ฉัตรสุมาลย์ : เยือนมณฑลเสฉวน

เข้าหน้าหนาวแล้ว พาไปที่ที่อากาศหนาวเย็นดีกว่านะคะ ทุกเดือนพฤศจิกายน ผู้เขียนจะหาเรื่องไปพักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศให้แตกต่างไปจากเมืองไทยบ้าง เลือกไปประเทศจีนมา 3 ปีติดต่อกัน

ถ้าท่านผู้อ่านติดตามคอลัมน์นี้ ปีแรก ไปเส้นทางสายไหมจดตะวันตก เหนือสุดของแผนที่ประเทศจีนทีเดียว ได้หนังสือออกมา 1 เล่ม ชื่อ เส้นทางสายไหม

ปีถัดมาไปดูถ้ำที่รวบรวมสมบัติล้ำค่าของชาวพุทธไม่จบ เราไปเส้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ได้ดูทั้งถ้ำหยุนกางและหลงเหมินที่เลื่องชื่อ ได้หนังสือออกมาเล่มที่สอง ชื่อ พุทธศิลป์บนแผ่นดินจีน เป็นชื่อที่ลูกทัวร์ช่วยกันตั้งค่ะ

ความสนใจใคร่รู้ของเราบนแผ่นดินจีนยังไม่จบสิ้น ในทัวร์ครั้งที่สองนั่นเองที่เราคุยกันถึงเส้นทางที่เราเดินทางไปครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3

ทัวร์ของเราประชาธิปไตยมาก ลูกทัวร์เป็นคนกำหนดเป้าหมายว่าอยากดูอะไร จะไปไหน เราก็ระบุไป รายละเอียดให้บริษัททัวร์โดยคุณมนัสเป็นคนคิดรายละเอียดชงกลับมาให้เราอีกที

การที่เรามีแผนอยู่ในหัวว่า ปลายปีคือเดือนพฤศจิกายน เราจะไปจีน มันทำให้เรามีเป้าหมาย กระชุ่มกระชวย มีชีวิตชีวาทีเดียว

นี่เป็นเรื่องจริง

 

ทําไมเลือกเดือนพฤศจิกายน เดือนนี้ปลายฤดูใบไม้ร่วง กำลังจะเข้าฤดูหนาว ทัวร์เริ่มบางตาลง โดยเฉพาะคนจีนเอง ถ้าไปเดือนที่เป็นฤดูร้อน คนจีนออกมามาก เราถูกเหยียบตายแน่ๆ ประชาชนเขามีตั้ง 1,400 ล้านคน เดือนพฤศจิกายนจึงเป็นเดือนที่คนบางตาลง สะดวกกับคณะเรามาก

เราติดต่อกันทางไลน์ ไลน์ของเราเป็นไลน์กลุ่มลูกทัวร์จีนตั้งแต่ปี 2560 ยังไม่สลายตัวสักที มีแต่จำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น บางคนไปครั้งที่ 1 แต่ไม่ได้ไปครั้งที่สอง แล้วก็มาตามเก็บครั้งที่ 3 บางคนสลับกัน เพิ่งเริ่มเข้ามาในทัวร์ครั้งที่สอง แล้วก็อยู่ต่อเนื่องถึงครั้งที่สาม

ทัวร์นี้เอื้ออาทรต่อผู้สูงอายุค่ะ ไม่เดินทางตอนกลางคืน เพราะจะทำให้ผู้เฒ่าหมดแรงในวันรุ่งขึ้น การจัดรายการไม่แน่นจนสำลักข้อมูล โรงแรมไม่ต้องดีเลิศ แต่ไม่เอาโรงแรมจิ้งหรีด อาหารเอาประมาณปานกลาง นี้เป็นเงื่อนไขที่ทำให้ลูกทัวร์สามารถประมาณตนเองได้ว่า เราจะเดินทางกันประมาณนี้ ผู้เฒ่าวัย 70 ขึ้น 4 คน มีรถเข็นสองคัน ลูกทัวร์ดูแลกันเองอย่างดียิ่ง และเป็นทัวร์ที่มีความเคารพซึ่งกันและกันจนไกด์จีนออกปากว่าเป็นคณะที่ตรงเวลามากๆๆ

ด้วยความตื่นเต้นของเราตั้งแต่ทัวร์สองครั้งก่อน พอกลับมาก็เปิดรับสมัครลูกทัวร์ทันที กลางปี เราก็ได้ลูกทัวร์ 34 คนกำลังดี แต่เนื่องจากเราออกตัวเร็วเกินไป ปรากฏว่าลูกทัวร์ถอนตัวถึง 8 คน ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน แต่ก็มีลูกทัวร์ที่เข้ามาเติมเต็ม

ในที่สุด ในวันเดินทาง เมื่อเราพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ 34 คนเท่าเดิม

 

