ขอบคุณข้อมูลจาก | ล้านนาคำเมือง |
---|---|
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24 - 30 มีนาคม 2560 |
ผู้เขียน | ชมรมฮักตั๋วเมือง สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
เผยแพร่ |
อ่านเป็นภาษาล้านนาว่า “เจ้าอุบลวัณณา”
เจ้าอุบลวัณณาเป็นเจ้านายฝ่ายเหนือ เกิดเมื่อประมาณ 170 ปีก่อน เป็นธิดาคนที่สองของเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ผู้ครองนครเชียงใหม่กับเจ้าอุสา
เจ้าอุบลวัณณาเป็นน้องสาวของเจ้าแม่ทิพเกสร มีศักดิ์เป็นน้าแท้ๆ ของเจ้าดารารัศมี เมื่อกำพร้าแม่ตอนอายุ 11 ปี เจ้าดารารัศมีก็อยู่ในอุปการะของเจ้าอุบลวัณณาตลอดมา จนกระทั่งเข้าถวายตัวต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชีวิตของเจ้าอุบลวัณณานัยว่ามีสีสันที่สุดของบรรดาเจ้าหญิงเชียงใหม่ นอกจากเจ้านางจะมีหน้าตาสวยงามแล้ว ยังมีความสามารถในเชิงเย็บปักถักร้อยและมีความสามารถในการดนตรีแบบที่กุลสตรีสมัยนั้นพึงจะเป็น
แต่นั่นไม่น่าทึ่งเท่ากับเจ้านางมีความสามารถทางภาษาอังกฤษเป็นเลิศ
สามารถสนทนาโต้ตอบกับเพื่อนฝรั่งและทำมาค้าขายกับชาวตะวันตก
นับว่าเจ้านางเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจอย่างยิ่งในสมัยที่เจ้าอินทวิชยานนท์บิดาของเจ้าดารารัศมีครองเมืองเชียงใหม่
จากบันทึกของ คาร์ล บอค นักธรรมชาติวิทยาชาวนอร์เวย์กล่าวไว้ว่า “เจ้าอุบลวัณณาเป็นผู้สนับสนุนมิชชันนารีอย่างดี ทั้งนี้มิใช่เพราะความเลื่อมใสในศาสนาคริสต์ หากเพราะเจ้านางฉลาดมองเห็นข้อได้เปรียบในการคบค้ากับชาวต่างประเทศ”
ซึ่งหมายความว่าเจ้านางหวังผลในเชิงธุรกิจต่างหาก
จากบันทึกของเจ้าวงศ์จันทร์ คชเสนี กล่าวว่า เจ้าอุบลวัณณาเป็นผู้ขอให้เจ้ากาวิโลรสผู้บิดาซื้อป่าไม้ชายแดนพม่าที่มีอาณาเขตกว้างขวางตั้งแต่เชียงรายไปจนถึงแม่ฮ่องสอน แล้วให้ฝรั่งเช่าทำไม้
ทำให้เจ้าเชียงใหม่สายตระกูลเจ้ากาวิโลรสได้รับค่าตอไม้มากกว่าเจ้าสายตระกูลอื่น
มีเรื่องเล่ากันว่า ธิดาของเจ้าอุบลวัณณาเคยเอากระบุง 2 ใบขนาดใหญ่ที่ใช้หาบข้าวมารับค่าตอไม้ โดยโกยเงินที่นับไว้เป็นกองๆ ลงกระบุงทั้งสองจนเต็ม
ยังมีเรื่องเล่าทำนองว่า เจ้าอุบลวัณณาเคยปลอมตัวเป็นชายไปทำการค้าถึงเมืองมะละแหม่งในพม่า
เจ้านางตั้งโรงงานทอผ้าออกแบบลายผ้าเอง มีโรงงานทำเครื่องเงิน โรงแกะสลักไม้ โรงงานเครื่องเขิน และโรงต้มเหล้า ได้รับสัมปาทานรางรถไฟ ทำการค้ากับทั้งจีนฮ่อไทยใหญ่ โดยแข่งขันกับทั้งพ่อค้าผู้ชายชาวล้านนา อังกฤษ จีน และพม่า
แสดงว่าเจ้านางควบคุมธุรกิจเกือบทุกแขนงในเมืองเชียงใหม่และบริหารธุรกิจด้วยความชาญฉลาด
