รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ/2020 เปลี่ยนโลกด้วย ‘5 G’ AI – IoT สมาร์ตโฟน เพิ่มขึ้น 2.6 พันล้านคน ภายในอีก 6 ปีข้างหน้า

รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

2020 เปลี่ยนโลกด้วย ‘5 G’

AI – IoT สมาร์ตโฟน

เพิ่มขึ้น 2.6 พันล้านคน

ภายในอีก 6 ปีข้างหน้า

 

โลกอนาคตอยู่ในมือทุกคน

สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต เครื่องมือดิจิตอลล้ำๆ และเทคโนโลยี นวัตกรรม ที่เราจะได้สัมผัสถึงความฉลาดมีประสิทธิภาพล้ำสมัย AI หรือปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามามีอิทธิพลกับทุกชีวิตมนุษย์และทุกภาคส่วนมากขึ้น

ด้วยความสามารถและศักยภาพของ AI ที่จะเพิ่มขึ้น ทำให้อุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ มีความสมาร์ตหรืออัจฉริยะมากขึ้น

โดยจะมีการประยุกต์เอาเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) มาเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงถึงกันและทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายได้ในวงกว้างขึ้น

การเริ่มต้นทดลองใช้เทคโนโลยี “5 G” ประเทศมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี จะแพร่หลายขยายไปสู่การใช้งานในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการยกระดับในภาคอุตสาหกรรมของประเทศ

เศรษฐกิจดิจิตอลจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต

การนำเทคโนโลยี 5 G มาใช้ จะทำให้การรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น

ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ หรือแม้แต่การรักษาความปลอดภัยภายในเมือง

 

ทางด้านอีริคสัน คาดว่าจำนวนผู้ใช้ระบบเครือข่าย 5 G ทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 2.6 พันล้านคนภายในอีก 6 ปีข้างหน้า โดยเป็นผลมาจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและระบบนิเวศ 5 G ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

ปริมาณการใช้ดาต้าอินเตอร์เน็ตเฉลี่ยต่อเดือนของสมาร์ตโฟนหนึ่งเครื่องคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 7.2 GB ในปัจจุบันเป็น 24 GB ภายในสิ้นปี 2568

ยังคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2568 เครือข่าย 5 G จะครอบคลุมสัดส่วนราว 65% ของประชากรทั่วโลก และคิดเป็น 45% ของจำนวนการใช้ดาต้าอินเตอร์เน็ตบนมือถือทั่วโลก

จากการที่เปิดตัวระบบ 5 G ในจีนเมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการอัพเดตตัวเลขประมาณการผู้ใช้ 5 G สำหรับสิ้นปี 2562 ใหม่ เพิ่มจาก 10 ล้านคนเป็น 13 ล้านคน

เฟรดริก เจดลิงก์ รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายเครือข่ายของอีริคสัน กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีที่ระบบเครือข่าย 5 G ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากผู้ผลิตอุปกรณ์เกือบทุกรายในปัจจุบัน และในปี 2563 อุปกรณ์ที่รองรับ 5 G จะได้รับการวางจำหน่ายในตลาดอย่างแพร่หลาย”

“ซึ่งจะช่วยผลักดันการใช้งาน 5 G เพิ่มมากขึ้น คำถามสำคัญก็คือ เราจะสามารถกระตุ้นการประยุกต์ใช้งานเครือข่าย 5 G ที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคและองค์กรได้รวดเร็วแค่ไหน แม้ว่าระบบ 4 G จะยังรองรับการเชื่อมต่ออย่างแข็งแกร่งในหลายๆ ประเทศ แต่การปรับปรุงเครือข่ายให้ทันสมัยก็เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เราจะต้องดำเนินการ”

ผู้ให้บริการและผู้ประกอบการ ICT จะมีบทบาทมากขึ้นในการใช้งานระบบและแอพพลิเคชั่นในเครือข่าย 5 G  ซึ่งจะเห็นได้จากจำนวนผู้ใช้งาน 5 G ที่เพิ่มขึ้น จากการศึกษาล่าสุดของอีริคสัน ในหัวข้อ ‘5 G สำหรับธุรกิจ : เข็มทิศการตลาดปี 2030’ ระบุว่ารายงานมูลค่าธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) ที่เปิดใช้งาน 5 G จะมีมูลค่าสูงถึง 700,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการจากผู้ประกอบการ ICT ถึงยอดผู้ใช้งานในตลาดที่รองรับ 5G ที่จะเพิ่มขึ้นถึง 47%

 

ทางด้าน “IDC” คาดว่า 5 G จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดสมาร์ตโฟนทั่วโลกกลับมาเติบโต หลังตลาดหดตัว 3 ปีติดต่อกัน โดยประมาณการปี 2020 จะมียอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกมากกว่า 1,400 ล้านเครื่อง และสมาร์ตโฟนที่รองรับเทคโนโลยี 5G จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 190 ล้านเครื่อง โดยประเทศหลักคือ “จีน”

และ “Telenor Group” เผยปี 2020 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นผลจาก “5 G” ซึ่งไม่ใช่เรื่องความเร็วของการรับ-ส่ง Data เท่านั้น แต่ยังรวมถึงนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องได้รับการพัฒนาอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น “AI” และ “IoT” ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ พร้อมทั้งเผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปีนี้

จะได้เห็น AI ที่ชาญฉลาดเหมือนมนุษย์เข้ามามีบทบาทในการทำงานแทนมนุษย์ โดยเฉพาะด้านเกษตรกรรม ในรูปแบบของหุ่นยนต์, โดรน หรืออากาศยานไร้คนขับ

ทั้งนี้ การประมูลคลื่น 5 G ที่รัฐบาลไทยปักธงแจ้งเกิดในปีนี้กับความชัดเจนในการจัดการการประมูลของคลื่นความถี่จำนวน 3 ย่าน ได้แก่ คลื่นความถี่ย่าน 1800, 2600 เมกะเฮิร์ตซ์ และ 26 กิกะเฮิร์ตซ์ รวมทั้งสิ้น 53 ใบอนุญาต ราคาประมูลรวม 134,201 ล้านบาท

ซึ่งจะนำคลื่นความถี่ออกมาประมูลในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563