รายงานพิเศษ / ขั้วอำนาจสี่เสาฯ ยังสตรอง เดินตามรอยเท้า ‘ป๋า’ จากลูกคอมฯ สู่ ปธ.องคมนตรี ‘บิ๊กแอ้ด’ ผนึก ‘3 ป.’ แกร่ง ผนึก 2 ยุทธ์ ‘สุรยุทธ์-ประยุทธ์’ ยึดอำนาจยาว!

รายงานพิเศษ

 

ขั้วอำนาจสี่เสาฯ ยังสตรอง

เดินตามรอยเท้า ‘ป๋า’

จากลูกคอมฯ สู่ ปธ.องคมนตรี

‘บิ๊กแอ้ด’ ผนึก ‘3 ป.’ แกร่ง

ผนึก 2 ยุทธ์ ‘สุรยุทธ์-ประยุทธ์’

ยึดอำนาจยาว!

แม้จะไม่มีป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แล้ว

แม้จะไม่มีบ้านสี่เสาเทเวศร์แล้ว

แต่ฝ่ายที่เคยถูกเรียกว่าอำมาตย์ ก็ยังอุ่นใจได้ เพราะยังมีบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เปรียบเสมือนเป็นป๋าเปรม 2

เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง พล.อ.สุรยุทธ์ ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานองคมนตรีต่อจาก พล.อ.เปรม

แม้จะไม่มีบ้านสี่เสาฯ แล้ว แต่ขั้วอำนาจบ้านสี่เสาฯ ยังคงอยู่ และจะยิ่งเข้มข้นกว่าเดิม

โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์เป็นหัวขบวนใหญ่ และเป็นสัญลักษณ์ของขั้วอำนาจสี่เสาฯ

แม้ว่า ทบ.จะคืนบ้านสี่เสาเทเวศร์ให้สำนักพระราชวังแล้ว แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่าจะใช้ประโยชน์ใดต่อจากนี้ หรือจะถูกรื้อ เพื่อใช้พื้นที่ทำประโยชน์ด้านอื่น

ท่ามกลางการจับตามองว่า พล.อ.สุรยุทธ์จะได้มาพำนักที่นี่ต่อจาก พล.อ.เปรมหรือไม่ แม้ว่าเดิมจะเป็นบ้านตำแหน่ง ผบ.ทบ.ก็ตาม

เพราะบ้านพักของ พล.อ.สุรยุทธ์อยู่ไกลถึงลาดกระบัง เพราะหากมีงานอะไร ก็จะใช้มูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ที่ถนนอู่ทองนอก เป็นสถานที่จัดงานหรือรับแขก

เพราะทำเนียบองคมนตรีที่วังสราญรมย์นั้น จะใช้งานสำหรับเป็นทางการขององคมนตรี

แต่กระนั้น ขั้วอำนาจบ้านสี่เสาฯ ก็ยังคงอยู่ แต่เปลี่ยนผู้นำใหม่ จาก พล.อ.เปรม นายทหารม้า มาดนิ่งสุขุม ล้ำลึก

มาเป็นนายทหารรบพิเศษ ผู้มีความคล้าย พล.อ.เปรมทุกอย่าง แต่ยิ่งล้ำลึก แยบคาย แยบยล และเด็ดขาดกว่า

พล.อ.สุรยุทธ์ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารลูกรักป๋า ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นลูกเลิฟที่ พล.อ.เปรมฝากผีฝากไข้ เสมือนเป็นทายาท ที่จะดูแล สานต่อภารกิจ และเดินตามรอยเท้าป๋า

ในบรรดานายทหารลูกป๋า รู้กันดีเช่นนั้นมาตลอด

พล.อ.สุรยุทธ์เป็นนายทหารลูกป๋าที่มีลักษณะหลายอย่างคล้ายป๋าเปรมมากที่สุดในบรรดา “ลูกรัก” ของป๋า ทั้งไลฟ์สไตล์ การพูดจา ความนุ่ม นิ่ง พูดน้อย