อยู่ครั้งหนึ่งเมื่อชาวจีนรวมหัวกันขออนุญาตผูกขาดการต้มเหล้า และเผอิญเจ้าแม่ทิพเกสรป่วยหนัก การรักษาตามความเชื่อในสมัยนั้นจะต้องจัดให้มีพิธีทรงเจ้าเข้าผี
เจ้าอุบลวัณณารับอาสาเป็นร่างทรงเสียเอง ปรากฏว่าวิญญาณที่มาเข้าทรง อาจจะเป็นเจ้ากาวิโลรสบิดาของเจ้านางทั้งสอง
เจ้ากาวิโลรสมีอีกฉายาหนึ่งว่า “เจ้าชีวิตอ้าว” เพราะถ้าเจ้าพ่อร้อง “อ้าว” ขึ้นมาเมื่อใด แปลว่าต้องมีคนหัวขาดแน่ ดังนั้น ผู้คนในล้านนาจึงไม่มีใครที่ไม่ยำเกรงต่อเจ้าพ่อ
เมื่อเจ้าพ่อประทับทรง เจ้านางกลับมีแววตาแข็งกร้าว มีเสียงห้าวเหี้ยม ดุดัน มีท่าทางห้าวหาญจนเป็นที่เกรงกลัวของทั้งคนจีนและหมอสอนศาสนาในที่นั้น
ร่างทรง ตวาดว่า กูไม่พอใจอย่างยิ่งที่จะให้ใครมาผูกขาดการต้มเหล้า แล้วขู่ว่าการที่เจ้าแม่ทิพเกสรป่วยนี้คือการเตือนเท่านั้น หากไม่ฟังกัน รับรองว่าจะมีเหตุร้ายใหญ่โตกว่าเป็นแน่
เหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าเชียงใหม่ในขณะนั้นยกเลิกการผูกขาดการต้มเหล้า
เรื่องนี้นับเป็นตำนานของการทรงเจ้าเข้าผีในล้านนาทีเดียว
แต่ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่า นี่คือกลอุบายของเจ้าอุบลวัณณาเองที่ไม่ยอมให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาผูกขาดการค้าเหล้า
หรือว่าเป็นเหตุการณ์ของการเข้าทรงจริงๆ
สําหรับชีวิตครอบครัวของเจ้าอุบลวัณณา เจ้านางเคยสมรสกับเจ้ามหาวงษ์แล้วเลิกกัน เมื่อเจ้านางอายุ 37 ปีก็เป็นหม้ายแล้ว เจ้านางมีคู่ครองต่อมาอีก 4 คน คนที่สองเป็นชายสามัญชน คนที่สามเป็นเจ้าราชบุตรลำปาง คนถัดมาเป็นพ่อค้าไม้สักชาวพม่าแต่บรรดาญาติต่างกีดกันไม่เห็นด้วย
คนสุดท้ายคือพ่อค้าชาวพม่าชื่อหม่องบอง แต่ก็ถูกลอบสังหารเสียก่อน ทำให้เจ้านางเสียใจมากและครองตัวเป็นโสดตลอดมาจนสิ้นชีวิต
รวมบุตรธิดาของเจ้านางมีทั้งหมด 5 คนเป็นชายสองและหญิงสาม
ลิลเลี่ยน เจ คอร์ทีส กล่าวถึงผู้หญิงล้านนา ซึ่งน่าจะสะท้อนภาพของเจ้าอุบลวัณณาได้ดีว่า “เป็นผู้หญิงที่มีความขยันพากเพียร ฉลาดกว่าผู้ชาย สามารถควบคุมสามีและมีสิทธิจะขับไล่สามีได้ตามใจชอบ ผู้หญิงล้านนามีความมั่นคงทางกฎหมาย สังคมและเศรษฐกิจมากกว่าผู้หญิงชาวสยาม”
ด้วยมีเหตุที่เจ้าอุบลวัณณาเคยโต้ตอบท้าทายเจ้าราชบุตรในสมัยนั้นว่า เจ้านางมีเสรีภาพในการเลือกคู่ครองหรือจะคบหากับใครก็ได้
สุดท้ายเจ้าอุบลวัณณาเสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำ ดร.ชี้ค หมอสอนศาสนาชาวอเมริกัน หนึ่งในเพื่อนสนิทของเจ้านางเปิดเผยว่าเจ้าอุบลวัณณาเสียชีวิตเพราะยาพิษ
ส่วนจะเป็นการถูกลอบฆ่า หรือเป็นการฆ่าตัวตายนั้นยังคงเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้