สัญญาณแรงจัดระเบียบ “สีกากี” ปรากฏการณ์เด้ง “2 รอง ผบ.ตร.” “มนู” – “สุวัฒน์” ชิงดำ “พิทักษ์ 1”

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ท้องฟ้าอาณาจักรโล่เงินย่านปทุมวันสุดอึมครึม

เนื่องจากเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่รอง ผบ.ตร. ถูกเด้งพ้นเก้าอี้พร้อมกันถึง 2 คน

ไล่เรียงเหตุการณ์ก่อนมีคำสั่งเด้ง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. มีเสียงซุบซิบในวงข้าราชการตำรวจออกมาอย่างหนาหู หลังจากนั้นเพียง 2 วัน ข่าวลือกลายเป็นข่าวจริง

24 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

โดยคำสั่งระบุเหตุผลว่า พล.ต.อ.วิระชัยมีพฤติการณ์และการกระทำซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ในการอำนวยการยุติธรรม กระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและการปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นเหตุให้ราชการเสียหาย

ขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องราวดังกล่าวคู่ขนานกันไป เพื่อประโยชน์แก่การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและเรื่องอื่นๆ

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ก็ให้คำตอบว่า เป็นคนชงเรื่องดังกล่าวไปเอง เพราะ “บิ๊กต้อย” เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หากอยู่เกรงว่าจะเป็นอุปสรรคปัญหา ซึ่งที่มาที่ไปปมปัญหามาจากเรื่องคลิปเสียงสนทนาระหว่าง พล.ต.อ.วิระชัย กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ หลุดว่อน เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์องค์กรตำรวจในทางลบ

คําสั่งที่ออกตามกันมาติดๆ ผบ.ตร.ได้เซ็นลงนามให้ “บิ๊กช้าง” พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการ ศปก.ตร.มอบหมาย ด้าน ผบ.ตร. เมื่อต้องตอบถึงสาเหตุที่สั่งเด้งเพื่อนรักอย่าง พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ ก็ตอบได้แค่เพียง “เพื่อความเหมาะสม”

ช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นคำสั่งเสมือนส่งสัญญาณเตือน “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี อย่าประพฤติชั่วร้ายแรง หากมีกรณีไม่รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยต่อไป

คำสั่งนี้ทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” ต้องเจ็บซ้ำซ้อนอีกครั้ง

ล่าสุด “ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกฯ” พึ่งทางธรรม ไปบวชที่วัดไทยในพุทธคยา อินเดีย ได้รับฉายา “สุรเชฏฺฐโพธิ” แปลว่า “ผู้มีปัญญาเครื่องตรัสรู้ซึ่งเจริญที่สุดด้วยความกล้าหาญ”

ทั้งหลายทั้งปวง มนุษย์เป็นไปตามกรรม

เล่าย้อนไปยุคก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เคยได้รับหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เป็นลูกน้องเลิฟ เมื่อ “บิ๊กโจ๊ก” มีเหตุต้องระเห็จออกจากยุทธจักรสีกากีไป ย่อมต้องงัดทุกกระบวนท่า ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้กลับมาแต่งเครื่องแบบสีกากีอีกครั้ง

แต่การที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เปิดหน้าชน ผบ.ตร. หวังโค่นเก้าอี้เบอร์หนึ่งกรมปทุมวัน วิจารณ์กันว่าตื้นเขินไป ไร้กุนซือคอยแนะนำหรือไม่ มีแต่พังกับพัง ซ้ำยังสร้างความขัดแย้งในองค์กรตำรวจ

เพื่อให้เรื่องนี้จบลง ผู้มีอำนาจจึงยื่นดาบอาญาสิทธิ์ ส่งสัญญาณจัดระเบียบองค์กรตำรวจ ห้ามลูกพี่ “บิ๊กโจ๊ก” เข้ามาล้วงลูกในอาณาจักรนี้เด็ดขาด

เท่านั้นยังไม่พอ งานนี้คนสนิทอย่าง พล.ต.อ.วิระชัย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ ต้องโดนหางเลขไปด้วย

เมื่อเก้าอี้รอง ผบ.ตร. ว่างลงถึง 2 ตำแหน่ง ผบ.ตร.จึงต้องมอบหมายหน้างานเพิ่มให้เพื่อนร่วมรุ่น “ผบ.แป๊ะ” อย่าง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เดิมรับผิดชอบหน้างานความมั่นคงและกิจการพิเศษ ให้รับหน้างานสืบสวนสอบสวนอีกหน้าที่หนึ่ง

และให้ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานกฎหมายและคดี เพื่อขับเคลื่อนงานไม่ให้สะดุด

อีกเพียง 8 เดือน เจ้าของฉายา “พิทักษ์ 1 กึ่งทศวรรษ” หรือ พล.ต.อ.จักรทิพย์จะเกษียณอายุราชการ แม้ที่ผ่านมาระหว่างทางจะถูกขบวนการเลื่อยขาเก้าอี้เป็นระยะ

แต่ความนิ่งของ ผบ.ตร. ไม่ไหวเอนไปตามแรงลม ทำให้แคนดิเดต ผบ.ตร. อาวุโสลำดับที่ 1 อย่าง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ที่จะเกษียณอายุราชการปี 2565 ต้องกระเด็นจากเก้าอี้ แม้ พล.ต.อ.วิระชัยจะถูกให้ไปปฏิบัติราชการไม่ขาดจากตำแหน่งเดิม ซึ่งอาจกลับมาทันช่วงการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ แต่สเป๊กอาจไม่ครบให้ผู้มีอำนาจคัดเลือก

เหลือเพียง 4 คนที่มีโอกาสลุ้นได้เป็นแม่ทัพสีกากีคนต่อไปคือ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร นรต.37 พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก นรต.38 ที่จะเกษียณอายุราชการปี 2564 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข นรต.36 ที่จะเกษียณพร้อมกันในปี 2565

แต่ที่น่าจับมองที่สุดคงไม่พ้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ตร. และมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 20 แถมได้ความไว้วางใจให้ดูหน้างานความมั่นคงและกิจการพิเศษ รวมถึงหน้างานสืบสวนสอบสวน

แม้ในไลน์รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ จะเป็นน้องสุดท้อง “อาวุโสลำดับสุดท้าย” แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ในรัฐบาล คสช. ผู้ที่ได้รับผิดชอบงานมั่นคงจะได้รับความสำคัญมากเป็นพิเศษ ดูได้จาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ก็เป็นอาวุโสลำดับท้าย ก่อนถูกเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.

สอดคล้องก่อนหน้านี้ช่วงปีใหม่ ผบ.ตร.กล่าวบนเวทีงานเลี้ยงตำรวจ นับถอยหลังตำแหน่ง ก่อนเอ่ยชื่อ พล.ต.อ.มนู และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เป็นการส่งสัญญาณถึงว่าที่ ผบ.ตร.คนต่อไปหรือไม่

ท้ายสุดเก้าอี้ผู้นำกรมปทุมวันนี้อยู่ที่ผู้มีอำนาจเป็นคนกำหนด