กลายเป็น “ตรุษจีน” สุดสยองสำหรับชาวจีน และทั่วโลก กับข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019

หลังพบผู้ติดเชื้อรายแรกๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2019 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน

และเริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่แพร่กระจายไปในหลายเมืองของจีนจนทั่วประเทศ ก็เริ่มแพร่กระจายไปในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมทั้งประเทศไทย

และส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นทั้งสิ้น

ในขณะที่ยอดตายและผู้ติดเชื้อยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด ยารักษาหรือวัคซีนก็ยังไม่มีออกมา เป็นเพียงการรักษาตามอาการเท่านั้น

หลังการระบาดที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดยั้งได้อย่างไร เมืองอู่ฮั่น ต้นตอของไวรัสร้ายก็ประกาศปิดเมืองตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมเป็นต้นไป เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยไม่ให้คนในเมืองออก และไม่ให้คนข้างนอกเข้าไปในเมือง

แต่ดูเหมือนคำสั่งดังกล่าวจะล่าช้าเกินไป เพราะนายโจวเซี่ยนหวัง นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ได้เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น ได้มีชาวเมืองอู่ฮั่นเดินทางออกนอกเมืองไปแล้วราว 5 ล้านคน เนื่องจากอยู่ในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน

ขณะที่อีกจำนวนมากได้รีบออกนอกเมืองก่อนการปิดเมืองที่มีการประกาศขึ้นในช่วงคืนวันที่ 22 มกราคม

หมายความว่า อาจจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เดินทางไปที่ใดก็ได้ทั่วโลกในขณะนี้ พร้อมกับไวรัสร้ายจากอู่ฮั่น

หลังจากนั้นก็มีอีกหลายเมืองของจีนที่ประกาศหยุดการให้บริการรถโดยสารระยะไกล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยตอนนี้มีอย่างน้อย 15 เมือง ซึ่งมีประชากรรวมกันได้ราว 57 ล้านคน ที่ประกาศปิดเมืองทั้งหมด หรือปิดเมืองบางส่วน ป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส

จนที่สุดจีนก็มีการประกาศ “ภาวะฉุกเฉินสูงสุด” ด้านสาธารณสุขตามมณฑลต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัส

 

หลายประเทศเริ่มประกาศเตรียมความพร้อมเพื่ออพยพคนของตัวเองออกจากเมืองอู่ฮั่น สถานการณ์วันหยุดตรุษจีนในประเทศจีนเริ่มระส่ำ ผู้คนต้องสวมหน้ากากอนามัยกันทุกคน จากเดิมที่วันหยุดยาวตรุษจีนประกาศให้หยุดถึงวันที่ 30 มกราคม ก็ยืดออกไปเป็นหยุดถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เพื่อควบคุมการเดินทางของผู้คนที่จะต้องหลั่งไหลกลับไปทำงานกัน

แต่กระนั้น ยอดผู้เสียชีวิตและยอดผู้ติดเชื้อก็ยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในประเทศจีน!!

ต้นตอของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ พบว่ามาจากตลาดอาหารทะเลหัวหนัน ในเมืองอู่ฮั่น เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มแรกๆ ที่พบในเมืองอู่ฮั่น ล้วนแล้วแต่เกี่ยวเนื่องกับตลาดอาหารทะเลหัวหนันกันทั้งสิ้น มีทั้งที่เป็นกลุ่มคนทั่วไปที่ไปตลาดเพื่อซื้ออาหาร หรือกินอาหาร บ้างก็เป็นคนขายของอยู่ที่ตลาด

เบื้องต้นเชื่อว่าเชื้อน่าจะมีต้นตอมาจาก “ค้างคาว” ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ถูกขายอยู่ที่ตลาดหัวหนัน ตลาดที่ไม่ได้ขายแค่อาหารทะเล แต่ยังขายเนื้อสัตว์ป่าแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นค้างคาว ชะมด หรือเนื้อโคอาล่า

ทางการจีนจึงได้ออกคำสั่งห้ามซื้อ-ขายสัตว์ป่าทั่วประเทศแล้ว

และตอนนี้ทางการจีนได้ออกมายืนยันแล้วว่า เชื้อไวรัสดังกล่าวสามารถแพร่จากคนสู่คนได้ อีกทั้งยังสามารถแพร่เชื้อได้ในช่วงที่ยังไม่แสดงอาการ ยิ่งทำให้น่ากลัวว่าเชื้อจะสามารถแพร่กระจายไปได้เร็วมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า ระยะฟักตัวของเชื้ออยู่ที่ 2-10 วัน แต่ฮูยังไม่มั่นใจว่าเชื้อไวรัสร้ายนี้จะสามารถแพร่เชื้อได้ก่อนการแสดงอาการตามที่จีนบอกหรือไม่

สำหรับอาการโดยทั่วไปของผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ คือเริ่มจากอาการไข้ ตามด้วยไอแห้ง เจ็บคอ น้ำมูกไหล หายใจเหนื่อยหอบ ไข้สูง มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ และบางรายมีอาการรุนแรง ก็จะถึงขั้นเสียชีวิต

มาตรการป้องกันตนเองเบื้องต้นก็คือการสวมใส่หน้ากากอนามัย นอกเหนือไปจากข้อแนะนำ เรื่องกินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือแล้ว ตอนนี้หน้ากากอนามัยเรียกได้ว่าขายดีกันทั่วโลก

แต่ที่ดูน่ากลัวที่สุดก็คือ ตอนนี้ยังไม่มียารักษาโรคนี้โดยตรง เป็นเพียงการรักษาตามอาการเท่านั้น เพราะฉะนั้น มาตรการป้องกันต่างๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยเฉพาะในจีน ที่มีการไล่ปิดเมืองต่างๆ ห้ามการเดินทางระยะไกล

เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อให้ได้มากที่สุด

 

ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนก็กำลังเร่งก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ในเมืองอู่ฮั่น เพื่อรองรับผู้ป่วยจำนวนมากที่มีอยู่ในเมืองที่ถูกปิดตายอยู่ในขณะนี้ โดยจะรองรับผู้ป่วยได้มากถึง 1,000 เตียง และคาดว่าจะพร้อมเปิดรักษาผู้ป่วยได้ในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกับที่จีนเคยทำ คือสร้างโรงพยาบาลขึ้นมาใหม่เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือซาร์ส โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่เกิดการระบาดอย่างหนักเมื่อปี 2546

และเรื่องน่ากลัวอีกเรื่องในสถานการณ์ตอนนี้ก็คือ เริ่มมีรายงานการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากคนสู่คนให้เห็นบ้างแล้ว ซึ่งเป็นการพบการแพร่เชื้อนอกประเทศจีน

การระบาดไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วนี้ แม้แต่องค์การอนามัยโลกหรือฮู ยังออกมายอมรับว่า ประเมินความเสี่ยงของไวรัสอู่ฮั่นนี้ผิดพลาด และได้ปรับการประเมินการแพร่ระบาดเป็น “ระดับสูง” หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประเมินไว้เป็นระดับปานกลางเท่านั้น

ต้องรอดูว่าวิกฤตไวรัสอู่ฮั่นครั้งนี้ จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงจะสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ รอดูฝีมือของพี่จีนว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป