วิถีแห่งกลยุทธ์ /เหมยฉางซู เสถียร จันทิมาธร / ในกรงเล็บ สุราใยพิศวาส (28)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

ในกรงเล็บ สุราใยพิศวาส (28)

 

พระขนิษฐาลี่หยางหลุบตาลง คล้ายต้องการสงบสติอารมณ์ เพราะสิ่งที่จะเล่าต่อจากนี้เป็นส่วนสำคัญที่สุด และเป็นเป้าหมายที่เธอมาขอความช่วยเหลือจากเหมยฉางซู

นั่นคือ

ในวังมีสุราชนิดหนึ่งชื่อว่า “ใยพิศวาส” เพียงดื่มถ้วยหนึ่งผู้นั้นก็จะเกิดภาพหลอนกระตุ้นอารมณ์ใคร่ หากเป็นสตรีก็จะทึกทักว่าชายที่อยู่ข้างกายในตอนนั้นเป็นคนที่ตนเองลุ่มหลงรักใคร่ตลอดมา

จากนั้นด้วยฤทธิ์ยาส่งผลให้กระทำเรื่องบัดสี

เนื่องจากนางไม่รู้ว่าในโลกนี้มีสุราชนิดนี้อยู่ ดังนั้น หลังจากฟื้นขึ้นมากลับเข้าใจว่าเป็นเพราะตัวเองมีจิตใจไม่เข้มแข็ง เมามายจนเสียการควบคุม บวกกับตัวเองเป็นฝ่ายรุก ยิ่งไม่อาจกล่าวโทษฝ่ายชาย

ท่ามกลางความรู้สึกอับอายถึงขีดสุดในใจดั่งตกนรกทั้งเป็น เลือกที่จะตายก็ตายตาไม่หลับเพราะในใจเก็บซ่อนไว้ด้วยคำพูดอีกมากมายซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกกล่าวออกมา

และในขณะที่กำลังสับสนอับจนหนทางนั้นเอง ใครคนหนึ่งซึ่งนางให้ความไว้วางใจมาตลอดก็เข้ามาพูดจาเกลี้ยกล่อม แน่นอนว่านางไม่เหลือเรี่ยวแรงอันใดไปคัดค้านต่อต้านอีกแล้ว ได้แต่ปล่อยให้ผู้อื่นบงการตามอำเภอใจ

สตรีที่ถูกทำร้ายในตอนนั้นเป็นพี่น้องแท้ๆ ของข้าเอง ดังนั้น จึงรู้สึกพลุ่งพลานขึ้นมา ท่านซูอย่าได้ถือสา

 

มีความสับสนอย่างแน่นอนระหว่างความนัยอันพระขนิษฐาลี่หยางเปิดเผยออกมา แต่ที่สำคัญมากยิ่งกว่านั้นยังอยู่ที่คำถามจากเหมยฉางซู

“พระขนิษฐาล่วงรู้แผนการนี้ได้อย่างไร”

“พระขนิษฐาลี่หยางย่อมทราบว่าเขาต้องตั้งคำถามนี้ ทว่ายังคงอดเบือนหน้าหันข้างให้มิได้ เพื่อหลบเลี่ยงสายตาที่เฉื่อยเนือย 2 สายนั้น

ครึ่งค่อนวันค่อยตอบเสียงแผ่ว

“เซี่ยปี้ เจ้าลูกคนนี้อยากจะเข้าไปพัวพันแต่ใจก็ไม่เหี้ยมพอ ถูกข้าพบเห็นท่าทางกระสับกระส่ายเข้า สุดท้ายจึงหลุดปากออกมา”

เหมยฉางซูพยักหน้าพลางตั้งคำถามต่อไป

“ด้วยฐานะของพระขนิษฐา หากคิดยับยั้งสมควรมีวิธีมากมาย ไฉนต้องเลือกใช้ผู้แซ่ซูเล่า”

พระขนิษฐาลี่หยางหัวเราะหยามหยันตัวเองก่อนกล่าว “วิธีการมากมายหรือ ไม่แน่กระมัง เรื่องยังไม่เกิดขึ้น ซักไซ้เอาจากผู้บงการคิดหรือว่าพวกเขาจะยอมรับ หรือไปทูลฟ้องฝ่าบาท ปากเปล่าไร้หลักฐาน หรือเข้าวังไปห้ามด้วยตนเอง

