มุมมอง “โค้ชอ๊อต” ถึงทีมวอลเลย์บอลสาวไทย ทำไมก้าวไม่ถึง “โอลิมปิก” สักที?

ศึกวอลเลย์บอลหญิงโอลิมปิกเกมส์ “โตเกียว 2020” รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ปิดฉากลงพร้อมกับคราบน้ำตา หลังจากทีมนักตบลูกยางสาวไทยแพ้เกาหลีใต้ในนัดชิงชนะเลิศ ที่จังหวัดนครราชสีมา 3 เซ็ตรวด

ตามมาด้วยข่าวช็อกวงการ เมื่อ “โค้ชด่วน-ดนัย ศรีวัชรเมธากุล” ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถพาทีมผ่านเข้าไปเล่นโอลิมปิกเกมส์ที่ประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จ

แน่นอนว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับทีมวอลเลย์บอลสาวไทย ทั้งผู้บริหารสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ตลอดจนทีมงานผู้ฝึกสอน นักกีฬา รวมถึงแฟนวอลเลย์บอลทุกคนต่างรู้สึกเจ็บปวดและเสียดาย เพราะเหลืออีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น กับการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของนักตบหญิงไทย

แต่สุดท้ายก็พลาดหวังไปอย่างน่าเสียดาย!

“ทุกคนได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว การตั้งเป้าหมายที่จะไปโอลิมปิก ถือเป็นความท้าทายของสมาคม ตลอดจนผู้ฝึกสอนและนักกีฬา แม้ว่าทีมวอลเลย์บอลหญิงของเราจะไม่สามารถคว้าตั๋วไปได้ ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ผมไม่เสียใจนะครับ”

“โค้ชอ๊อต-เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร” อดีตผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เปิดใจกับทีมข่าวกีฬามติชนทีวี หลังจากทีมนักตบลูกยางสาวไทยอกหักพลาดตั๋วไปเล่นโอลิมปิก

อดีตโค้ชวอลเลย์บอลสโมสรปักกิ่ง วัย 53 ปี วิเคราะห์ว่าการที่สาวเกาหลีใต้เอาชนะไทยได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเด็ดขาดในเกมรุก เนื่องจากพวกเขามีคีย์เพลเยอร์อย่าง “คิม ยอน คยอง” กับ “อี แจ ยอง” ซึ่งเป็น 2 ผู้เล่นที่ทำคะแนนสูงสุดของเกาหลีใต้ โดยทำได้ 22 และ 18 คะแนน ตามลำดับ ในรอบชิงชนะเลิศ

“ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เทคนิคในการเล่นวอลเลย์บอลของทีมต่างๆ ทั่วโลกได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความเร็วในการเข้าทำ รวมทั้งสปีดบอลที่เร็วขึ้น ซึ่งเราก็มีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเทคนิคและยุทธวิธีในการเล่นของเราให้อยู่ระดับเวิลด์คลาส

“สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทีมโค้ชและนักกีฬาได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในการที่จะฝึกซ้อมและพัฒนาให้อยู่ในระดับเวิลด์คลาส

“ในการแข่งขันคัดโอลิมปิกครั้งนี้ ทุกเกมนักกีฬาและโค้ชได้ทำงานกันอย่างหนัก พวกเขาเล่นได้ตามที่คาดหวังเอาไว้ เกมรอบชิงฯ เราเล่นกับเกาหลีใต้ เราก็รู้อยู่แล้วว่าเกาหลีใต้มีการเล่นที่ดุดัน โดยเฉพาะคิม ยอน คยอง กับอี แจ ยอง ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และอยู่ในมาตรฐานที่ดีมากๆ”

โค้ชอ๊อตวิเคราะห์ต่อว่า การเสิร์ฟบอลของเกาหลีใต้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ

“เกาหลีใต้เขาโจมตีเราด้วยการเสิร์ฟบอลเร็ว และมีสปีดบอลที่เร็วมากอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเรื่องของการรับตบ ถือว่าพอๆ กัน แต่ในวันนั้นเกาหลีใต้เขารับตบดีเหลือเกินนะครับ เราก็เล่นอย่างเต็มที่แล้ว ตีไป เขาก็ดักทางถูก สุดท้ายก็มาจบสกอร์ที่ตัวตบหลักเขา

“ผู้เล่นทุกคน รวมทั้งทีมสต๊าฟโค้ชได้ทุ่มเทกันอย่างเต็มที่แล้ว เราลงแข่งคัดโอลิมปิกมาแล้ว 5 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2004 มันมีการพัฒนาเกิดขึ้นในหลายๆ ด้าน เราพยายามที่จะสร้างทีมกีฬาที่เป็นเลิศเพื่อเข้าไปสู่ในเวทีโลก เพื่อสร้างความภาคภูมิใจ และทำให้คนไทยมีความสุขมาตลอด

“หลังจากนี้ก็ต้องมาคิดทบทวน ทั้งผู้บริหารสมาคม และทีมงานที่เกี่ยวข้องทุกคน เราจะพัฒนาบุคลากรของเราอย่างไร ให้ก้าวไปให้ทัน เพื่อที่จะเข้าไปยืนในเวทีนั้นให้ได้ เพราะการแข่งขันในทุกๆ เกม ทุกๆ ทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา ทีมวอลเลย์บอลหญิงของเราได้เข้าไปสู่ในเป้าหมายแทบจะทุกอีเวนต์แล้วครับ

