นงนุช สิงหเดชะ : นักการเมืองอเมริกันยุค “ทรัมป์” รู้จัก “เลียแข้งเลียขา” กับเขาบ้าง

นางเคลลีย์แอน คอนเวย์กำลังถ่ายรูปประธานาธิบดีทรัมป์/ AFP PHOTO / Brendan Smialowski

มีเรื่องให้เขียนถึงได้ไม่หยุดแม้แต่วันเดียว สำหรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา รวมทั้งคนรอบข้างของเขา เรียกได้ว่าช่วงหาเสียงเลือกตั้งก่อความวุ่นวายยังไง พอเข้ามาเป็นประธานาธิบดีจริงๆ ก็สร้างความวุ่นวายปั่นป่วนได้วายป่วงยิ่งกว่า

ว่ากันว่าถ้าเราเป็นคนประเภทไหน ก็มักจะเลือกคนประเภทเดียวกันนั้นมาทำงานด้วยหรือมาเกี่ยวข้องด้วย

ในเมื่อทรัมป์ไม่ค่อยมีจริยธรรม และไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ก็อนุมานได้ว่าคนที่ยอมมาร่วมงานกับเขาส่วนใหญ่ก็เป็นประเภทเดียวกัน

ในเมื่อทรัมป์เป็นคนที่ชอบให้ใครต่อใครเอาใจ ชมเชย ไม่ชอบถูกวิพากษ์วิจารณ์ เขาก็ย่อมอยากจะอยู่กับคนประเภทนั้น

พฤติกรรมของทรัมป์ นำไปสู่การได้คนที่ชอบ “เลียแข้งเลียขา” มาร่วมอยู่ในคณะบริหารประเทศ ซึ่งคงหาดูได้ไม่ง่ายนัก ที่จะได้เห็นคนในแวดวงการเมืองอเมริกันมีพฤติกรรมเลียแข้งเลียขา ไม่ต่างไปจากประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศเผด็จการ

แต่มีให้เห็นจะจะชัดเจนก็ในยุคทรัมป์นี่เอง อย่างน้อยหนึ่งในนั้นก็คือ นางเคลลีย์แอน คอนเวย์

นางเคลลีย์แอน คอนเวย์ กำลังเช็ครูปที่เพิ่งถ่ายประธานาธิบดีทรัมป์จากโทรศัพท์/ AFP PHOTO / Brendan Smialowski

อาจเป็นไปได้ว่าทรัมป์จะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ ที่จะโค่นทำลาย “จริยธรรม” ที่เคยเป็นจุดแข็งของการเมืองอเมริกันมาช้านาน

นางเคลลีย์แอน คอนเวย์ นั้นเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีทรัมป์ เหตุที่ได้ตำแหน่งนี้เพราะก่อนหน้านั้นเธอทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการหาเสียงเลือกตั้งให้กับทรัมป์

ซึ่งประเด็นที่ทำให้เธอถูกตำหนิมากที่สุดเรื่องจริยธรรมก็คือกรณีที่เธอกล่าวตอนหนึ่งขณะให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟอกซ์ในลักษณะโฆษณาให้กับสินค้าของ อีวานก้า ทรัมป์ ซึ่งถูกห้างดังไม่ว่าจะเป็นเมซี”ส์ และนอร์ดสตรอม ถอดสินค้าออกจากเว็บไซต์ของห้าง อันสืบเนื่องมาจากประชาชนจำนวนมากต่อต้านทรัมป์ด้วยการประกาศบอยคอตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ ทำให้ห้างสรรพสินค้าเจอแรงกดดันจนต้องหลีกเลี่ยงขายสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับทรัมป์

นางคอนเวย์ กล่าวเชิญชวนผู้ชมให้ไปช่วยซื้อสินค้าของอีวานก้า โดยบอกว่า “เป็นสินค้าที่ดีมาก ฉันซื้อมาแล้ว ขอให้ทุกคนไปซื้อวันนี้เลยนะ ซื้อออนไลน์ก็ได้”

ถามว่านางคอนเวย์ ซึ่งจบรัฐศาสตร์และกฎหมาย ไม่รู้หรือว่าการทำอย่างนั้นผิดจริยธรรม คำตอบคือน่าจะรู้ แต่ความต้องการเอาอกเอาใจทรัมป์และความทะเยอทะยานของเธออยู่เหนือจริยธรรมและความผิดชอบชั่วดี

