ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กุมภาพันธ์ 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ
https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/
เทอร์โมสแกน กล้องอินฟราเรด
คัดกรองระบาดของเชื้อโรค
สายพันธุ์อู่ฮั่น
เทอร์โมสแกน (Thermoscan) กล้องถ่ายภาพความร้อน เป็นการตรวจร่างกายเบื้องต้น จะมีการตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกาย เพื่อดูว่าผู้ที่เข้ามารับการรักษามีอุณหภูมิสูงกว่าปกติหรือมีไข้หรือไม่ เพื่อทำการคัดกรองผู้ป่วย จะจับความเข้มของการแผ่รังสีความร้อนจากตัวผู้ป่วยแล้วนำมาประมวลผลเป็นค่าอุณหภูมิ
ยิ่งมีการแผ่รังสีความร้อนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอุณหภูมิสูงมากเท่านั้น
กล้องถ่ายภาพนี้สามารถสร้างภาพจากการแผ่รังสีอินฟราเรด ซึ่งเปรียบเทียบได้กับกล้องถ่ายภาพธรรมดา แตกต่างกันที่กล้องถ่ายภาพธรรมดาใช้การสร้างภาพจากแสงที่มองเห็นได้ ที่มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 450-750 นาโนเมตร
แต่กล้องถ่ายภาพความร้อนทํางานกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความยาวคลื่นประมาณ 14,000 นาโนเมตร ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รังสีอินฟราเรดหรือเรียกว่าคลื่นรังสีความร้อน
สามารถนำกล้องไปใช้ในงานที่มีจำนวนคนมากๆ สะดวก และรวดเร็วกว่าการวัดอุณหภูมิ
กล้องถ่ายภาพความร้อนจะสแกนบุคคลที่เข้ามา แล้วทำการคัดกรองผู้ป่วยจากอุณหภูมิที่แตกต่างไป
โดยเมื่อมีคนเข้ามาในกรอบสังเกตการณ์ กล้องจะทำการประเมินอุณหภูมิโดยอัตโนมัติ และแสดงผลออกมาในรูปแบบจุดสี คือสีแดง หมายถึง มีความเสี่ยงที่จะมีไข้ และสีเขียว หมายถึงปกติ
กล้องถ่ายภาพรังสีความร้อน (อินฟราเรด) ซึ่งเป็นกล้องสำหรับตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายแบบไม่สัมผัส โดยนำมาใช้ตรวจวัดผู้สงสัยที่จะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เพื่อคัดแยกผู้ที่มีอุณหภูมิสูงออกจากผู้ป่วยทั่วไปและบุคคลปกติโดยไม่ต้องสัมผัสผู้ป่วย ซึ่งในปัจจุบันใช้วิธีตรวจวัดอุณหภูมิ
ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถคัดกรองผู้ป่วยได้หลายคนพร้อมกันและให้บริการตรวจวัดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้แยกผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูงหรือผู้ป่วยที่อาจมีเชื้อโรคติดต่อร้ายแรง
กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงขั้นตอนการเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ด่านควบคุมโรคท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า สนามบินสุวรรณภูมิยังคงคัดกรองผู้ป่วยด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อนอินฟราเรด หรือเทอร์โมสแกน (Thermoscan) โดยทำใน 2 ระดับชั้น
ระดับชั้นที่ 1 เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้โดยสารทั่วไป โดยการใช้อุปกรณ์ Thermoscan camera surveillance เพื่อคัดกรองอุณหภูมิ “ผู้โดยสารทุกคน” ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจากเที่ยวบินทั่วโลก บริเวณทางเข้าก่อนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้ง 3 ช่องทาง และครอบคลุมทุกพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง
โดยเป็นเครื่องที่มีกล้องติดตั้งคล้ายระบบ CCTV โดยศูนย์กลางควบคุมอยู่ที่สถานีด่านควบคุมโรคในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเฝ้าระวังอุณหภูมิผู้โดยสารตลอด 24 ชั่วโมง
เป็นมาตรฐานสากลที่สนามบินนานาชาติในเอเชียดำเนินการมาต่อเนื่องประมาณ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2560
ระดับชั้นที่ 2 การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้โดยสารระดับเฉพาะเจาะจงพิเศษ เป็นการทำ Thermoscan camera surveillance แบบ target flight/destination เป็นการดำเนินการเสริมในกรณีที่เกิดเหตุการณ์โรคระบาดขึ้นในต่างประเทศ
โดยจะทำการติดตั้งอุปกรณ์ mobile thermoscan camera ตามจุดที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะบริเวณเส้นทางเดินจากประตูเครื่องบินของผู้โดยสารเดิน ก่อนเข้าไปยังอาคารสนามบิน
โดยมีกระบวนการตรวจเช็ก 2 รูปแบบ ได้แก่
2.1 แบบเจาะจง ประตูทางออก (Target Gate) ในกรณีที่ประเทศต้นทางของการระบาดเชื้อโรคมีจำนวนเที่ยวบินไม่มากนัก เจ้าหน้าที่จะทำการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจ Thermoscan บริเวณด้านหน้าประตูเครื่องบินที่กำหนดไว้ โดยผู้โดยสารจะต้องผ่านการคัดกรองทุกคน
หากพบอุณหภูมิร่างกายผิดปกติ เช่น ไข้ต่ำ เจ้าหน้าที่จะวัดอุณหภูมิร่างกายทางใบหูซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันอุณหภูมิจริงของร่างกาย ด้วยวิธีการนี้ทำให้สามารถตรวจพบผู้โดยสารที่มีไข้และยืนยันการติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากเมืองอู่ฮั่นได้เป็นรายแรกที่อยู่นอกประเทศจีน
ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากความสามัคคีและช่วยเหลือของภาคี อาทิ การท่าอากาศยาน (ฝ่ายการแพทย์ ฝ่ายบริหาร) สายการบิน และด่านตรวจคนเข้าเมือง
2.2 แบบเจาะจง อาคารเทียบเครื่องบิน (Target Concord) โดยดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ Thermoscan camera ในแบบ concord screening โดยกำหนดให้เที่ยวบินที่มาจากประเทศที่มีการระบาดของเชื้อโรคให้ลงในอาคารสถานที่เดียวกัน เพื่อไม่ให้ปะปนกับผู้โดยสารจากประเทศอื่น”
และยืนยันว่าสนามบินสุวรรณภูมิไม่เคยหยุดทำ Thermoscan ยังคงตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้โดยสารทุกคนตลอด 24 ชั่วโมงเป็นขั้นต่ำ ณ จุดทางเข้าตรวจคนเข้าเมือง (universal)
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมรณรงค์แจกหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนตามจุดคัดกรองเข้า-ออกภายในห้างศูนย์การค้า เพื่อคัดกรองนักท่องเที่ยวที่อาจจะเข้าข่ายมีความเสี่ยง
ถ้ามีอุณหภูมิในร่างกายสูงถึง 38 องศาเซลเซียส เครื่องจะแจ้งเตือน จากนั้นก็จะนำส่งโรงพยาบาลให้ทันท่วงที
การป้องกันตนเองที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงเข้าไปอยู่ในพื้นที่แออัดหรือสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น การล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่นาน 20 วินาที แต่ถ้าไม่มีให้ใช้เจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัย ที่แม้จะป้องกันไม่ได้ 100% แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยง ปรุงอาหารประเภทเนื้อสัตว์และไข่ให้สุกด้วยความร้อน สวมถุงมือในขณะใช้บริการขนส่งสาธารณะ
และอย่าเดินทางขณะป่วย