“เราเป็นแชมป์ซีเกมส์ 14 สมัย เป็นแชมป์เอเชีย 2 สมัย เคยลงแข่งในรายการชิงแชมป์โลก เข้ารอบไฟนอลเวิลด์กรังด์ปรีซ์

“เรามีนักกีฬาที่มีศักยภาพอยู่ในระดับท็อปเท็นของโลก นักกีฬาของเราเคยได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมโดยสถิติจากการแข่งขันในอีเวนต์ต่างๆ มากมาย

 

“จริงๆ แล้ว ก็มีเพียงโอลิมปิกรายการเดียวที่เรายังไม่ได้ไป แต่เราลองดูหลายๆ ประเทศสิครับ เกาหลีเคยได้แชมป์เอเชียไหม เขายังไม่เคยได้ บราซิลเขาได้แชมป์โอลิมปิก แต่เขาเคยได้แชมป์โลกไหม

“แต่ละประเทศมันก็มีมิติต่างกัน ถามว่าแล้วทุกประเทศเขาไม่พัฒนาเหรอ เขาพัฒนา เขาก็อยากได้ในสิ่งที่เขายังไม่มี แต่เราก็จำเป็นต้องพัฒนา โอลิมปิกมันเป็นเป้าหมายสำคัญที่เราควรจะก้าวเดินไป แล้วเราจะพัฒนามันอย่างไร ที่จะไปถึงตรงนั้น”

โค้ชอ๊อตกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ส่วนกรณีที่โค้ชด่วนประกาศลาออกจากตำแหน่ง โค้ชอ๊อตบอกว่ารู้สึกเสียดาย และมองว่าวงการวอลเลย์บอลไทยไม่ควรสูญเสียบุคลากรทรงคุณค่าไป เพราะโค้ชด่วนได้ทุ่มเททั้งจิตวิญญาณ ทั้งชีวิตส่วนตัว ให้กับทีมวอลเลย์ฯ สาวไทยอย่างเต็มที่ แต่ก็เคารพในการตัดสินใจของโค้ชด่วน

ในส่วนของการจ้างโค้ชชาวต่างชาติมาคุม ก็ต้องดูความเหมาะสมในหลายๆ ด้าน เช่น เงินเดือน เป้าหมายร่วมกัน และข้อจำกัดในการเตรียมทีม

ขณะที่ ร.อ.จักรสุวรรณ โตเจริญ เลขาธิการสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สมาคมยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องโค้ชคนใหม่ และสมาคมก็ยังไม่ได้รับหนังสือขอลาออกอย่างเป็นทางการจากโค้ชด่วนด้วย ที่ผ่านมามีเพียงการประกาศผ่านสื่อเท่านั้น

ส่วนทิศทางการพัฒนาทีมวอลเลย์บอลสาวไทย สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) รวมทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสมาคม ได้มีการพูดคุยกันตลอด และมีความคิดเห็นตรงกันว่าจะทำอย่างไรให้ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยติดอันดับ 1 ใน 16 ของโลกตลอดไป

ร.อ.จักรสุวรรณกล่าวอีกว่า เรื่องการจ้างโค้ชชาวต่างชาติมาคุมทีมนักตบลูกยางสาวไทย สมาคมก็ต้องมาวิเคราะห์ว่าทีมขาดจุดไหน แต่ถ้ายังไม่มีอะไรขาด ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ้างโค้ชชาวต่างชาติมาทำงาน

นอกจากนี้ โค้ชอ๊อตในฐานะครูสอนวอลเลย์บอลได้ส่งความปรารถนาดีถึง “ลูกๆ” ซึ่งเป็นนักกีฬาตัวหลักที่รับใช้ชาติมานานกว่า 20 ปี อย่าง “กิ๊ฟ-วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์”, “หน่อง-ปลื้มจิตร์ ถินขาว”, “ซาร่า-นุศรา ต้อมคำ”, “อร-อรอุมา สิทธิรักษ์” และ “ปู-มลิกา กันทอง” ที่มีกระแสข่าวว่าเตรียมปิดฉากการเล่นทีมชาติไทยในอีกไม่ช้านี้

“ครูภาคภูมิใจกับลูกๆ ทุกคน และครูขอขอบคุณที่ได้ทำงานร่วมกันมาเกือบ 20 ปี อุทิศทั้งชีวิต ทั้งจิตวิญญาณ เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน

“ไม่ว่าลูกๆ จะตัดสินใจกันอย่างไร ครูก็เคารพความคิดและการตัดสินใจของทุกคนอยู่แล้ว ลูกๆ ทุกคนมีศักยภาพสูงระดับโลก มันต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีนักกีฬาตัวเล็กๆ ของเราสักหนึ่งคนที่จะมีขีดความสามารถในระดับท็อปเท็นของโลก

“ครูภาคภูมิใจ แต่ก็เสียดาย ถ้าลูกๆ จะเลิกเล่น แต่เชื่อได้เลยว่าทุกคนจะมีชีวิตที่มีความสุข เพราะว่าทุกคนเป็นฮีโร่ของคนไทยนะครับ” ครูอ๊อตกล่าวปิดท้าย