ต่างกันก็แค่ ป๋าเป็นทหารม้า ที่บู๊แบบนุ่มๆ แบบรบพิเศษ “พลังเงียบ เฉียบขาด” ส่วน พล.อ.สุรยุทธ์เป็นทหารราบ สายรบพิเศษ ที่เป็นพลังเงียบ เฉียบขาด และมีความเป็นทหารม้าที่รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาดด้วย

พล.อ.สุรยุทธ์เป็นลูกเลิฟที่ป๋าชื่นชม และเคยชมออกสื่อว่า “แอ้ดเป็นคนดี”

พล.อ.เปรมมอบให้ พล.อ.สุรยุทธ์ทำงานทุกอย่างแทนในช่วง 5 ปีหลังมานี้ ในทุกเรื่อง ทั้งงานองคมนตรี และงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม โดยให้ พล.อ.สุรยุทธ์เป็นประธานมูลนิธิ และทำโครงการสำคัญต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ที่พาเด็กๆ เยาวชน 5 จ.ชายแดนใต้มาดูงาน และใช้ชีวิตกับครอบครัวมุสลิมในภาคกลาง อันเป็นโครงการที่ป๋าเปรมให้ความสำคัญมาก จนวาระสุดท้าย

ด้วยความคล้าย พล.อ.เปรม จึงทำให้มีทหารใกล้ชิดเรียก พล.อ.สุรยุทธ์ว่าป๋าแอ้ด

 

เส้นทางเดินของ พล.อ.สุรยุทธ์ ล้วนแล้วแต่มี พล.อ.เปรมเป็นผู้ลิขิตให้

จากที่ถูกมองว่าจะเป็น ผบ.ทบ.ในอนาคต ตั้งแต่สมัยเป็นนายทหารหนุ่มๆ เลยทีเดียว

พล.อ.เปรมถือเป็นผู้ให้กำเนิด พล.อ.สุรยุทธ์ในทางการทหารและการเมือง

นับตั้งแต่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แกนนำยังเติร์ก จปร.7 นำ พล.อ.สุรยุทธ์มาช่วยงานเป็นนายทหารฝ่ายเสธ.ของ พล.อ.เปรม เพราะในเวลานั้น จปร.7 ภายใต้การนำของ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยังคงเป็นที่ไว้วางใจของ พล.อ.เปรม

หลังจากที่ พล.อ.พัลลภที่เป็น ผบ.หน่วยรบพิเศษ ได้วัดใจทดสอบใจ พล.อ.สุรยุทธ์ ผู้ใต้บังคับบัญชามาแล้วว่า แม้จะเป็นลูกชายของสหายคำตัน พ.ท.พโยม จุลานนท์ แกนนำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แต่ก็ทำหน้าที่ทหารโดยไม่ลังเล

“ตอนนั้น ผู้บังคับบัญชาวัดใจผม ด้วยการสั่งให้ผมไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่คุณพ่อผมเคลื่อนไหวอยู่ ผมก็ไป”

“แต่หากต้องเผชิญหน้ากับคุณพ่อจะทำยังไงนั้น” พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ผมก็ต้องทำหน้าที่ของผม แต่โชคดีที่สถานการณ์นั้นไม่เกิดขึ้น พล.อ.สุรยุทธ์เคยให้สัมภาษณ์ไว้

นั่นจึงยิ่งทำให้ พล.อ.สุรยุทธ์ในเวลานั้นที่ยังเป็นนายร้อยหนุ่ม ถูกจับตามอง และทำให้ พล.อ.เปรมยิ่งให้ความสนใจ

ก่อนที่จะมีการพิสูจน์ใจและความสามารถมาตลอดเวลาหลายสิบปีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ทำงานกับ พล.อ.เปรม

เส้นทางชีวิตของ พล.อ.สุรยุทธ์ราบรื่นสวยงามมาตลอด โดยถูกจับตามองว่าจะเป็น ผบ.ทบ.ในอนาคต ตั้งแต่ยังเป็นนายทหารหนุ่ม

โดยเฉพาะเมื่อเข้าไลน์เป็น ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 เหมือนป๋า และเป็น ผบ.ทบ.เหมือนป๋า

