74 ปี รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส เปิดเคล็ด (ไม่ลับ) ทำอย่างไรหุ่นดี-เสียงแจ๋ว เปรยเสียงดังอยากเจอตัวเป็นๆ “ครูสลา คุณวุฒิ”

รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส” ในวัย 74 ปี เป็นอดีตสมาชิกวงสุนทราภรณ์อีกคนที่ยังคงร้องเพลงตามงานต่างๆ โดยยังออกงานคอนเสิร์ตอยู่บ้าง ทั้งในประเทศและที่สหรัฐอเมริกา เมื่อยามไปเยี่ยมครอบครัวลูกสาวคนเดียวที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา ปีละหลายเดือน

ที่ผ่านมาอดีตสมาชิกวงสุนทราภรณ์เสียชีวิตไปแล้วหลายคน ขณะที่บางคนอายุมากสุขภาพไม่ดีก็ไม่ได้ร้องเพลงแล้ว สำหรับ “รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส” สนิทสนมกับรุ่นน้องในวงการเพลงลูกกรุงหลายคนและยังร้องคอนเสิร์ตกับนักร้องพวกนี้อยู่บ้างในบางโอกาส อาทิ โฉมฉาย อรุณฉาน, จิตติมา เจือใจ และทิพวัลย์ ปิ่นภิบาล

วันที่สนทนากันนั้น เธอเปิดบ้านหลังใหญ่เนื้อที่ไร่กว่าในซอยเรวดี 18 ย่านนนทบุรี ให้ “มติชนสุดสัปดาห์” ได้พูดคุย

บริเวณบ้านหลังนี้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย โดยเฉพาะผลไม้หลากหลายชนิด ที่เจ้าตัวชอบปลูก ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง ส้มโอ ชมพู่ ทับทิม และขนุน ฯลฯ

ซึ่งกำลังออกผลอย่างน่าชื่นใจ

พี่รุ่งของนักร้องรุ่นน้องในวงการเพลงลูกกรุงเล่าว่า “ชีวิตชั่วโมงนี้มีความสุขอยู่กับลูกกับหลาน ถือเป็นคนโชคดีที่ได้ครอบครัวลูกหลานดี ทำให้มีความสุข ลูกสาว (วรภัทร ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์) มีบ้านอยู่ที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา เขามีครอบครัวอยู่ที่นั่น สามีคนไทยเป็นหมอผ่าตัดหัวใจ (นพ.ไพโรจน์ ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์) มีหลานชาย 2 คน คนโตพีรภัทร อายุ 23 ปี ส่วนคนเล็กชื่อภัทรพล อายุ 21 ปี คนโตจบหมอเหมือนคุณพ่อ ตอนอยู่อเมริกา ครอบครัวเราพากันเที่ยวแทบทุกสัปดาห์ ปกติปีหนึ่งจะอยู่ประมาณ 6 เดือน แต่ถ้ามีคอนเสิร์ตในเมืองไทยก็จะอยู่กรุงเทพฯ นานกว่า 6 เดือน”

ช่วงอยู่อเมริกานั้น เธอมีงานร้องเพลงอยู่ตลอด เพราะคนไทยที่นั่นเชิญให้ไปร้อง

“คนไทยที่โน่น ถ้ารู้ว่าไปจะติดต่อผ่านลูกสาว หากไปช่วงสงกรานต์ หรือตรงกับวันแม่ วันพ่อ หรือไปตรงกับวันที่สมาคมชาวใต้ ชาวอีสาน ชาวเหนือจัดงาน จะติดต่อให้ไปช่วยร้อง”

แม้วัยเลยเลข 7 มาหลายปีแล้ว แต่นักร้องรางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำในปี 2514 จากเพลง “บัวขาว” และในปี 2522 จากเพลง “หลานย่าโม” คนนี้ ยังคงรักษาหุ่น รวมทั้งน้ำเสียงเป็นอย่างดี

“ออกกำลังแทบทุกวันกับลู่วิ่ง อันนี้สำคัญ ในหนึ่งอาทิตย์อาจออกสัก 5 วัน เป็นคนไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ทุกชนิด แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการออกกำลัง วันหนึ่งออก 45 นาที บางวันเป็นชั่วโมง เอาแน่ไม่ได้ ใช้วิธีเดินกับลู่วิ่งในบ้าน อย่างน้อยต้องครึ่งชั่วโมง ส่วนอาหารทานแทบทุกอย่าง ยกเว้นเนื้อวัว เป็นคนทานอะไรง่ายๆ มีเด็กคอยดูแล สำหรับน้ำเน้นดื่มน้ำธรรมดา บางทีก็ดื่มน้ำอุ่น”

“ปัญหาสุขภาพก็มีบ้าง เพราะเป็นหืดหอบ เป็นภูมิแพ้ ถ้าไปเจออากาศหนาวมากๆ ต้องเปิดฮีตเตอร์ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ไม่งั้นจะไอ และจะเลี่ยงไปช่วงหิมะกำลังตกหนัก จะไปตอนหิมะละลาย”

ทั้งนี้ ก่อนออกคอนเสิร์ตแต่ละครั้ง นักร้องรุ่นใหญ่ที่อยู่ในวงการเพลงลูกกรุงมา 55 ปีบอก

“ชอบวอร์มเสียงอยู่กับบ้าน ตอนออกกำลังกาย จะเปิดเพลงตัวเองแล้วร้องไป เท่ากับวอร์มเหมือนนักมวยต้องวอร์มก่อน ยิ่งสมัยก่อนตอนอัดแผ่นเสียง ขอเวลาสัก 1 เดือน เพื่อออกกำลังแล้ววอร์มเสียง ปอดจะได้แข็งแรง”

