ศัลยา ประชาชาติ : “ไวรัสอู่ฮั่น” ลามหนัก! ทั่วโลกหยุดเดินทาง ฉุดท่องเที่ยวนิ่งสนิท 6 เดือน

ฟันธงจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข “อนุทิน ชาญวีรกูล” แล้วว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่น จากจีนแผ่นดินใหญ่ครั้งนี้จะมีระยะเวลาของโรคนานถึงราว 6 เดือน

และจากคำสั่งห้ามคนจีนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาของ “สีจิ้นผิง” นั้น ได้ส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจโลกทั้งระบบ ไม่ใช่เพียงแค่กระทบกับเศรษฐกิจจีนและคนจีนเท่านั้น

สำหรับประเทศไทยนั้นมีความเป็นไปได้ว่าอาจต้องมีการทบทวนตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจใหม่ จากเดิมที่คาดว่าปี 2563 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.5-3% ซึ่งประมาณการดังกล่าวนี้ประเมินจากรายได้การท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 40 ล้านคน

 

แหล่งข่าวในวงการธุรกิจท่องเที่ยวรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งนี้ถือว่ารุนแรง และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับประเทศจีน ประเทศที่พบมีคนติดเชื้อ และประเทศที่คนจีนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเป็นมูลค่ามหาศาล

โดยเฉพาะในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและซัพพลายเชนของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งระบบ ทั้งกลุ่มทัวร์อินบาวด์ (ขาเข้า) ซึ่งมีมูลค่าราว 2 ล้านล้านบาท กลุ่มทัวร์เอาต์บาวด์ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท และตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ (โดเมสติก) ที่มีมูลค่าราว 1 ล้านล้านบาท

โดยในส่วนของทัวร์อินบาวด์นั้น ในปี 2562 ที่ผ่านมาพบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยรวมราว 10.98 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 27.5% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางมาประเทศไทย สร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาท ซึ่งหากตลาดจีนได้รับผลกระทบลากยาวไปถึง 6 เดือนคาดว่าจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยปีนี้จะหายไปไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท

และไม่เพียงแค่ตลาดจีนเท่านั้นกระแสดังกล่าวยังส่งผลกระทบถึงความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในทุกภูมิภาคทั่วโลกอีกด้วย

ซึ่งแน่นอนบางส่วนอาจชะลอการเดินทางออกไปสักระยะ ซึ่งน่าจะรวมถึงการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยด้วย

ซัพพลายเชนของธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือธุรกิจสายการบินและโรงแรมที่พัก

 

สอดรับกับที่นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ให้ข้อมูลว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาครั้งนี้ ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยทั้งระบบได้รับผลกระทบสูงมาก ทั้งกลุ่มที่ทำทัวร์อินบาวด์, ทัวร์เอาต์บาวด์ และทัวร์โดเมสติก นับตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ประเทศจีนได้ประกาศห้ามไม่ให้เกิดการเดินทางทั้งส่วนที่เป็นกรุ๊ปทัวร์และกลุ่มที่เดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ยกเว้นเพียงแค่กลุ่มเดินทางเพื่อธุรกิจ

นั่นหมายความว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนจะหยุดการเดินทางท่องเที่ยวทันที ซึ่งยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะใช้เวลานานกี่เดือน

“ตอนนี้เห็นสัญญาณการหยุดการเดินทางชัดเจนแล้ว นับจากนี้ไปทุกคนต้องเหนื่อยอย่างหนัก เพราะรอบนี้นักท่องเที่ยวจีนที่เคยเดินทางมาประเทศไทยประมาณ 9 แสนคนต่อเดือนแทบจะหายไปทั้งหมดในช่วงนี้ รวมถึงนักท่องเที่ยวจากตลาดอื่นๆ ที่ชะลอดูปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวอีกส่วนหนึ่งด้วย”

อย่างไรก็ตาม สทท.คาดการณ์ว่าทางรัฐบาลจีนน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายปัญหาจะจบภายใน 3 เดือนหรือ 6 เดือน หากจบได้ภายใน 3 เดือน ภาคท่องเที่ยวของไทยยังพอมีเวลาในการกระตุ้นตลาดทำตัวเลขให้กลับคืนมาได้

แต่ถ้าลากยาวถึง 6 เดือน ผู้ประกอบการไทยกระทบหนักแน่นอน

 

และจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้สายการบินของไทยที่ให้บริการเส้นทางบินระหว่างไทย-จีนบางส่วน ได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินไปแล้ว (เส้นทางอู่ฮั่น) และบางส่วนขยับตารางบินให้สอดรับกับสถานการณ์ และต้องมอนิเตอร์สถานการณ์และปรับแผนกลยุทธ์กันแบบวันต่อวัน

