บทสุดท้ายของสงครามการค้า อเมริกา-จีน คือ วิน-วิน (Win-Win)

น.ส.พ. The Wall Street Journal, น.ส.พ. Reading Eagle และโดยเฉพาะ น.ส.พ. The New York Times ที่ใช้ผู้สื่อข่าว 2 คนรายงานจากวอชิงตัน ดี.ซี., หนึ่งคนจากปักกิ่ง และหนึ่งคนจากนิวยอร์ก ฉบับวันศุกร์ ธันวาคม 2019 ลงข่าวสอดคล้องกันว่า

เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี (12 ธันวาคม, 2019) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ Tweet ข้อความว่า

“กำลังใกล้เข้ามาอย่างมาก ที่จะได้ข้อตกลงอันใหญ่กับจีน”

“พวกเขา (จีน) ต้องการมัน และเรา (อเมริกา) ก็ต้องการเช่นกัน”

ประธานาธิบดีทรัมป์เห็นด้วยที่จะกำหนดขอบเขตข้อตกลงการค้ากับปักกิ่งด้วยการย้อนกลับลดอัตราภาษีและยกเลิกข้อกำหนดภาษีสินค้าจีนที่จะมีผลบังคับใช้วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคมนี้

ทั้งนี้ ข้อตกลงนี้เป็นส่วนที่จะส่งเสริมให้จีนซื้อสินค้าเกษตรของอเมริกาและให้การผ่อนปรนเรื่องภาษีในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน

ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พบกับนักเศรษฐศาสตร์ชั้นยอดและที่ปรึษาด้านการค้าเกี่ยวกับข้อตกลงนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม และผู้บริหารระดับสูงได้ถูกเรียกมาตรวจสอบหัวข้อของข้อตกลงนี้ แหล่งข่าวบอก

Michael Pillsbury ที่ปรึกษาประธานาธิบดีบอกว่า เขาได้คุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ที่บอกว่า

“ข้อตกลงได้เรียกร้องให้จีนซื้อสินค้าเกษตรอเมริกา $ 50 พันล้าน หรือ $ 5 หมื่นล้าน ในปี 2020 รวมทั้งสินค้าด้านพลังงานและสินค้าอื่นๆ แลกเปลี่ยนกับที่อเมริกาจะลดหย่อนอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนซึ่งเก็บอยู่ในอัตราจาก 15% ถึง 25%”

น.ส.พ. The Wall Street Journal รายงานว่า ฝ่ายอเมริกาได้เสนอเฉือนอัตราภาษีลงครึ่งหนึ่งของยอดสินค้าจีนคร่าวๆ ราว $ 360 พันล้าน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือยกเลิกอัตราภาษีสินค้า $ 156 พันล้าน ที่ทรัมป์เคยกำหนดให้มีผลในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคมนี้

ข้อเสนอนี้ได้ส่งถึงปักกิ่ง

ถ้าหากปักกิ่งไม่ซื้อสินค้าตามข้อตกลง ข้อกำหนดเรื่องขึ้นอัตราภาษีก็จะถูกนำมาใช้ใหม่ ผู้เชี่ยวชาญการค้าเรียกวิธีการนี้ว่า “Snapback” provision – “บทบัญญัติการย้อนกลับ”

ถึงแม้ว่าตัวประธานาธิบดีจะไม่ได้ใช้คำนี้

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังระบุว่า ในข้อตกลงนี้ได้รวมไว้ซึ่งการปรับปรุงการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา, การเปิดตลาดการเงินจีน (Chinese financial – services market) และตลาดสินค้าอื่นๆ, การป้องกันการปรับลดค่าเงิน (currency manipulation) มาเป็นอาวุธทางการค้า

ข้อตกลงเหล่านี้จะระบุไว้ในสัญญาฉบับที่สอง ซึ่งอาจเป็นการต่อสู้ในปัญหาที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงการบังคับการแอบถ่ายทอดเทคโนโลยี, การให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งอุปนิสัยการปฏิบัติของบริษัทจีน

อย่างไรก็ตาม สถานทูตจีนยังไม่ได้ให้ความเห็นต่อข้อเสนอนี้

ข้อตกลงทางการค้า (The limited trade pact) ได้ช่วยฟื้นฟูการส่งออกสินค้าเกษตรของอเมริกาไปจีน ซึ่งการส่งออกนี้ได้ล่มสลายมาหนึ่งปีครึ่งแล้ว หลังจากจีนได้โต้ตอบการขึ้นอัตราภาษีด้วยการลดการนำเข้าสินค้าเกษตรจากอเมริกา

สินค้าเกษตรอเมริกาส่งออกไปจีนได้ลดลงจากปีละ $ 25 พันล้านเมื่อหลายปีก่อน ลงมาเหลือแค่ปีละ $ 7 พันล้านในเวลา 12 เดือน คิดถึงเดือนพฤษภาคม ข้อมูลจาก Commerce Department data

