ทราย เจริญปุระ | “ทิ้ง”

ฉันดูแล้วโกรธ

โกรธที่ฉันเองคือข้าวของในถุงดำ ไม่ใช่แค่ถูกทิ้ง แต่ยังถูกซุกไว้ในมุมลึกที่สุดของถุงดำมืด ปิดบังมิดชิดเหมือนไม่เคยมีเราอยู่ในนั้น

ทิ้งฉัน

แล้วให้ฉันเดินทางผ่านเส้นทางของขยะมีชีวิตด้วยตัวเอง

ลำพัง

ดิ้นรนบ้าง ละเลยบ้าง เมามาย ร้องไห้ ใช้น้ำตาหัวใจร่างกายเปลืองเปล่า

แล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมหัวใจและร่างกายที่ไม่เคยเต็ม

เป็นหนังที่ดูแล้วเกรี้ยวโกรธ

แต่เป็นความโกรธที่มาจากความเศร้า เพราะโดนสิ่งที่หลบหนีมาครึ่งชีวิตเผยตัวให้เห็นต่อหน้า

จงรับรู้, ว่าเขาก็แค่ทิ้ง

ถ้าไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับตัวเองเขาก็ไม่มีวันกลับมา

คนที่ทิ้งก็คือทิ้งแล้วเดินผ่านไป

จะมีใครสักกี่คนบนโลกนี้ที่หันมามองถังขยะ

ในช่วงท้ายของชีวิตพ่อและแม่ ทั้งสองคนได้ทอดทิ้งความทรงจำไปนานแล้ว วิธีสื่อสารสูญหายตกหล่น จุดหมายปลายทางเหลือแค่วันที่จะหยุดหายใจ

น่าเศร้าที่ความทรงจำท้ายๆ ถึงสิ่งที่แม่สื่อสารกับฉันคือมะม่วง

และเป็นมะม่วงที่จริงๆ หมายถึงฝรั่ง

คนเราต้องทิ้ง

ไม่งั้นข้าวของขยะทรงจำจะเบียดบังตัวตนเราไปเรื่อยๆ จนเลือนจาง ร่างกายและความจำอัดแน่นไปด้วยอดีตที่ผ่านเลยไม่หวนคืน

ตัวตนในปัจจุบันเพียงอาศัยในโลกแค่วันต่อวัน

ไร้จุดหมาย ไม่มีฝัน ไม่มีอะไรให้รอ

แค่มีหน้าที่ต้องอยู่ต่อตามคำสาปของชีวิต

ที่พร้อมจะโยนอะไรเข้ามาให้เรารับมืออีกและอีก

ฉันนั่งมองกล่องของและถุงผ้าที่ซุกอยู่ใต้เตียง

ไม่มีอะไรอยู่ในถุงดำ

ชีวิตคนที่เคยผ่านการซุกไว้แบบนั้นเข้าใจดีว่ามันเจ็บปวด

และความทรงจำล้ำค่าที่แม้จะไม่เหลืออยู่ในหัวใจของอีกฝ่ายแล้ว ก็ไม่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น

ฉันจำข้าวของในนั้นได้โดยไม่ต้องเห็นมันจริงๆ ด้วยซ้ำ

โคมไฟทรงกลมดวงเล็ก ที่ฉันซื้อมาตั้งบนหัวเตียงฝั่งฉัน เพื่อให้ฉันได้อ่านหนังสือเงียบๆ โดยแสงไฟจะไม่ไปรบกวนตาเธอ โคมไฟน้อยๆ ที่เมื่อความง่วงมาเยือน ฉันเพียงเอื้อมมือกดปิดสวิตช์ ให้ความมืดห่มคลุม นำเราเข้าสู่นิทราราตรีไปพร้อมๆ กัน

ทุกวันนี้ไม่มีโคมไฟ ไม่มีเตียงฝั่งของใคร

มีแต่ความจริงเจิดจ้า

ว่าเขาไม่ต้องการฉันแล้ว

และเป็นฉันเองที่ต้องเก็บโคมไฟนั้นกลับมาซ่อนซุกอยู่ใต้เตียง

อับแสงไปตลอดกาล

เวลาไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น

ถ้าสิ่งสุดท้ายที่แม่สื่อสารกับฉันคือฝรั่งที่เรียกว่ามะม่วง

สิ่งสุดท้ายที่พ่อสื่อสารกับฉันก็โหดร้ายกว่านั้น

วันเวลาของคนป่วยไม่ได้เป็นเส้นตรงไปข้างหน้า แต่หมุนเป็นวงกลมเบี้ยวๆ ย้อนไปใกล้บ้างไกลบ้าง บางวันพ่อก็จำฉันไม่ได้ พ่อแน่ใจว่ามีลูกชื่อเดียวกับฉัน แต่เด็กคนนั้นยังไม่โตเท่านี้

