แท็กติก

มีคนตั้งข้อสังเกต

การตัดสินชี้ขาดคดีความหรือประเด็นกฎหมายขององค์กรอิสระต่างๆ

มักจะมีแท็กติกให้จับสังเกตได้อยู่บ่อยครั้ง

จะด้วยหวังลดแรงกดดัน ลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หรือเบี่ยงเบนเป้าหมาย

ก็ไม่ทราบได้

แท็กติกที่ว่า ก็เช่น นัดตัดสินคดีหรือเรื่องต่างๆ หลายเรื่องในวันเดียว

ตัดสินคดีหรือเรื่องต่างๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน แบบต่อเนื่องกัน

เหมือนต้องการจะ “ปูทาง” ให้สังคมได้รับรู้ไว้ก่อน

เข้าทำนอง เพราะมีเรื่องนี้ จึงมีเรื่องนั้น

มิได้มีธง หรือเป้าหมายล่วงหน้า

อ่านแล้วอาจงง

ยกเป็นรูปธรรมหน่อยก็ได้

ล่าสุด

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย

สั่งดำเนินคดีอาญานายบุญชู แก้วกระจ่าง

ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ราชบุรี พรรคพลังชาติไทย

กรณีรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติไม่ให้ใช้สิทธิ์สมัคร

แต่ยังกลับยื่นสมัคร

ทั้งนี้ นายบุญชูสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังชาติไทยวันที่ 5 มกราคม 2562

และยื่นสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 4 ราชบุรี ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562

เมื่อนับระยะเวลาการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองจนถึงวันเลือกตั้งมีเพียง 79 วัน

ขาดคุณสมบัติการลงสมัคร

ตามมาตรา 41(3) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

ที่กำหนดให้ผู้สมัครต้องเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 90 วันจนถึงวันเลือกตั้ง

จึงให้ดำเนินคดีอาญานายบุญชู

ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี

ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท

และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 20 ปี

โทษหนักหนาสาหัสสากรรจ์เลยทีเดียว

ในแง่บุคคล และพรรค สังคมอาจจะไม่รู้สึกอะไรนัก

เพราะโนเนม

แต่หากมองว่า นี่จะเป็นการปูทางให้สังคมรับรู้เกี่ยวกับประเด็น

“ขาดคุณสมบัติไม่ให้ใช้สิทธิ์สมัคร แต่ยังกลับยื่นสมัคร” อะไรหรือไม่

พิจารณาปมนี้ เรื่องก็น่าสนใจขึ้นมาครามครัน

ด้วยต้องไม่ลืมว่า เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากวันสมัคร ยังคงถือหุ้นสื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่

ซึ่งนอกจากพ้น ส.ส.แล้ว

ยังอาจต้องถูกดำเนินคดีอาญา เหมือนกรณีนายบุญชูด้วย

ซึ่งตอนนี้มีข่าวว่า คณะกรรมการสืบสวนของสำนักงาน กกต. ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว

และที่ประชุม กกต.เตรียมพิจารณาเร็วๆ นี้

นายธนาธรต้องลุ้นหนักไม่ต่างจากคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท

อันนั้น โทษหนัก ยุบพรรค

ส่วนอันหลัง ปูทางให้สังคมรับรู้ไว้ดังกรณีนายบุญชู โทษหนักสุดถึงจำคุก 10 ปี

ตอกย้ำสำหรับเส้นทางการเมืองของอนาคตใหม่และนายธนาธร

ไม่ปล่อยให้หายใจหายคอกันเลยทีเดียว