ใครจะรู้ว่าพวกนั้นเลือกลงมือเมื่อไร ฐานะพระขนิษฐาของข้าในสถานการณ์เช่นนี้กลับไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย”

 

เหมยฉางซูครุ่นคิดครู่หนึ่ง เดิมจะถามต่อว่าไฉนไม่ไหว้วานสามีตัวเอง พลันฉุกคิดได้ว่าวิธีนี้เป็นวิธีเดียวกับในตอนนั้น ต่อให้เซี่ยอวี้ไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด แต่เป็นไท่โฮ่วหลอกใช้เขาก็ยังเป็นผู้ได้ประโยชน์อยู่ดี ถ้าหารือเรื่องนี้กับเขาคงกระอักกระอ่วนพิลึก

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขาช่วยขัดขวางก็ต้องกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตของคนที่วางแผนนี้จนตาย ยามนี้เซี่ยอวี้ไม่ใช่คนหนุ่มเลือดร้อนเช่นกาลก่อน ดังนั้น ไม่แน่ว่าจะยอมช่วย

คิดไปคิดมา พระขนิษฐาลี่หยางดูเหมือนจะหาใครช่วยไม่ได้สักคน

“พระขนิษฐา ถึงผู้แซ่ซูมีใจช่วยเหลือ แต่ด้วยฐานะสามัญชนต่ำต้อยเกรงว่าคงช่วยไม่ได้มาก” เป็นการยอมรับตามความเป็นจริง

“ท่านมิใช่สนิทสนมกับหนีหวงจวิ้นจู่หรอกหรือ” คำถามนี้แหลมคมยิ่ง

“อีกอย่าง พรุ่งนี้ก็ได้พบนางแล้ว ถึงตอนนั้นขอให้ท่านซูแจ้งต่อนางให้ระวังขณะพูดคุยกับเหล่าพระสนม พระชายาต่างๆ ให้มาก แค่นี้คงพอรอดพ้นไปได้”

“พระขนิษฐาไฉนไม่แจ้งเอง”

“ข้านิสัยเย็นชา หมางเมินมาตลอด แม้ในใจชื่นชมหนีหวงแต่ไม่เคยพูดคุยลึกซึ้ง ไม่แน่ว่านางจะเชื่อถือ ที่สำคัญก็คือ พวกนั้นรู้แล้วว่าข้าระแคะระคายเรื่องนี้ เมื่อใดที่ข้าเข้าวังก็จะมีสตรีคนใดคนหนึ่งประกบข้าตลอดเวลา ไหนเลยจะมีโอกาสพูดคุยกับจวิ้นจู่ตามลำพัง

ดีที่ท่านซูพักอยู่ในจวนโหว คำพูดข้ายังพอมีน้ำหนักอยู่บ้างถึงได้มาเยือนในยามวิกาล ข้ามั่นใจว่าสามารถหลบรอดหูตาของคนเหล่านั้นได้ เพียงแต่ทำให้ท่านซูต้องยุ่งยาก”

เหมยฉางซูสะกดสายตาจ้องมองนางแน่วนิ่งก่อนเอ่ยคำพูดแฝงความนัย

“ข้าน้อยกับพระขนิษฐามิได้คบหาลึกซึ้ง กลับได้รับความไว้วางใจระดับนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างสูง”

พระขนิษฐาลี่หยางจิตใจสะอาด ไหนเลยจะเข้าใจความนัย เพียงยิ้มเฉื่อยเนือยก่อนกล่าว

 

มารบกวนท่านกะทันหันออกจะเสียมารยาทอยู่บ้าง แต่เพราะ 1 คือไม่มีผู้ใดช่วย 2 คือทราบดีว่าท่านซูกับหนีหวงสนิทสนมกันดี

ส่วนข้อ 3 จิ่งรุ่ยมักชมเชยท่านให้ข้าฟังไม่ขาดปาก

เด็กคนนี้จิตใจบริสุทธิ์ สิ่งที่เขาชอบหรือคนที่เขานับถือย่อมมิใช่ธรรมดาแน่นอน ก่อนข้าจะมาที่นี่ก็เคยคิดแล้วว่า ทำเช่นนี้อาจชักนำเภทภัยมาสู่ท่านได้ ดังนั้น ถึงท่านไม่รับปากสิ่งที่ข้าร้องขอก็ยังอยู่ในเหตุผลที่รับได้ ท่านซูโปรดพิจารณารอบคอบ