คราวนี้เราบินการบินไทยค่ะ ออกจากกรุงเทพฯ บินขึ้นเหนือ ผ่านทางเหนือสุดของไทย ผ่านตะวันตกสุดของลาวนิดหน่อย แล้วบินข้ามมณฑลยูนนาน เข้ามณฑลเสฉวน

ใช้เวลาบิน 2.55 ช.ม. ระยะทางเพียง 1,787 ก.ม. เราลงเครื่องที่เมืองเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน

ปรับนาฬิกากันหน่อย เวลาที่จีนเร็วกว่าไทย 1 ช.ม. อากาศเย็น 10 องศา คราวนี้มีเด็กเล็กไปด้วย 3 คน วัย 6 ขวบ 8 ขวบ และ 9 ขวบ ให้เตรียมเสื้อกันหนาวไว้ให้พร้อมที่จะต้องใช้เมื่อลงเครื่อง

อาจารย์ที่สอนภาษาจีนให้ผู้เขียนสมัยที่เรียนภาษาจีนอยู่ที่อินเดียช่วง พ.ศ.2506-2508 ชื่ออาจารย์ราน ยุน ฮวา เป็นชาวจีนที่มาจากเสฉวน ผู้เขียนจึงได้ซึมซับเรื่องราวของเสฉวนมาบ้างว่าอาหารเผ็ด

แต่สำหรับคนไทยจะรู้สึกว่าอาหารเสฉวนอร่อยที่สุด เพราะใกล้ลิ้นคนไทยมากกว่าอาหารจากมณฑลอื่น

 

ไกด์คราวนี้ไม่ใช่สุลินที่ลูกทัวร์เราคุ้นเคยในสองทริปก่อน ถึงขนาดมีของขวัญติดมือมาฝากด้วย ไกด์คนนี้เป็นชาวยูนนานชื่อพนา เรียนภาษาไทยจากยูนนานในชั้นเดียวกับสุลิน พูดไทยได้มากและคล่อง ไม่ชัดนัก แต่พอเดากันได้ พนาเล่าว่า อาหารที่ตอนนี้เป็นที่นิยมในเมืองไทยคือพวกหมาล่า (เครื่องเทศเผ็ดและชาปาก) มาจากเสฉวนนี้เอง

เสฉวนอากาศเย็นมีหมอกทั้งปี จะเห็นแดดปีหนึ่งเพียง 3 เดือน จึงได้ฉายาว่าเมืองในหมอก อีกชื่อหนึ่งที่ผู้เขียนก็เพิ่งได้ยิน คือเมืองหมาเห่าพระอาทิตย์ คือพระอาทิตย์เป็นแขกแปลกหน้าสำหรับสุนัขนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ อาหารที่ชาวบ้านนิยมจึงเผ็ดกว่าที่อื่น คำว่าหมา แปลว่า ชา และล่า แปลว่า เผ็ด เหตุที่ทำให้รู้สึกชาที่ลิ้นคือ ดอกไม้ชนิดหนึ่งที่เอามาป่นเป็นผงใส่อาหาร เรียกว่าฮว่าเจียว ถ้าเป็นผงเรียกว่าเฝิ่น เท่านั้นยังไม่พอ ยังใส่พริกด้วย จึงทั้งชาและเผ็ด

หญิงสาวที่นี่ คนจีนชมว่าสวย และมีความสามารถจัดการงานทั้งในบ้านและธุรกิจนอกบ้าน ถ้าจะตกลงงานธุรกิจ ต้องตกลงกับภรรยามากกว่าสามี ว่ายังงั้น

ถ้าจะเกิดเป็นผู้หญิงจีน ก็มาเกิดที่เสฉวนนี่แหละ เออ นึกขึ้นมาได้ อาจารย์ของผู้เขียน เท่าที่สังเกตก็ประมาณนั้น เมื่อครอบครัวของท่านอพยพจากจีนออกมาอยู่ที่ฮ่องกง แล้วท่านมาเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนที่อินเดีย จนได้พบผู้เขียน และเมื่อท่านอพยพไปตั้งรกรากอยู่ในแคนาดาในเวลาต่อมา ภรรยาท่านเป็นคนไปเรียนขับรถ และท่านเป็นคนนั่ง จนท่านสิ้นชีวิต ท่านก็ไม่เคยขับรถ

ภรรยาท่านเป็นคนจัดการเรื่องราวภายในบ้านจริงๆ

 

เสฉวน แปลว่าแม่น้ำทั้ง 4 แยงซีเกียงที่เรารู้จักกันดี ไหลผ่านตอนบนของมณฑล แล้วก็มีแม่น้ำหลินเฉียง จินซางเจียง ต้าตู และหลิง

มณฑลนี้มีพื้นที่ 485,000 ตร.ก.ม. มีประชากร 82 ล้านคน มีชาติพันธุ์น่าสนใจ คือเป็นฮั่น 95% ยี่ 2.6% ทิเบต 1.5% และเซียง 0.4% ที่มีทิเบตเพราะด้านตะวันออกสุดติดกับพื้นที่ของทิเบตค่ะ

