ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กุมภาพันธ์ 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]
‘อาวดี้ เอ 1’ เก๋งเล็ก 5 ประตู
พลังเทอร์โบ-แรงเกินตัว
เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว น้องเล็กสุดจากค่าย 4 ห่วง “อาวดี้ เอ 1” พรีเมียมคอมแพ็กต์คาร์ 5 ประตู
หากดูรูปทรงรวมไปถึงการตั้งราคาถือว่ามาซดกับคู่แข่งจากประเทศเดียวกันทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์ “เอ-คลาส” และบีเอ็มดับเบิลยู “ซีรี่ส์ 1″ รวมถึง” มินิ” ที่ตอนนี้อยู่ในความดูแลของบีเอ็มดับเบิลยู
สำหรับรุ่นนี้มีชื่อเต็มๆ คือ “A1 Sportback 35 TFSI S line”
หน้าของเอ 1 ถือว่าดูโฉบเฉี่ยวได้อารมณ์สปอร์ต กระจังหน้าดักลมขนาดใหญ่ มีขนาดที่กว้างเท่ากับช่องใต้ฝากระโปรง ซึ่งได้รับแนวคิดการผสมผสานการออกแบบของรถยนต์ Audi ในรุ่น Ur-quattro และ Sport quattro
ไฟหน้าออกแบบดูสปอร์ต พร้อมไฟเดย์ไทม์ รวมชุดเข้าไว้ด้วยกันเพิ่มมุมมองอารมณ์สปอร์ต ไฟท้ายมาในแนวนอน
ล้ออัลลอยลายสปอร์ตขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/40 แก้มต่ำยิ่งดูสปอร์ตมากขึ้น
คันที่ได้มาทดสอบเป็นแบบทูโทน สีขาวหลังคาดำ
กระจกมองข้างเป็นสีดำเช่นเดียวกัน
เพิ่มความดุดันมากขึ้นด้วยชุดแต่ง S line อันเป็นเอกลักษณ์ของอาวดี้
ภายในมาพร้อมเทคโนโลยีแบบ fully digital ออกแบบโดยมีผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง พวงมาลัยท้ายตัดพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ virtual cockpit ขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว ระบบ MMI Radio plus สามารถปรับเปลี่ยนได้ 2 รูปแบบหลักๆ
อันแรกคล้ายกับหน้าจอทั่วไปที่มีมาตรวัดความเร็ว และรอบเครื่องยนต์แยกซ้าย-ขวา ตรงกลางเป็นจอแสดงข้อมูลขนาดเล็ก
หากปรับใหม่จอแสดงข้อมูลมีขนาดใหญ่ขึ้น และมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องยนต์มีขนาดย่อลง
จอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว มาพร้อมระบบ Audi smartphone interface รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay เอียงเข้าหาคนขับทำให้ง่ายต่อการเหลือบสายตาไปมอง
รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ รองรับ MP3 ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ แยกอิสระ 2 โซน
ต่ำลงมาอีกนิดเป็นปุ่มเปิด-ปิดควบคุมระบบต่างๆ เช่น ปรับโหมดการขับขี่ ระบบตัดเครื่องยนต์อัตโนมัติขณะจอดเพื่อประหยัดน้ำมัน ระบบเซ็นเซอร์รอบคัน
ภาพรวมภายในดูแต่งแบบเรียบๆ ดูหรูหรา
ด้วยขนาดตัวถังยาว 4.03 เมตร ยาวกว่ารุ่นก่อน 56 ม.ม. กว้าง 1.74 เมตร สูง 1.41 เมตร ถือว่าขนาดกำลังเหมาะ แถมเป็นแบบท้ายตัดดูกะทัดรัด
ผมเข้าไปลองนั่งเบาะหลังคนขับ เมื่อปรับเบาะหน้าให้เข้ากับสรีระการขับของผม ถือว่านั่งได้สบายพอประมาณสมควร ทั้งเลกรูมและเฮดรูมมีให้เหลือเฟือ
แต่ที่ชอบและบอกว่าเกินตัวไปไม่น้อยคือที่เก็บสัมภาระด้านท้าย เมื่อเปิดประตูที่ 5 พบกับความกว้างขวางเกินคาด ความจุ 335 ลิตร และเพิ่มเป็น 1,090 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง
