุ่มที่ 3 ออกจากอู่ฮั่น กลับมายังสนามบินฮาเนดะเช้าวันที่ 31 มกราคม และเตรียมบินไปรับผู้อพยพกลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มสุดท้าย

“ของเราก็รอคิว เขาบอกว่าเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เวลา 6 โมงเช้า” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าว

แผนอพยพเริ่มชัด เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล เผยว่า สายการบินแอร์เอเชีย สายการบินเดียวที่มีเส้นทางบินตรงอู่ฮั่น ยินดีสนับสนุนและร่วมมือส่งเครื่องบินไปรับคนไทย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ

มีรายงานข่าวว่า แอร์เอเชียจะบินไปรับคนไทยวันที่ 4 กุมภาพันธ์ โดยมีผู้แจ้งความจำนงเดินทางกลับ 130-140 คน

การเตรียมแผนอพยพถูกนำเสนอต่อที่ประชุมซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์

แอร์เอเชียที่บินไปรับคนไทยจะกลับมาลงจอดสนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง และใช้โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นที่ตั้งกองอำนวยการร่วมเฝ้าระวังสถานการณ์โรคติดต่อ และบริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์

ใช้อาคารรับรองกองทัพเรือ บริเวณอ่าวดงตาล อ.สัตหีบ เป็นพื้นที่ควบคุมจำนวน 5 อาคาร รองรับคนไทยจากอู่ฮั่นกว่า 130 คน ในการเฝ้าสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครติดเชื้อไวรัส

และแล้วทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่ยังไม่จบ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังการระบาดของไวรัสอู่ฮั่น อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของไทยจากนักท่องเที่ยวจีน ประมาณ 3 แสนล้านบาท

หากถึงเดือนมีนาคม จีนยังไม่สามารถยุติสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคได้ก็อาจเสียหายมากกว่านั้น

การหายไปของนักท่องเที่ยวจีน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยวไทยที่ตั้งเป้าเติบโตไว้มากกว่าปีก่อนที่ 11 ล้านคน ล่าสุดรายงานสถิติระบุระหว่างวันที่ 24 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวจีนลดลงกว่า 232,114 คน หรือราว 60.59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 383,112 คน

การที่ไทยเป็นตลาดใหญ่ของนักท่องเที่ยวจีน นำรายได้เข้าประเทศมหาศาล จึงเป็นเหตุผลว่าท่ามกลางวิกฤตการณ์ไวรัสอู่ฮั่น ในขณะที่หลายประเทศทั้งสหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อิสราเอล ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ตัดสินใจประกาศปิดรับนักท่องเที่ยวจีน แม้แต่รัสเซีย มองโกเลีย เนปาล ก็ปิดด่านชายแดนติดต่อกับจีน

แต่ไทยยังคงเปิดอ้าซ่า ต้อนรับชาวจีนทุกช่องทาง

ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ปัจจุบันมีชาวจีนจากเมืองอู่ฮั่นและกวางโจวคงเหลืออยู่ในไทยราว 18,000 คน

ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส ล่าสุดมีจำนวนสะสมตั้งแต่ 3 มกราคม-4 กุมภาพันธ์ ทั้งสิ้น 25 ราย มีทั้งชาวจีนที่มาจากเมืองอู่ฮั่น คนไทยที่ติดเชื้อจากต่างประเทศและคนไทยที่ติดเชื้อภายในประเทศ

 

สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสอู่ฮั่น

นอกจากบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพความฉับไวต่อปัญหาของรัฐบาล ยังตอกย้ำว่านอกจากเรื่องซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งพา “ทัวร์จีน” เป็นหัวใจสำคัญ

สำหรับการจัดคิวให้ไทยบินไปรับพลเมืองของตนเองในลำดับท้ายๆ ต่อจากสิงคโปร์ มาเลเซีย หรือแม้กระทั่งเมียนมา ซึ่งเป็นชาติอาเซียนด้วยกัน ญี่ปุ่นคู่ปรับในอดีต สหรัฐคู่ปรับในปัจจุบัน ก็ยังได้คิวอันดับต้นๆ

ก็ชัดว่า ในสายตาของจีน จัดวางไทยไว้ในตำแหน่งใดบนโลกใบนี้