สินค้าเกษตรอเมริกาส่งออกไปจีนเริ่มกระเตื้องขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เมื่อทั้งสองฝ่ายเริ่ม “พักรบ” การทำสงครามการค้า แต่ก็ยังต่ำกว่า 60% ก่อนการทำสงครามการค้า

ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยว่า เมื่อสองเดือนที่แล้วทั้งสองประเทศได้บรรลุกรอบของข้อตกลงเพื่อยุติสงครามการค้า และมีการต่อรองกันในรายละเอียดที่จะระบุในสัญญาที่จะมีผลในภายภาคหน้า

การสรุปข้อสัญญาลงตัว ไม่กี่วันก่อนที่ข้อกำหนดอัตราภาษีใหม่ของไอโฟน, ตุ๊กตา และสินค้าอื่นจะมีผลบังคับใช้

กลุ่มธุรกิจการค้าต้อนรับความก้าวหน้าของข้อตกลงการค้านี้ว่าคือการผ่อนคลาย เพราะทั้งผู้นำเข้า พ่อค้าช่วงและบริษัทอเมริกันต่างกังวลกับอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นว่าจะมีผลทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น หรือทำให้ต้องหั่นยอดขายน้อยลง

“เรายินดีต้อนรับข่าวที่ว่า สัญญาการค้าอเมริกา-จีน Phase 1-วาระแรก ใกล้ตกลงกันได้แล้ว”

Myron Brilliant รองประธานคณะกรรมการและหัวหน้าฝ่ายกิจการต่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งสหรัฐอเมริกากล่าว

“สิ่งนี้จะนำมาซึ่งความมั่นคงในสัมพันธภาพของอเมริกา-จีน แต่ต้องระวังไม่ให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ยังมีเรื่องที่ต้องทำและปัญหาที่ต้องแก้ไขอีกมาก”

นักธุรกิจในอเมริกาส่วนมากยังไม่เชื่อว่าการถกเถียงข้อตกลงการค้าใน phase 2, phase 3 จะบรรลุผล

ช่วงสองสามเดือนมานี้ อเมริกาเก็บภาษีสินค้าจีนได้เดือนละ $ 5 พันล้าน จากอัตราพิกัดภาษีสินค้าจีน ซึ่งผู้นำเข้าอเมริกันเป็นผู้จ่าย

ถ้าข้อตกลงการค้าจะตัดอัตราภาษีลดลงครึ่งหนึ่ง บริษัทอเมริกันจะประหยัดเงินจ่ายค่าภาษีเดือนละ $ 2.5 พันล้าน หรือลดค่าภาษีได้ปีละ $ 30 พันล้าน

Gregory Daco หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อเมริกันที่สำนัก Oxford Economic คำนวณว่า

การลดอัตราภาษีสินค้าจีนลงครึ่งหนึ่ง จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอเมริกาเติบโตขึ้น 0.2% ในปีหน้า

แต่ก็เตือนว่า ความไม่แน่นอนอาจทำให้สิ่งนี้มีผลช้า

“ข้อสำคัญคือ เราไม่สามารถจะดึงผลเสียหายของสงครามการค้าสองปีกลับคืนมาได้ หรืองดเมฆหมอกแห่งความไม่แน่นอนที่จะดำเนินต่อไป ซึ่งจะยับยั้งการทำธุรกิจและการบริโภคในปี 2020” Daco กล่าว

นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ประมาณการว่า การเพิ่มอัตราภาษีสินค้าจีนทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเติบโตช้าลง 2% ในไตรมาสที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับการเติบโต 3% ในปีที่แล้ว

สถาบัน The International Monetary Fund ได้ประมาณการว่า การเพิ่มอัตราภาษีสินค้าจีน ทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเติบโตลดลง 0.6%

และเช่นกันที่มีผลแหลมคมกว่าในฝั่งจีนที่ทำให้ประมาณการว่าเศรษฐกิจจีนหดตัวลงถึง 2%

ในฐานะที่ผมพำนักอยู่ในอเมริกา ต้องยอมรับว่าสินค้าอุปโภคและบริโภคส่วนใหญ่ในประเทศนี้ มากถึงกว่า 90% ล้วนนำเข้าจากจีน

ดังนั้น การขึ้นอัตราภาษีสินค้าจีนไม่ว่าจะกี่เปอร์เซ็นต์ ผู้ที่ต้องจ่ายภาษีเพิ่มคือ บริษัทอเมริกันผู้นำเข้า

และท้ายที่สุด อัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นนั้นก็มาบวกในราคาสินค้า

คนจ่ายภาษีสินค้าจีนที่เพิ่มขึ้นคนสุดท้ายก็คือ ผู้บริโภคอเมริกัน

ผลร้ายสุดท้ายคือ การเพิ่มอัตราภาษีสินค้าจีนทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเติบโตลดลง 0.6%