แต่ทว่าการขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ของ พล.อ.สุรยุทธ์ เกิดขึ้นท่ามกลางความฮือฮา เพราะเป็นครั้งแรกที่ ผบ.ทบ.ขึ้นจากตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. ไม่ใช่จากตำแหน่งหลัก ไม่ใช่จาก 5 เสือ ทบ. แถมทั้งมีอายุราชการตอนนั้นเหลืออีกถึง 5 ปี

แต่เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์ในยุคนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ เห็นว่า พล.อ.สุรยุทธ์ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะโตมาจากแม่ทัพภาคที่ 2 ควรจะได้ขึ้นเป็น 5 เสือ ทบ. แต่ถูกอีกขั้วอำนาจหนึ่งใน ทบ.สกัดให้หลุดวงจรไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ.

ในเวลานั้นก็ถูกจับตามองว่าความเป็นนายทหารลูกป๋า และบ้านสี่เสาเทเวศร์ เป็นแบ๊กอัพสำคัญที่ทำให้ พล.อ.สุรยุทธ์ฝ่าอุปสรรคขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ได้

ด้วยเพราะในเวลานั้น ขั้วอำนาจเก่าของนายทหาร จปร.5 อย่างบิ๊กสุ พล.อ.สุจินดา คราประยูร และ พล.อ.วิโรจน์ แสงสนิท ยังคงมีเพาเวอร์ วางตัวบิ๊กเภา พล.อ.สำเภา ชูศรี เพาอนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 1 ของ พล.อ.สุรยุทธ์ ให้เป็น ผบ.ทบ.

อีกทั้ง พล.อ.สำเภาจบจากโรงเรียนนายร้อยฝรั่งเศส แซงซี ไม่อาจแหวกม่านประเพณีขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ได้ จึงต้องข้ามไปเติบโตเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

พล.อ.สุรยุทธ์นั่งเป็น ผบ.ทบ. เปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มาสู่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และมีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนัก ระหว่างบ้านสี่เสาเทเวศร์กับนายกฯ ทักษิณในเวลานั้น

 

จนอดีตนายกฯ ทักษิณในเวลานั้นหวังลดทอนอำนาจบ้านสี่เสาฯ ด้วยการย้าย พล.อ.สุรยุทธ์ จาก ผบ.ทบ. ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

ที่เป็นการโยกย้ายวิธีพิเศษคือ ทำโผโยกย้ายเฉพาะระดับ ผบ.เหล่าทัพก่อนฤดูกาล แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ ด้วยตนเอง ไม่ผ่านมือ พล.อ.เปรมตามขั้นตอน

หลังจากที่ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ.มา 4 ปีแล้ว และเกิดความหวาดระแวงว่าจะมีปฏิวัติรัฐประหาร

จากการที่ พล.อ.สุรยุทธ์สั่งเคลื่อนย้ายกำลังทหารไปฝึกตามแผนสุรสีห์ 143 และมีการทำลายโรงงานผลิตยาบ้าที่ชายแดนไทย-เมียนมา

แต่มีความหวาดระแวงว่า เมื่อนำกำลังกลับมาจะก่อการรัฐประหาร

ส่งผลให้นายกฯ ทักษิณ รุ่นน้อง ตท.10 ในเวลานั้น โทรศัพท์ถึง พล.อ.สุรยุทธ์ รุ่นพี่ ตท.1 กลางดึกเลยว่า “พี่จะปฏิวัติผมหรือ”

การที่นายกฯ ทักษิณในเวลานั้นเด้ง พล.อ.สุรยุทธ์ไปแขวนเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ ที่ส่งผลให้บรรยากาศความสัมพันธ์กับบ้านสี่เสาฯ เลวร้ายลง

ตอนนั้นนายกฯ ทักษิณตั้งบิ๊กเกาะ พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.แทน เพื่อป้องกันปฏิวัติ

เพราะ พล.อ.สมทัตเป็นเครือญาติของบิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหมในยุคนั้น

แต่ในที่สุดการรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์เกษียณไปแล้ว และดำรงตำแหน่งองคมนตรี

 

การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นำโดยบิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ที่เป็นรุ่นน้องรบพิเศษของ พล.อ.สุรยุทธ์