ไฟเรืองแสงในห้องโดยสารสีขาว
กุญแจรีโมตแบบ Comfort key พกติดตัวไว้ สามารถเปิด-ล็อกประตูได้จากตัวรับสัญญาณที่มือจับ
ประตูเปิดได้กว้างพอประมาณ เข้า-ออกได้สะดวก เมื่อขึ้นไปนั่งเบาะโอบกระชับสรีระได้ดี แต่ด้วยเป็นรถขนาดเล็กทำให้ทุกอย่างดูใกล้มือไปหมด ทำให้เป็นข้อดีที่ไม่ต้องเอื้อมไปปรับหรือกดปุ่มต่างๆ
พวงมาลัยแบบท้ายตัดถือว่าเหมาะมาก เพราะเพิ่มพื้นที่เหนือหน้าขาได้ไม่อึดอัด
กดปุ่มสตาร์ต จากนั้นปิดระบบต่างๆ ที่ผมไม่ชอบเป็นการส่วนตัวทั้งระบบตัดเครื่องยนต์เวลาจอด หรือเซ็นเซอร์รอบคัน เพราะจะส่งเสียงตลอดเวลามีรถเข้าใกล้ การขับรถในกรุงเทพฯ ยากที่จะไม่มีรถอยู่ในรัศมีทำการของเซ็นเซอร์
กดคันเร่งส่งรถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แม้เครื่องยนต์มีความจุเพียง 1.5 ลิตร เบนซิน 4 สูบแถวเรียง แต่ติดเทอร์โบมาด้วย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความแรง
เครื่องรุ่นนี้ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 สปีด
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทุกอัตราเร่งมาหายห่วง ความเร็วปลายผมทำไว้สูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ช่วงล่างแข็งนิดๆ แต่ไม่ถึงกับกระด้าง
พวงมาลัยไฟฟ้าเบาแรงมากๆ ในย่านความเร็วต่ำหรือตอนถอยจอดสบายๆ แต่หากวิ่งความเร็วสูงอาจต้องกระชับให้แน่นสักหน่อย
เสียงลมเข้ามาค่อนข้างน้อย
ทริปนี้ผมใช้หลักๆ แค่ 2 โหมดคือ ธรรมดา และไดนามิก
จริงๆ แล้วหากไม่ใช่ขาซิ่งจัดๆ แค่โหมดธรรมดาเหลือเฟือ หากอยากสนุกขึ้นเล่นที่เกียร์ได้เพราะมีระบบแมนวลมาให้เพียงผลักไปทางซ้าย สามารถเพิ่ม-ลดเกียร์ด้วยตัวเอง
ถ้าอยากให้เครื่องยนต์และคันเร่งตอบสนองดีขึ้น ปรับไปที่โหมดไดนามิก แต่ต้องแลกมาด้วยอาการกระชากนิดๆ เวลากดคันเร่งแรงๆ
แต่ขาซิ่งน่าจะชอบเพราะกดคันเร่งพรวดลงไป หลังติดเบาะทันที
การเร่งแซงทำได้กระชับ อัตราเร่งมาไวมาก กดเป็นพุ่ง เมื่อบวกกับรูปร่างกะทัดรัดแถมท้ายตัดอีกต่างหาก เวลาเปลี่ยนเลนง่ายมากขึ้น
การสาดโค้งผมใช้ความเร็วระดับ 90-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้การเชนจ์เกียร์ช่วยสามารถเข้าได้โดยไม่ต้องแตะเบรก
รถเกาะโค้งได้อย่างดี
ช่วงเปลี่ยนเกียร์ถือว่านิ่มนวลมากแทบไม่กระตุกให้รู้สึก แม้แต่ตอนปรับมาใช้แบบแมน่วลก็ตาม
ระบบเบรกหน้า-หลังแบบดิสก์ หายห่วงเอาอยู่แน่นอน เพราะตัวรถไม่ได้หนักอะไรมาก
กระจกด้านหลังทัศนวิสัยน้อยไปนิด เวลาถอยจอดอาจลำบากหน่อยแต่มีตัวช่วยเป็นกล้องมองหลัง
อุปกรณ์และระบบความปลอดภัยมีมาให้พอประมาณ เรียกว่าที่เป็นมาตรฐานมีครบ ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ระบบควบคุมการทรงตัว ESC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ follow me home ผมไม่แน่ใจว่าอาวดี้ใช้ชื่อเรียกระบบนี้ว่าอะไร อธิบายง่ายๆ คือไฟหน้าจะติดอยู่อีกสักพักหลังดับเครื่องยนต์ เพื่อความปลอดภัยและสะดวกเวลาขับรถกลับบ้านตอนกลางคืน
“อาวดี้ เอ 1” เป็นรถขนาดเล็กที่เหมาะกับการขับชิลชิล แต่หากอยากสนุกบ้างก็รองรับได้อยู่
กับสนนราคา 2,149,000 บาท
หากเทียบว่าเป็นรถนำเข้าทั้งคัน ถือว่าตั้งราคามาได้น่าสนใจทีเดียว