ในขณะเดียวกันการลดภาษีสินค้าจีนลงครึ่งหนึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจอเมริกาให้เติบโต 0.2% ในปี 2020

ผลิตผลทางเกษตรของอเมริกาเริ่มตกต่ำลงตั้งแต่ปี 2014 และเป็นเช่นนี้เรื่อยมาทุกปี จนเกษตรกรหลายรายอยู่ในภาวะ Bankruptcies (ล้มละลาย, ถูกธนาคารยึดทรัพย์) เพิ่มจำนวนมากขึ้น และมาย่ำแย่หนักเมื่อเกิดสงครามการค้ากับจีนในปี 2018 ยาวนานมา 17 เดือน

ตัวอย่างเช่น ถั่วเหลืองเคยส่งออกให้จีน $ 14 พันล้านในปี 2016 ได้ลดลงเหลือส่งออกให้จีนแค่ $ 3.1 พันล้านในปี 2018

การส่งออกสินค้า “เนื้อหมู” ไปจีนก็อยู่ในสภาพเดียวกัน

น.ส.พ. Reading Eagle ฉบับ November 29, 2019 รายงานว่า ความยากลำบากของเกษตรกรอเมริกันเลวร้ายถึงขั้นประธานาธิบดีทรัมป์ต้องนำกฎหมาย Aid to farmers ที่ออกตั้งแต่ปี 1940 ยังไม่เคยมีประธานาธิบดีคนไหนนำออกมาใช้ แต่ทรัมป์ต้องนำเสนอผ่านสภา Congress อย่างเร่งด่วน อนุมัติเงินช่วยเหลือเกษตรกร $ 2 พันล้าน ส่งถึงเกษตรรายย่อยตั้งแต่รายละ $ 2 จนถึงบริษัทอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่จ่ายรายละกว่า $ 1 ล้าน จ่ายเงินช่วยเหลือต้นปี 2020

ข่าวใน น.ส.พ. Reading Eagle ฉบับเดียวกันนี้ยังรายงานว่า ทรัมป์ได้บอกว่า เมื่อเดือนที่แล้ว (ตุลาคม 2562) ตัวประธานาธิปดีทรัมป์และประธานาธิบดีจีน Xi Jin – Ping ใกล้จะเซ็นสัญญา “Phase 1” ซึ่งสัญญานี้จีนจะซื้อสินค้าเกษตรจากอเมริการะหว่าง $ 40 พันล้าน – $ 50 พันล้านต่อปี หรือเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าจากยอดขายสินค้าเกษตรไปจีนที่ลดลงในปีที่แล้ว

แต่ข่าวนี้ในชั่วโมงนั้นยังไม่เป็นจริง

ในสัญญา Phase 1 นี้ สิ่งที่อเมริกาได้มากกว่าเดิมคือข้อแลกเปลี่ยนที่จีนจะซื้อสินค้าเกษตรอเมริกาเพิ่มขึ้นเป็น $ 50 พันล้าน จากเดิมที่เคยซื้อแค่ปีละ $ 40 พันล้าน

นี่คือสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ไปเต็มๆ เพราะเกษตรกรอเมริกันจะแฮปปี้ที่ขายสินค้าเกษตรให้จีนได้เพิ่มขึ้น ฐานเสียงเกษตรกรของทรัมป์ในรัฐทาง Midwest และ Great Plains จะไม่แปรเปลี่ยนไปให้คนอาน

ใครก็มาแข่งโค่นทรัมป์ไม่ได้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้าปลายปี 2020

ในอีกมุมหนึ่ง การที่อเมริกายอมลดภาษีสินค้าจีน ทำให้จีนยังยืนหยัดครองตลาดอเมริกาที่มีเศรษฐกิจดี มีกำลังซื้อสูงส่งต่อไป

จีนจึงขายสินค้าให้อเมริกาได้มากขึ้น ร่ำรวยขึ้น

ทั้งหมดของสงครามการค้าอเมริกา-จีน คือการเจรจาต่อรองปกป้องและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกันเท่านั้น

ท้ายที่สุด ทั้งอเมริกาและจีนต่างรู้ดีว่า ถ้าขืนทำสงครามการค้าต่อไป ผลลัพธ์ที่ได้จะมีแต่ “เจ็บตัว” ด้วยกันทั้งคู่

ดังนั้น ทั้งอเมริกาและจีนจึงเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของสัญญาการค้า Phase 1 ที่ลงนามกันในวันที่ 15 มกราคม 2020

หลังจากนั้นทรัมป์จะบินไปปักกิ่ง เจรจาการค้า Phase 2, Phase 3 ต่อไป

สงครามการค้าอเมริกา-จีน ยุติด้วยผล

วิน-วิน