“วุฒิภูมิ จุฬางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ บอกว่า จากประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทำให้บริษัทต้องปรับแผนธุรกิจและแผนกลยุทธ์ในภาพรวมทั้งหมดใหม่ โดยเฉพาะตลาดจีน โดยตั้งเป้าหมายระยะยาวว่าต้องกระจายพอร์ตธุรกิจให้เกิดความสมดุลมากยิ่งขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

ขณะที่ “สันติสุข คล่องใช้ยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย บอกว่า ไทยแอร์เอเชียได้ประกาศหยุดบินในเส้นทางจากไทยสู่อู่ฮั่น ทั้งเส้นทางจากกรุงเทพฯ และภูเก็ตไปจนกว่าเมืองอู่ฮั่นจะเปิดให้ทำการบิน ส่วนเส้นทางอื่นๆ ยังต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทุกวัน

ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบรอบนี้น่าจะทำให้ผู้โดยสารของไทยแอร์เอเชียโดยรวมหายไปราว 2.4-2.5 แสนคนในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่มีสัดส่วนผู้โดยสารราว 30% ของผู้โดยสารทั้งหมด นอกจากนี้ยังส่งผลต่อผู้โดยสารในเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนอีกราว 8 หมื่นคน

ทำให้คาดว่าจำนวนผู้โดยสารในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้จะหายไปราว 3 แสนคน และส่งผลกระทบต่อรายได้ของไทยแอร์เอเชียลดลงราว 3% จากที่คาดว่าน่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปี 2562

 

เช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรมที่พักที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นกัน

โดย “ก้องศักดิ์ คู่พงศกร” นายกสมาคมโรงแรมภาคใต้ ที่ระบุว่า ผู้ประกอบการโรงแรมเริ่มได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน โดยเริ่มมีการยกเลิกการจองห้องพักแล้ว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ที่หายหมดเนื่องจากประเทศจีนประกาศห้ามกรุ๊ปทัวร์ออกนอกประเทศ เหลือเพียงกลุ่มเดินทางด้วยตัวเองบางส่วนเท่านั้น ซึ่งคาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้น่าจะรุนแรงทั่วโลก รวมทั้งคาดว่าอาจทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปหลีกเลี่ยงการเที่ยวในโซนเอเชียด้วย

ขณะที่ “ละเอียด บุ้งศรีทอง” นายกสมาคมท่องเที่ยวภาคเหนือ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ 4 แห่งของจังหวัดเชียงใหม่ ที่เน้นจับตลาดจีนว่าลูกค้าจีนทั้งหมดได้ทำการยกเลิกกรุ๊ปทัวร์ที่เดินทางเข้าเชียงใหม่ยาวไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์แล้ว

ส่งผลให้จำนวนห้องพักถูกยกเลิกไปราว 5.5 หมื่นห้อง คิดเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ที่ถูกยกเลิกไปนั้นมีจำนวนประมาณ 11,000 คน

และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการขับเคลื่อนภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยให้เดินหน้าได้และเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนของประเทศต่อไป ทางสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ ได้ประชุมเร่งด่วนเพื่อประเมินสถานการณ์ พร้อมทั้งทำแผนเสนอมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยว และเตรียมทำแผนกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของไทยแล้ว

“วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ให้ข้อมูลว่า ภาคเอกชนท่องเที่ยวได้ประชุมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อประเมินสถานการณ์ รวมถึงประเมินและทำแผนเสนอมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยวแล้ว โดยนำเสนอใน 3 ประเด็นหลักคือ

1. หาแหล่งเงินทุนเพื่อกู้ยืม ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการไทยนำมาหมุนเวียนในธุรกิจ

2. ขอเลื่อนเวลาการจ่ายภาษีรายได้ประจำปี 2562

และ 3. ขอให้แบงก์ชาติอนุมัติผ่อนผันเรื่องการชำระหนี้ หรือหยุดพักชำระหนี้ชั่วคราว 6 เดือน

 

ขณะที่ “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ยอมรับว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยทำให้นักท่องเที่ยวจากจีนหายไปไม่น้อยกว่า 1.89 ล้านคน

แต่หากรัฐบาลจีนควบคุมได้ภายใน 3 เดือน การท่องเที่ยวของไทยก็พร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นได้ทันที

โดยขณะนี้ได้เตรียมนำเสนอมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ และแผนกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวรายภูมิภาคไว้รองรับแล้ว และจะนำเสนอที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ในวันที่ 31 มกราคมนี้

พร้อมยืนยันว่า ททท.ยังคงยืนเป้าหมายด้านรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวไว้เหมือนเดิม คือ เป้ารายได้ 3.16 ล้านล้านบาท และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40.78 ล้านคน