คนของโลก : เดวิด คัลฮูน ซีอีโอคนใหม่ผู้หวังพา “โบอิ้ง” พ้นวิกฤต

หลังโศกนาฏกรรมโบอิ้ง 737 แมกซ์ 8 ทั้งของสายการบินไลอ้อนแอร์และเอธิโอเปียนส์ แอร์ไลน์ ตกในเดือนตุลาคม 2018 และเดือนมีนาคม 2019 คร่าชีวิตผู้โดยสาร 346 ราย บริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาก็ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต

ปัญหาดังกล่าวลุกลามเรื่อยมาหลังจากเครื่องโบอิ้ง 737 ถูกสั่งห้ามบินทั่วโลก จนกระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมาโบอิ้งต้องประกาศระงับการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 แมกซ์ลง ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนกับพนักงานและบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน กระทบต่อเนื่องไปยังการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ขณะที่อนาคตของเครื่องรุ่นโบอิ้ง 737 แมกซ์ ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้ขึ้นบินอีกครั้งเมื่อใด

ปัญหาเหล่านี้นำไปสู่การปรับเปลี่ยนผู้บริหารของบริษัทเพื่อพลิกฟื้นความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา

ล่าสุด เดวิด คัลฮูน ก้าวขึ้นมาจากประธานบอร์ดบริหาร มาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทโบอิ้งอย่างเต็มตัว แทนที่เดนนิส มุยเลนเบิร์ก ที่ถูกบอร์ดปลดออกจากตำแหน่งซีอีโอ

อนาคตของโบอิ้งอยู่ในมือคัลฮูน ผู้บริหารวัย 62 ปี ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักบริหารจัดการภาวะวิกฤต ที่สามารถทำงานภายใต้แรงกดดันได้อย่างดี ด้วยประสบการณ์ในบอร์ดของโบอิ้งยาวนานนับ 10 ปี

 

หลังเรียนจบด้านบัญชีจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค คัลฮูนเริ่มงานในฐานะพนักงานตรวจบัญชีของบริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก (จีอี) ก่อนก้าวขึ้นบริหารบริษัท “จีอี อินฟราสตรักเจอร์” บริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินในเครือจีอีในเวลาต่อมา โดยเฉพาะประสบการณ์บริหารในช่วงเวลาหลังเหตุก่อการร้าย 11 กันยายน 2001 หรือ 9/11 ที่เป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ คัลฮูนยังมีส่วนในการบริหารงานนำบริษัท “นีลเส็น” บริษัทวิจัยสื่อ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ รวมไปถึงประสบการณ์ในฐานะผู้บริหารบริษัทเพื่อการลงทุนอย่าง “แบล็กสโตน” อย่างยาวนาน

“ได้เห็นเขาบริหารธุรกิจการบินของจีอีหลังเหตุ 9/11 ผมรู้ว่าเขาสามารถบริหารงานภายใต้แรงกดดันได้” เจฟฟ์ อิมเมลต์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารจีอี ระบุถึงอดีตเพื่อนร่วมงานบริหารในเครือบริษัทจีอี

คัลฮูน ผู้ที่เคยมีผลงานหนังสือ “How Companies Win” หรือทำบริษัทอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ เคยระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “ความตรงไปตรงมาคือส่วนหนึ่งของการเป็นผู้นำ”

สิ่งหนึ่งที่โบอิ้งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงแรกที่บริษัทออกมาบอกปัดถึงความกังวลที่มีต่อเครื่องบินรุ่น 737 แมกซ์

“ผมเชื่อมั่นอย่างแรงกล้ากับอนาคตของโบอิ้งและเครื่องรุ่น 737 แมกซ์” คัลฮูนระบุในแถลงการณ์ และว่า “ผมเป็นเกียรติที่ได้ก้าวมาเป็นผู้นำบริษัทที่ยิ่งใหญ่นี้และพนักงานที่ทุ่มเทจำนวน 150,000 คน ผู้ที่ทำงานหนักเพื่อสร้างอนาคตให้กับวงการการบิน”

 

คัลฮูนเข้ามานั่งเป็นประธานบอร์ดบริหารโบอิ้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และแสดงผลงานในการทำงานเบื้องหลังมีผลงานเป็นการหลุดออกจากตำแหน่งของ “เควิน แม็กอัลลิสเตอร์” ประธานบริหารบริษัทผลิตเครื่องบินในเครือเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

การหลุดจากตำแหน่งที่เป็นไปอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว ก่อนจะกลายมาเป็นการปลดมุยเลนเบิร์ก ซีอีโอโบอิ้ง ในเวลาต่อมา

เวลานี้คัลฮูนมีงานที่ท้าทายรออยู่ โดยเฉพาะการฟื้นคืนความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางการบิน การบริหารจัดการงบการเงินที่ถูกบีบหลังจากเกิดวิกฤต รวมไปถึงการนำเครื่องบินโบอิ้ง 777 เอ็กซ์ เครื่องรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดในช่วงเวลาที่การตรวจสอบจากภาครัฐเป็นไปอย่างเข้มข้น

คัลฮูนถูกตั้งความหวังว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องใช้เวลาสร้างความคุ้นเคยใดๆ และจะเป็นบุคคลที่เหมาะสมในการบริหารจัดการภาวะวิกฤต แต่อีกส่วนก็ยังไม่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงเท่านี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรของโบอิ้งได้

อย่างไรก็ตาม คัลฮูนเคยระบุไว้อย่างชัดเจนว่า บุคลิกผู้นำของตนก็คือการสร้างความเปลี่ยนแปลง

“ไม่มีใครต้องการผมในเส้นทางปกติของธุรกิจ แต่บทบาทสำคัญของผู้นำก็คือการสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลง”

คัลฮูนระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค เมื่อปี 2005