กรองกระแส / สถานการณ์ อู่ฮั่น พิสูจน์ ประยุทธ์ พลังประชารัฐ 6 ปีหลังรัฐประหาร

กรองกระแส

 

สถานการณ์ อู่ฮั่น

พิสูจน์ ประยุทธ์ พลังประชารัฐ

6 ปีหลังรัฐประหาร

 

ไม่ว่าสถานการณ์อันเกี่ยวกับภัยแล้ง ไม่ว่าสถานการณ์อันเกี่ยวกับพีเอ็ม 2.5 ไม่ว่าสถานการณ์อันเกี่ยวกับไข้หวัดโคโรนา อู่ฮั่น กำลังพิสูจน์สถานะและความเป็นจริงของรัฐบาล

1 ความเป็นจริงในเชิงการบริหาร

1 ความเป็นจริงที่ยืนยันอย่างเป็นรูปธรรมอีกคำรบหนึ่งว่าเหตุใดตลอด 5 ปีหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จึงล้มเหลว

ไม่เพียงล้มเหลวจากปัจจัยภายนอก หากแต่ยังล้มเหลวจากปัจจัยภายใน

เพราะว่ากรณีภัยแล้งเป็นวิกฤต เพราะว่ากรณีพีเอ็ม 2.5 เป็นวิกฤต ขณะเดียวกัน แม้ไข้หวัดโคโรนา อู่ฮั่น มิได้เป็นวิกฤตของประเทศไทย แต่เมื่อวิกฤตนี้ส่งจากประเทศจีนมายังประเทศไทยก็กลายเป็นวิกฤตไปโดยอัตโนมัติ

ทั้งหมดนี้ยืนยันฝีมือและความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเชิงบริหาร

 

กรณี 20 ทหารเรือ

กับ 64 พลเรือน

 

ขณะที่ทางหนึ่งมีเสียงโอดครวญจากนักเรียน นักศึกษาและคนทำงานในนครอู่ฮั่นจำนวน 64 คนต้องการกลับประเทศ ทางหนึ่ง ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ว่านายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันยังต้องขออนุญาตจากทางการจีน

ขณะเดียวกัน ในห้วงแห่งการรอคอยนั้นเองปรากฏข่าวการเดินทางกลับประเทศของทหารเรือ 20 คน จากเมืองอู่ฮั่น

นี่คือภาพ 2 ภาพที่สร้างความสะเทือนใจเป็นอย่างสูง

ก่อให้เกิดคำถามตามมามากมายในลักษณะที่ว่า ทำไมสามารถนำเอาทหารเรือ 20 นายออกจากอู่ฮั่นมาได้ แต่ทำไมไม่สามารถนำเอาพลเรือน 64 คนออกจากอู่ฮั่น

ที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า เตรียมการเรื่องนี้มาแล้ว 1 เดือนมีความจริงอย่างไร

สภาพที่นายทหารเรือ 20 นายได้กลับ สภาพที่นักเรียน นักศึกษาและคนทำงาน 64 คนยังติดค้างอยู่ในอู่ฮั่นด้วยความระทึกในจิตใจ

นี่คือเงาสะท้อนแห่งการเลือกปฏิบัติ ที่เรียกว่าดับเบิล สแตนดาร์ด สองมาตรฐาน

 

สถานการณ์ไวรัส

อนาธิปไตยการข่าว

 

ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของรัฐบาลจีน ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของรัฐบาลไทย ล้วนปรารถนาตีกรอบและควบคุมข่าวสารอย่างเบ็ดเสร็จ

เห็นได้จากการประกาศปิดเมือง เห็นได้จากการส่งทหารเข้าคุม

เห็นได้จากการที่กระทรวงสาธารณสุขเรียกร้องให้ติดตามและรับฟังข้อมูลข่าวสารจากทางด้านของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเป็นด้านหลัก

ในเบื้องต้น ไม่ว่าที่จีน ไม่ว่าในไทยอาจดำเนินไปเช่นนั้น

แต่เพียง 2-3 วันผ่านไป ลักษณะของข่าวสารเริ่มกระจัดกระจาย ไม่เพียงแต่จะออกมาจากสำนักข่าวอย่างเป็นทางการ ตรงกันข้าม ที่เป็นสำนักข่าวอิสระ ที่ออกมาจากปัจเจกบุคคลหรือแม้กระทั่งคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ก็เริ่มออกมา

นั่นก็เพราะช่องทางในทางอินเตอร์เน็ต ช่องทางในทางโซเชียลมีเดีย เริ่มจากทำคลิปกระทั่งไลฟ์สดๆ ให้ได้เห็น

มาถึงขั้นนี้ก็ไม่มีใครสามารถควบคุมข่าวสารได้อีกต่อไปแล้ว

นี่ความเป็นจริงของยุคสมัย ที่เทคโนโลยีได้ทำให้วิถีแห่งข่าวสารดำเนินไปในแบบอนาธิปไตย กระจัดกระจาย

ที่บอกว่า “ไวรัส” น่ากลัวอยู่แล้ว “ไวรัล” น่ากลัวมากกว่า

 

จากรัฐประหาร 2557

ถึงโคโรนา อู่ฮั่น 2563

 

คนคนหนึ่ง รัฐบาลๆ หนึ่งสามารถพิสูจน์ได้เมื่อประสบเข้ากับวิกฤต ไม่ว่าวิกฤตภัยแล้ง ไม่ว่าวิกฤตพีเอ็ม 2.5 ไม่ว่าวิกฤตไข้หวัดโคโรนา อู่ฮั่น

แม้สถานการณ์เหมือนกับจะพิสูจน์ความสามารถของสีจิ้นผิง แห่งจีน

แต่เนื่องจากอยู่ในยุคแห่งโลกาภิวัตน์ โรคระบาดที่จีนก็ส่งผลสะเทือนมาถึงประเทศไทยอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยผู้ติดเชื้อในประเทศไทยก็มีจำนวนมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน

จากสถานการณ์ไข้หวัดโคโรนา อู่ฮั่น ก็พิสูจน์ทราบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เห็นอย่างเด่นชัดไม่เพียงแต่ในห้วงจากเดือนมีนาคม 2562 มายังเดือนมกราคม 2563 หากแต่ยังย้อนทวนหวนกลับไปยังหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมาอีกด้วย

            ตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด