วิถีแห่งกลยุทธ์ /เหมยฉางซู เสถียร จันทิมาธร / โปรดดื่มเหล้านี้ ให้หมดจอก (30)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

โปรดดื่มเหล้านี้ ให้หมดจอก (30)

 

เมื่อมีบทสรุปที่แน่ชัดว่ารากฐานแห่งปัญหามาจากที่ใด เหมยฉางซูยังมองโลกในแง่ดีมีความหวัง เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดคำนวณจากเวลา บางทีอาจยังสามารถคลี่คลายได้

คนแรกที่นึกถึงเป็นจิ้งหวัง

“ขอให้ท่านรีบเข้าวังสอบถามโดยด่วน หากจวิ้นจู่ไปที่ตำหนักเยว่กุ้ยเฟยท่านต้องรีบรุดไปทันที ทั้งต้องหานางให้พบ ไม่ว่าต้องแลกกับอะไรก็ตาม”

เป็นคำบัญชา มิใช่คำขอร้อง

เซียวจิ่งเหยียนแม้เปี่ยมด้วยความมึนงง แต่เห็นอากัปกิริยา สีหน้าอีกฝ่ายจริงจังจนถึงระดับเกรี้ยวกราด พลันเชื่อว่าเป็นจริง โดยเฉพาะประโยคที่ว่า

“หนีหวงจวิ้นจู่ตกอยู่ในอันตราย”

ไม่เพียงแต่จะมอบหมายให้เซียวจิ่งเหยียน หากเหมยฉางซูยังหันไปหาองค์หญิงจิ่งหนิง “รบกวนท่านรีบไปที่ตำหนักไท่หวงไท่โฮ่วนำเสด็จพระองค์ไปที่ตำหนักเจาเหริน นี่สามารถช่วยจวิ้นจู่ได้อีกทาง ท่านต้องไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เซียวจิ่งหนิงถอยหลังไป 2 ก้าว งุนงงจนทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อได้ยินคำว่า “พี่หนีหวง” ในใจพลันสั่นสะท้าน

ไม่ทันได้คิดอะไรก็รีบวิ่งไปดำเนินการทันที

 

แม้จะสั่งการเซียวจิ่งเหยียน แม้จะขอความช่วยเหลือจากเซียวจิ่งหนิง ซึ่งล้วนแต่เป็นราชนิกุล มีความหมาย มีความสำคัญเป็นอย่างสูง

แต่เหมยฉางซูยังหันไปยังเหมิงจื้อในฐานะที่คุมกำลังองครักษ์

“รบกวนท่านจัดกำลังคนปิดล้อมด้านนอกตำหนักเจาเหรินทุกด้าน ถ้าเห็นคุณชายซือหม่าเหลยออกมาให้จับตัวไว้โทษฐาน ‘รุกล้ำเขตพระราชฐาน’ ท่านทำได้หรือไม่”

“วางใจได้” เป็นสำนองจากเหมิงจื้อ

ท้องพระโรงใหญ่จึงเหลือเพียงคุณชายสูงศักดิ์ 2 คน เป็นเหยียนอวี้จิน เป็นเซียวจิงรุ่ย ล้วนยืนงงกับเหตุการณ์ ณ เบื้องหน้า

“พี่ซู เกิดเรื่องอะไรกันแน่”

“ไห่เยี่ยน” บรรยายความตามสำนวนแปล “ลีหลินลี่” ออกมาว่า เหมยฉางซูปิดหนังตาลง สีหน้าเหนื่อยล้าถึงขีดสุด

เสียงทอดถอนใจหนักอึ้งลอดออกจากริมฝีปากบางก่อนพึมพำ

“เป็นความผิดข้าเอง ข้าคำนวณผิดพลาดไปเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ได้แต่หวังว่าเหตุที่นำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรงที่สุดยังไม่เกิดขึ้น”

สถานการณ์ทางด้านตำหนักเจาเหรินดำเนินไปอย่างไร

 

ขณะที่เมรัยใสบริสุทธิ์ถ้วยนั้นส่งถึงเบื้องหน้าหนีหวงจวิ้นจู่ นางยื่นมือรับไว้โดยมิได้ลังเลแม้แต่น้อย ก่อนเงยหน้าแย้มยิ้มให้ผู้เชิญชวน

ปลายนิ้วเรียวเล็กขาวสะอาดซึ่งถูกตัดแต่งอย่างดีของเยว่กุ้ยเฟย

ที่กำลังวาดวงกลมเล็กๆ กลางอากาศหดกลับเข้าหาตัว กระโปรงยาวสีกลีบบัวพลิ้วไหวไปตามกิริยางามชดช้อยขณะถอยกายไปด้านหลัง กำไลหยกกระทบกันเสียงดังติงตังสดใส

นางก็เป็นชาวอวิ๋นหนานจากบ้านเกิดมาอยู่ในวังได้ 30 ปีเศษ ไม่เคยกลับไปแม้แต่ครั้งเดียว

เมื่อนางสอบถามถึงทัศนียภาพของบ้านเกิด หนังตาพลันกะพริบ วิบไหว ประหนึ่งได้ย้อนกลับไปเมื่อครั้งเป็นสาวน้อยอายุ 18

เพราะดวงตาเปี่ยมแววครุ่นคะนึงถึงความหลัง

ทำให้หนีหวงจวิ้นจู่ผ่อนคลายอาการตึงเครียดขณะที่อยู่ในตำหนักของหวงโฮ่วเมื่อครู่นี้ลงอย่างมาก

ในที่สุดก็เข้าประเด็น

“คุณชายซือหม่าเหลยซึ่งชนะเข้ารอบการเลือกคู่ในครั้งนี้เป็นคนที่รัชทายาทสรรหามาด้วยตัวเองโดยคัดกรองจากคนทั้งเมืองหลวง เพียบพร้อมด้วยเชิงยุทธ์และเชิงอักษร เปี่ยมด้วยคุณธรรมและหน้าตา แม้วิชาฝีมือด้อยกว่าจวิ้นจู่ขั้นหนึ่งแต่ท่านเองก็ฝีมือสูงส่งออกปานนั้นยังต้องหาสามีที่มีพลังฝีมือเก่งกาจไปทำไม

เรารับรองได้ว่า คุณชายซือหม่าท่านนี้คู่ควรกับจวิ้นจู่อย่างยิ่ง

หนำซ้ำเราท่านยังเป็นคนบ้านเกิดเดียวกัน รัชทายาทเองก็ให้ความยกย่องเทิดทูนท่านไม่น้อย ดังนั้น เวลานี้จวิ้นจู่สมควรสนับสนุนรัชทายาทให้มากจึงจะถูก”

หนีหวงจวิ้นจู่เงียบงันแล้วก็ปฏิเสธออกไป เยว่กุ้ยเฟยเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางหัวเราะ

 

ความจริงรู้แต่แรกแล้วว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ แต่ก็ยังอยากถามต่อหน้าดูสักครั้ง ก็ดี จวิ้นจู่เปิดเผยตรงไปตรงมา ข้าก็ไม่คิดแข็งขืน

คารวะจอกหนึ่งเป็นการขออภัยก็แล้วกัน

จวิ้นจู่หากไม่ถือสาที่เมื่อครู่เสียมารยาทโปรดดื่มเหล้านี้ให้หมดจอก วันหน้าเราสองได้พบเจอเพียงพูดคุยเรื่องบ้านเกิด ไม่ขอเอ่ยถึงเรื่องวุ่นวายในราชสำนักอีก