เมื่อชมว่าเป็นนักร้องที่มีจุดเด่น มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เธอรีบตอบทันทีว่า “ไม่ทราบเรื่องจุดเด่นของตัวเอง แต่ถือว่ามีครูเอื้อ สุนทรสนาน เป็นครู ซึ่งสอนว่าต้องร้องจังหวะชัดเจน ไม่ร้องคร่อมไปคร่อมมา และตัวสะกด ร, ล ชัดเจน เรื่องอารมณ์เพลงเป็นธรรมชาติที่จะใส่ในแต่ละเพลงอยู่แล้ว แต่ต้องร้องให้ชัดเจนไว้ก่อน เดี๋ยวอารมณ์ก็ปรุงแต่งเอาได้”

เธอว่าเมื่อขึ้นเวที เพลงที่ถูกขอให้ร้องบ่อย ส่วนใหญ่เป็นเพลง เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง, หลานย่าโม และคนหน้าเดิม ซึ่งแฟนเพลงส่วนใหญ่อายุ 40 ปลายๆ ขึ้นไป ขณะที่คนรุ่นใหม่คงไม่รู้จักนักร้องสมัยก่อนกันแล้ว

สำหรับมุมมองในการร้องเพลงของนักร้องรุ่นใหม่ๆ เจ้าตัวให้ความเห็นว่า “เด็กรุ่นใหม่มีความสามารถมาก มีการเรียนเป็นเรื่องเป็นราว เขาเรียนตัวโน้ต สมัยดิฉันไม่ได้เรียนแบบนี้ พอดีชอบครูเอื้อ สุนทราภรณ์ และชอบร้องเพลง ผู้ใหญ่เลยไปฝากกับครูเอื้อ ไปร้องกับท่าน ไม่ได้เรียนเหมือนสมัยนี้”

กับคำถามว่าชอบนักร้องคนไหนเป็นพิเศษ คุณุร่งฤดีบอก ชอบนันทิดา แก้วบัวสาย ร้องเก่ง มีสไตล์เป็นของตัวเอง และชอบแก้ม เดอะสตาร์ ซึ่งมีพลังในการร้องเพลง รวมทั้งชอบกันต์ “นภัทร” และนักร้องแกรมมี่ทุกคน เสียงดีและร้องเก่งมาก ส่วนนักร้องลูกทุ่งชอบต่าย อรทัย, ตั๊กแตน ชลดา และไมค์ ภิรมย์พร ทั้งเป็นคนที่ชอบเพลงของครูสลา คุณวุฒิ ทุกเพลง

“ชอบฟังเพลงลูกทุ่งอีสาน ติดใจครูสลาแกแต่งเนื้อเก่งมาก คำร้อง ทำนองเหมือนละครสั้นๆ เรื่องหนึ่ง เหมือนยุคที่เคยร้องเพลงที่ครูพยงค์ มุกดา แต่ง อย่างเพลงเอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง, แม่สอดสะอื้น, แฟนซีชีวิต ครูพยงค์แต่งเพลงเหมือนละครสั้นๆ เรื่องหนึ่ง และมาเห็นครูสลาแต่งเพลงเหมือนครูพยงค์เลย”

“ดิฉันอยากร้องแบบลูกทุ่งอีสานจังเลย อยากพบตัวจริงครูสลา อยากถ่ายรูปด้วย เป็นแฟนเพลงตัวจริงแกอย่างแรง อยากให้แกแต่งเพลงให้ร้อง ถ้าได้ร้องเพลงแกที่เป็นเพลงลูกทุ่งอีสาน น่าจะแปลกมากเลย เพราะดิฉันร้องลูกกรุง อย่างเพลงของต่าย อรทัย หรือตั๊กแตน ชลดา เขาร้องเพราะมาก ร้องยาก ลูกทุ่งร้องยากกว่าลูกกรุงเยอะ ถ้าเวลาดูลูกเอื้อน ต้องดูครูสลา ลูกเอื้อนเขาเก่งมาก ละเอียด”

ภายในบ้านของเธอ นอกจากจะมีรูปลูกสาว-ลูกเขยและรูปหลานชายประดับข้างฝาแล้ว รูปใหญ่รูปหนึ่งที่สะดุดตาแขกผู้มาเยือนคือรูปเธอคู่กับ พล.ต.อ.จรัส เพ็งเจริญ สามีที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2539 ตอนอายุ 75 ปี

“ท่านเสียมา 20 กว่าปีแล้ว ดิฉันก็อยู่เป็นโสดมาตลอด และช่วง 20 กว่าปีนี้แทบไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย บินไปอยู่อเมริกา พอท่านจากไปก็ยิ่งโล่ง ลูกสาวและครอบครัวอยู่ที่โน่นเป็นหลัก ปีหนึ่งถึงบินมาเยี่ยมครั้งหนึ่ง มาช่วงนี้หลานสองคนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ทำให้ลูกสาวได้บินมาหาแม่บ่อยหน่อย ถ้าหลานยังเล็กเขาก็มาไม่ค่อยได้ ตอนนี้หลานชายอยู่หอพักกันหมดแล้ว”

เป็นนักร้องรุ่นใหญ่อีกคนที่ยังมีพลัง และยังมีสุขภาพแข็งแรง… เชื่อว่าเธอยังคงร้องเพลงให้แฟนๆ ได้ฟังไปอีกนาน