เมื่อ พ.ศ.2551 ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเสฉวน มีผู้คนล้มตายถึง 2 แสนคน จิวจ้ายโกวซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความงามเป็นเลิศ เป็นจุดหมายที่ทัวร์ไทยนำลูกทัวร์มาลงที่นี่เป็นประจำนั้น ได้รับความเสียหายมาก

รัฐบาลต้องปิดอุทยานทำการซ่อมแซมขนานใหญ่ จากเดิมที่เคยรับทัวร์วันละ 3-4 หมื่นคน บัดนี้เปิดให้เข้าชมได้บางส่วน แต่ลูกทัวร์ลดลงมาก เหลือเพียงวันละ 8,000 คน

จากภัยพิบัติครั้งนั้น ทำให้คนจีนเสฉวนได้เข้าใจชีวิตมากขึ้น แทนที่จะอดออมเก็บเงินไว้ ได้พิสูจน์แล้วว่า ศพที่ขุดขึ้นมานับแสนนั้น ไม่ได้ใช้เงินที่ตัวเองสะสมไว้เลย ชาวจีนอายุรุ่น 30-40 จะสนับสนุนให้อาม่า อากงเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ

และประเทศที่ชาวจีนจากมณฑลเสฉวนนิยมเดินทางมาที่สุดคือเมืองไทย

ถ้าชาวจีนที่มาเมืองไทยทำห้องน้ำเลอะเทอะก็เข้าใจได้ว่า เดิมเป็นคนยากจน เป็นชาวไร่ชาวนา ไม่เคยใช้ห้องน้ำแบบนี้

เส้นทางระหว่างเมืองเฉิงตูไปฉงชิ่งนั่น มีที่พักรถทุกๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ลงไปจะพบว่า ไม่มีห้องน้ำแบบโถนั่งเลย จะเป็นแบบเดิม คือนั่งยองๆ ทั้งสิ้น แต่ไม่ต้องมองหน้ากันแล้ว

เฮอ เฮอ

 

เฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน เป็นเมืองที่มีความสำคัญมากขึ้นทุกที อยู่ทางตอนกลางของภาคใต้ของแผ่นดินจีนที่กว้างใหญ่ ที่มาผลิตรถยนต์โตโยต้าก็มาที่เสฉวนนี้แหละค่ะ บนเส้นทางที่เราเดินทางจากสนามบินไปเมืองที่ตั้งของเอ๋อเหมยซาน ประมาณ 158 ก.ม.นั้น สองข้างทางเต็มไปด้วยการเพาะปลูกเขียวขจีไปตลอดทาง ต่างจากเส้นทางที่เราเคยขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ไปถ้ำตุนฮวางอย่างสิ้นเชิง เส้นทางนั้นแห้งแล้งหาต้นไม้ขึ้นยาก และในที่สุดไปจนถึงทะเลทราย ที่เราไปขี่อูฐกันมาแล้วในเรื่องที่เล่าไว้ในเล่มแรก

เฉิงตูเป็นเมืองที่มีประชาชนมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในภาคตะวันตกของจีน อีกสองเมืองคือ ฉงชิ่ง และซีอาน

เรามีเป้าหมายว่าจะไปขึ้นภูเขาง้อไบ๊ อันนี้คนจีนในเมืองไทยเรียกค่ะ น่าจะเป็นเสียงแต้จิ๋ว แต่คนที่นั่นเรียกว่าภูเขาเอ๋อเหมยซาน แปลว่า ภูเขาคิ้วโก่ง

เราเข้าพักที่โรงแรม Golden City น่าจะให้ 4 ดาว ใช้ได้ แนะนำนะคะ 8 Daye Road, Jinjiang,Chengtu, Sichuan.

 

คณะทัวร์ของเราไปรับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคาร โดยแยกโต๊ะกัน พวกหนึ่งทานเนื้อสัตว์ได้ พวกหนึ่งเป็นมังสวิรัติ ข้างละ 2 โต๊ะเท่าๆกัน

เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่สำหรับวัฒนธรรมจีน มื้อหนึ่งจะเสิร์ฟ 10 อย่าง พอมาถึงจานที่ 5 ลูกทัวร์ก็เริ่มช้าลงแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกวัน บนโต๊ะมังสวิรัตินั้น ได้ชิมผักกวางตุ้ง ผักคะน้า แตง ฟักทอง ฯลฯ ผลผลิตจากท้องไร่ท้องนาของชาวจีนอุ่นหนาฝั่งทีเดียว

คืนนี้ต้องพักเอาแรง พรุ่งนี้จะพาไปลุยหิมะค่ะ

เป็นประสบการณ์ครั้งเดียวในชีวิต เชิญติดตาม