แล้วก็เชิญ พล.อ.สุรยุทธ์ให้ลาออกจากองคมนตรี มาเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลคณะรัฐประหาร

ก่อนที่ พล.อ.พัลลภ นายเก่า ได้ย้ายขั้วย้ายข้างมาอยู่ฝั่งอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ถูกรัฐประหารขณะอยู่สหรัฐอเมริกา แฉว่า พล.อ.สุรยุทธ์ไปร่วมวางแผนรัฐประหารด้วย

แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ชี้แจงในเวลานั้นว่า ตนเองมารับทราบข้อมูลเพื่อประเมินสถานการณ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร

จึงทำให้ความขัดแย้งแตกแยกปรากฏชัด ระหว่างขั้วชินวัตร และขั้วบ้านสี่เสาฯ

พล.อ.สุรยุทธ์จึงเป็นตัวละครสำคัญของศึกครั้งนี้

การขึ้นมาเป็นประธานองคมนตรีของ พล.อ.สุรยุทธ์ในครั้งนี้ จึงทำให้ยิ่งถูกจับตามอง

เพราะจุดยืน พล.อ.สุรยุทธ์ไม่เคยเปลี่ยน

ที่สำคัญ รวมเข้ากันได้ดีกับขั้วอำนาจ คสช. ของพี่น้อง 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์”

เพราะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม.ที่ให้ความเคารพ และเรียก พล.อ.สุรยุทธ์ติดปากว่า “พี่แอ้ด”

ที่ผ่านมา เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. ก็มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์มาปรึกษาหารือกับ พล.อ.สุรยุทธ์เสมอๆ

และเข้าพบอวยพรปีใหม่และวันเกิด พล.อ.สุรยุทธ์เสมอๆ

จึงทำให้ขั้วอำนาจทั้งบ้านสี่เสาฯ และขั้วอำนาจ 3 ป. บูรพาพยัคฆ์ยิ่งแนบแน่น

แม้ว่าในอดีต ความสัมพันธ์ของ พล.อ.สุรยุทธ์กับบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ของ 3 ป.-คสช. จะไม่ดีนัก

เพราะเมื่อครั้งที่ พล.อ.สุรยุทธ์เป็น ผบ.ทบ. ได้เด้ง พล.อ.ประวิตร ยศพลโทในขณะนั้น จากแม่ทัพน้อยที่ 1 เข้ากรุผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. ด้วยสาเหตุที่ทหารในกองทัพไม่คิดว่าจะเล่นกันแรงขนาดนี้

หลังจากที่ พล.อ.ประวิตรพร้อมเพื่อนเตรียมทหาร 6 ไปตีกอล์ฟที่คุนหมิง ประเทศจีน โดยไม่ได้ลา เพราะไปต่างประเทศ จึงโดนย้ายเข้ากรุกันระนาว รวมทั้งบิ๊กกี่ พล.อ.นพดล อินทปัญญา ที่เป็น ผบ.พล.1 รอ. ขุมกำลังปฏิวัติเข้ากรุ

ในเวลานั้น พล.อ.ประวิตร เป็นที่รู้กันว่าสนิทสนมกับนายเสนาะ เทียนทอง แกนนำพรรคไทยรักไทย เพราะ พล.อ.ประวิตรเติบโตใน พล.ร.2 รอ. ที่สระแก้วมาตลอด และรู้จักกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

ครั้งนั้นถือว่ารุนแรง เพราะทำให้ชีวิตราชการทหารของ พล.อ.ประวิตร ที่จ่อขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 คุมกำลังรบ เปลี่ยน

แต่ที่สุด พล.อ.ประวิตรก็สู้จนได้กลับมาเป็น ผช.เสธ.ทบ. และได้กลับมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จนได้ และเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ. และได้เป็น ผบ.ทบ. แบบฮือฮา เพราะนายกฯ ทักษิณในเวลานั้นเด้งบิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ จาก ผบ.ทบ. ไปแขวนเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

จนกลายเป็นตำนานและเรื่องคาใจกันมานานหลายปี

 