และในบางวันที่พ่อยอมรับว่าฉันโตแล้ว สิ่งทรงจำของพ่อก็คือชื่อของชายที่ฉันเคยพาเข้ามาสวัสดี มากินข้าวที่บ้าน

ผู้ชายที่เคยยืนจับมือกันริมทะเล บันทึกภาพเราแตกพร่าด้วยกล้องโทรศัพท์รุ่นแรก

พ่อจะถามแบบหยั่งๆ เหมือนไม่แน่ใจก่อน ว่าพี่เค้าอยู่ไหน ก่อนจะออกเสียงชื่อชัดเจนในประโยคต่อมาที่จะถามสารทุกข์สุกดิบ

เขาเป็นยังไงบ้าง เขามาเจอพ่อหรือเปล่า เขาเห็นพ่อแล้วรู้สึกอึดอัดหรือเปล่า พ่อขอโทษนะ

พ่อคะ, เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณพ่อป่วย

หรือถึงรู้ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ทรายไม่ใช่ใครคนนั้นของเขาแล้ว เมื่อบอกว่าไม่ใช่ก็จากกันไปแค่นั้น

ใครจะเป็นตายร้ายดียังไงเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง เขาผ่านแล้ว เขารอดแล้ว

เหลือแต่ลูกสาวของพ่อที่ต้องต่อสู้กับความทรงจำ

ทั้งทรงจำเกี่ยวกับเขา ทั้งทรงจำของพ่อที่ไม่มีลูกสาวปัจจุบันอยู่ในนั้น

มีแต่คนที่ฉันเคยเป็นในอดีต

และทั้งที่ถูกทอดทิ้งจากความทรงจำอยู่เสมอ

ฉันกลับต้องมาเป็นคนจัดการกับอะไรๆ ที่เป็นเศษซากเหลือมาจากชีวิตผู้อื่น

รู้ดีว่าไม่เข้มแข็งพอจะจัดการกับมันเองได้ ฉันก็จ้างคนมาจัดการ

เขาหยุดยืนมองข้าวของแล้วถามกลับ “คุณให้เอาไปหมดเลยเหรอครับ”

-ใช่- อะไรที่อยู่นอกเขตที่ฉันขีดไว้ เอาไปได้เลย

ถ้ามันยังซ่อนอยู่แบบนั้น ก็หมายความว่าฉันไม่เคยต้องการมัน เพราะมันไม่ได้ถูกนำกลับมาใช้

และถ้าไม่เคยนำมาใช้ ก็ไม่มีอะไรสำคัญ

ห้องสะอาดโล่งอย่างที่ฉันตั้งใจ ทิ้งไป จบกัน

ฉันจะได้ใช้ชีวิตต่อ

แต่อดีตย่อมตามหาเราจนเจอเสมอ

เพื่อนฉันไปพบกองข้าวของที่มีรูปต่างๆ จากครอบครัวฉันกองขายปะปนอยู่กับหนังสือและเอกสารเก่าๆ ในตลาดมือสอง ส่งมาถามว่าฉันยังต้องการไหม

คำตอบแรกในใจคือ-ไม่-

ฉันไม่ต้องการ

แต่น่าจะเพราะมารยาท หรือสิ่งที่เรียกไม่ถูกว่าคืออะไร แต่มันคงดูแย่ถ้าฉันไม่สนใจอดีต ทิ้งขว้างมันไปขนาดนั้นและจนมันพยายามหาทางกลับมาเจอฉัน ก็ยังจะโดนปฏิเสธ

ส่งมาก็แล้วกัน เดี๋ยวจัดการค่าส่งให้

แล้วมันก็กลับมา เหมือนไม่เคยจากไปไหนเลย

ซึ่งจะว่าไปแล้วเราก็ไม่เคยทิ้งอะไรได้จริงๆ

รูปอาจหายไป ฉีกขาด ถูกเผาทำลาย

แต่มันยังคงตั้งแสดงอยู่เสมอ ในโถงแห่งความทรงจำของเรา

ห้องแสดงภาพที่ถูกละเลยจากชีวิตอื่น

รกไปด้วยความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนอง

ภาพเดี่ยวๆ ของผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งจากความทรงจำของทุกคน

ทั้งพ่อ แม่ และผู้ชายที่เธอเคยรัก

“ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” ผลงานภาพยนตร์โดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์, gdh, เวรี่ แซด พิคเจอร์ส 2562