ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มกราคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
สถานะรัฐบาล
มากด้วยความแข็งแกร่ง
แต่อ่อนแอ ถดถอย
หากมองจากรายชื่อรัฐมนตรีอันเป็นเป้าหมายของการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจำนวน 5 คนเหมือนกับกระจัดกระจาย
นั่นก็คือ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นั่นก็คือ 1 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี 1 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี 1 นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 1 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
1 คนแรกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ 2 คนต่อมาเกี่ยวกับกรณีของบริษัทบุหรี่ต่างประเทศ 1 คนจากกระทรวงมหาดไทยอาจเกี่ยวกับการกระจายอำนาจและโรงงานกำจัดขยะ
เหมือนกับกระจัดกระจาย เหมือนกับเป็นเบี้ยหัวแตกแหลกละเอียด แต่หากสังเคราะห์ วิเคราะห์และสรุปอย่างเข้มงวดจริงจังก็จะสัมผัสได้
1 มีแต่คนของพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีพรรคภูมิใจไทย ไม่มีพรรคชาติไทยพัฒนา ขณะเดียวกัน 1 ทุกกรณีอันจะอภิปรายทั่วไปล้วนนำไปสู่การลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ถนนทุกสายล้วนพุ่งเข้าสู่ยอดอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สามัคคี พรรคร่วมรัฐบาล
โดดเดี่ยว นายกรัฐมนตรี
เป้าหมายของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะเดียวกัน ก็ตัดรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา อันถือว่าเป็น 3 พรรคสำคัญออกไป
เท่ากับเป็นการอัญเชิญให้ 3 พรรคร่วมขึ้นไปนั่งอยู่บนภูสูง
นั่งมองการทำงานของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะแจกแจงให้เห็นการอ่อนด้อยในเรื่องการบริหาร ไม่ว่าจะในทางเศรษฐกิจ การเมือง การเมืองระหว่างประเทศ และการกระจายอำนาจในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย
โดยเป้าหมายใหญ่คือ 1 ชี้ให้เห็นสภาวะไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และ 1 ชี้ให้เห็นแนวโน้มของการทุจริตทั้งโดยตรงและในเชิงนโยบาย
ขมวดปมสุดท้ายคือ ทุกอย่างในความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ยกที่ 1 ในการสู้รบ
เป้า คือ ปรับ ครม.
พรรคฝ่ายค้านไม่ได้ตั้งเป้าหมายสูงถึงขั้นให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พังทลายลงไปต่อหน้าต่อหน้าเพียงการยุทธ์เดียวในทางการเมือง
เป้าหมายแท้จริง คือ ดิสเครดิต ทำให้ด้อยค่าในสายตาของสังคม
ชี้ให้เห็นว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศอันหมักหมมมาตั้งแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ลงได้
ตรงกันข้าม กลับเป็นการสร้างปัญหาและปัญหาบานปลายขยายอย่างใหญ่กว้างและซึมลึก
เป้าหมายก็คือต้องการให้มีการปรับ ครม. อันทำให้รัฐบาลเข้าไปอยู่ในจุดอับตันอันเป็น “เดดล็อก” สำคัญในทางการเมือง เพราะเมื่อไม่แตะไปยังพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ก็เท่ากับจำกัดกรอบการปรับ ครม.อยู่เพียงพรรคพลังประชารัฐ
นี่คือระเบิดเวลาอันจะสร้างปัญหาและบ่อนเซาะความเป็นเอกภาพภายในรัฐบาลโดยผ่านพรรคพลังประชารัฐ
ประยุทธ์ พลังประชารัฐ
แข็งแกร่งในความอับตัน
หากมองจากโครงสร้างของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 หากมองจากโครงสร้างอันมีข้าราชการประจำเป็นฐานอิงสำคัญ หากมองจากองค์ประกอบของพรรคร่วมรัฐบาล รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความแข็งแกร่งแต่เป็นความเข้มแข็งที่ไม่มั่นคง
ไม่มั่นคงเพราะว่าเป็นรัฐบาลที่ดำรงอยู่ท่ามกลางความล้มเหลวมาตลอด 5 ปี
ไม่มั่นคงเพราะว่าแม้จะมี 250 ส.ว.เป็นฐาน แต่องค์ประกอบของ ส.ส.ก็มีข้อจำกัดและนำไปสู่สภาวะเดดล็อกในทางการเมือง
จำเป็นต้องง้อพรรคขนาดกลาง พรรคขนาดเล็ก
ผลก็คือ ไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเป็นเอกภาพ ไม่มีพลังในการขับเคลื่อนและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
จึงเป็นรัฐบาลที่เครดิตถดถอย ผลงานไม่เป็นที่ประจักษ์