ในช่วง 5 ปีของรัฐบาล คสช. พล.อ.ประวิตรที่เป็น รมว.กลาโหม ต้องไปต้อนรับ พล.อ.สุรยุทธ์ในพิธีวางมาลาวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ทุกปี ที่ พล.อ.ประวิตรก็ให้ความเคารพ พล.อ.สุรยุทธ์ แต่อาจไม่ได้มีการทักทายพูดคุยกันออกสื่อ

แต่ในยุค คสช. พล.อ.ประวิตรเคยให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีอะไรคาใจกับ พล.อ.สุรยุทธ์ ท่านถือเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาและรุ่นพี่

ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์เองก็พยายามประสานรอยร้าวในใจของ “พี่ชาย” ทั้ง 2 คน ทั้งพี่แอ้ดและพี่ป้อม ด้วยการพา พล.อ.ประวิตรไปพบ พล.อ.สุรยุทธ์ในโอกาสต่างๆ เสมอ

รวมทั้งเมื่อมีโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.สุรยุทธ์เป็นองคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ก็นำ พล.อ.ประวิตร และรองนายกฯ เข้าอวยพรปีใหม่และแสดงความยินดีที่ได้เป็นประธานองคมนตรี ที่มูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม

ที่ พล.อ.ประยุทธ์เผยว่า พล.อ.สุรยุทธ์ให้กำลังใจในการทำงาน

อันสะท้อนการเป็นกองหนุนรัฐบาล 3 ป. แทนที่ พล.อ.เปรม เพื่อเป็นกองหนุนอีกแรงให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ยาว อยู่นาน เพื่อสกัดฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ขึ้นสู่อำนาจในทุกรูปแบบ

อีกทั้งด้วยอายุ 76 และสุขภาพที่แข็งแรง สไตล์ทหารรบพิเศษเก่า ที่ยังคงออกกำลังกาย ดูแลตนเอง จากที่เคยเดินป่า ดำน้ำ ขี่เจ๊ตสกี โดดร่ม ที่จะทำให้ยังคงเป็นหลักชัยของขั้วนี้ไปอีกนาน

 

“ฝากบ้านฝากเมือง ฝากกันไปฝากกันมา” พล.อ.ประยุทธ์เผยถึงการพบ พล.อ.สุรยุทธ์

เพราะทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.สุรยุทธ์ ถือเป็นกำลังหลักของขั้วที่ถูกเรียกว่าอำมาตย์ในการดูแลประเทศ และต้องครองอำนาจไว้ให้นานที่สุด

หากมองไปที่ทีมฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายขั้วอำนาจ 3 ป. แล้ว จะเห็นว่าขุนพลล้วนแล้วแต่มีจุดยืนร่วม และมีความห้าวหาญเด็ดขาดทั้งสิ้น

ทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

และเมื่อมองไปที่กองทัพ ผบ.เหล่าทัพก็ล้วนเป็นนายทหารที่เด็ดขาด ล้ำลึกทั้งสิ้น

ทั้งบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่เห็นท่าทีจุดยืนและบทบาทชัดเจนมายาวนาน และโดยเฉพาะเมื่อเป็น ผบ.ทบ.มากว่า 1 ปี

บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ที่ก็มีความแข็งกร้าว ดุดัน และเด็ดขาด

รวมทั้งบิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. ที่ดูยิ้มๆ นิ่งๆ ไม่ค่อยพูด แต่ต่อยหนัก และเด็ดขาด

จนกล่าวกันว่า ผบ.เหล่าทัพชุดนี้มีความพร้อมรับทุกสถานการณ์

โดยเฉพาะ พล.อ.อภิรัชต์ที่มีบทบาทสำคัญ ทั้งเป็น ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904

ที่ก็มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.สุรยุทธ์อย่างมาก และได้เข้าพบแสดงความยินดีเป็น ผบ.เหล่าทัพคนแรก ก่อนที่ปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ จะตบเท้าเข้าแสดงความยินดีในวันต่อมา

      จึงกล่าวได้ว่า เมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์แท็กทีมกับ 3 ป. ยิ่งทำให้ขั้วอำนาจนี้แข็งแกร่ง และน่าจับตามองยิ่ง