เธอต้องการเอาใจทรัมป์อย่างแน่นอน เพราะการให้สัมภาษณ์ของเธอเกิดขึ้นหลังจากทรัมป์ได้ทวีตข้อความแสดงความไม่พอใจต่อห้างนอร์ดสตรอม โดยระบุว่าลูกสาวของเขาได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

คำพูดของนางคอนเวย์สร้างความตกใจให้กับทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน เพราะการกระทำลักษณะนั้นส่อเค้าผิดกฎหมายเนื่องจากถือว่าใช้เกียรติภูมิของประธานาธิบดีไปในทางที่ผิด

ทำให้ นายเจสัน ชาฟเฟตซ์ ประธานคณะกรรมาธิการควบคุมดูแลและปฏิรูปรัฐบาลจากพรรครีพับลิกัน และ นายเอไลจาห์ คัมมิงส์ สมาชิกคณะกรรมาธิการจากพรรคเดโมแครต ร่วมกันทำจดหมายถึงผู้อำนวยการสำนักงานจริยธรรมรัฐบาล (โอจีอี) ขอให้ลงโทษทางวินัยต่อนางคอนเวย์

โดยจดหมายระบุว่าการกระทำของคอนเวย์ละเมิดหลักจริยธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐและเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

ขณะที่โอจีอี ก็เปิดเผยว่าได้รับคำร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากในเรื่องที่คอนเวย์พูด

AFP PHOTO / Brendan Smialowski

นางคอนเวย์นั้น มีปัญหาเรื่อง “ความน่าเชื่อถือ” มาแต่ต้น และกลายเป็นตัวตลกถูกสื่อมวลชนล้อเลียนอยู่เสมอไม่ต่างจาก โดนัลด์ ทรัมป์ เรียกได้ว่าเป็นคู่หูจอมเซ่อซ่า ทั้งนายและลูกน้องต่างพากันเข้ารกเข้าพงไปกู่ไม่กลับ

เรื่องที่เธอถูกอำและล้อเลียนมากที่สุด คือ “การสังหารหมู่ที่โบว์ลิ่งกรีน”

ต้นตอของเรื่องมาจากการที่คอนเวย์พยายามจะสนับสนุนความชอบธรรมของคำสั่งทรัมป์ที่ให้แบนคนจาก 7 ชาติมุสลิมไม่ให้เข้าอเมริกา โดยเธอยกเรื่อง “การสังหารหมู่ที่โบว์ลิ่งกรีน” มาอ้าง ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

เรื่องจริงมีเพียงว่า ในปี 2011 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมชายชาวอิรัก 2 คนที่เมืองโบว์ลิ่งกรีน รัฐเคนตักกี้ เพราะทั้งสองคนเตรียมจะจัดส่งอาวุธไปให้กลุ่มอัลเคดาห์ในอิรัก แต่ไม่เคยมีการสังหารหมู่หรือเดี่ยวใดๆ เกิดขึ้นที่เมืองนี้

เมื่อถูกสื่อมวลชนซักถามในภายหลัง นางคอนเวย์ (หน้าตาของเธอเหมือนแม่มดมาก) ก็เฉไฉไปว่า สิ่งที่เธอพูดต้องการแค่หมายถึงการจับกุมชาวอิรัก 2 คน (เข้าใจว่าคงไปหาข้อมูลมาทีหลัง)

AFP PHOTO / MANDEL NGAN

คอนเวย์ก็คงเหมือน โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ปล่อยไก่ตัวใหญ่ (อีกแล้ว) ทำเอาฮากันทั้งโลก เมื่อเขาวิจารณ์นโยบายรับผู้ลี้ภัยของยุโรป (ทำนองว่าการใจดีรับผู้ลี้ภัยจะโดนพวกก่อการร้ายเล่นงาน) โดยตอนหนึ่งทรัมป์กล่าวพาดพิงสวีเดนว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างของประเทศที่ถูกผู้ก่อการร้ายโจมตี ทั้งที่สวีเดนยังไม่เคยถูกผู้ก่อการร้ายโจมตี จึงทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีสวีเดน ออกมาจวกความมั่วของทรัมป์ โดยเหน็บแนมว่า “นายคนนี้ไปสูบอะไรมา”

น่าสังเกตว่าเวลา “มหาเศรษฐี” ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศไหนก็ตาม สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นคือคนรอบตัวเขาจะเอาอกเอาใจพินอบพิเทาต่อเขาเป็นพิเศษ แบบไม่แยกแยะผิดถูก ผิดชอบชั่วดี ไม่คำนึงถึงจริยธรรมและศีลธรรม แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับอดีตผู้นำของไทยที่เป็นมหาเศรษฐีเป๊ะ