คุยกับทูต ‘ไบรอัน เดวิดสัน’ ก่อนอำลาสู่สถานทูตอังกฤษแห่งใหม่ ที่ทันสมัยกว่าบนถนนสาทร

คุยกับทูต ไบรอัน เดวิดสัน ก่อนอำลาสู่สถานทูตอังกฤษแห่งใหม่ ที่ทันสมัยกว่าบนถนนสาทร (2)

ประเทศไทยและสหราชอาณาจักรหรืออังกฤษได้ดำเนินความสัมพันธ์มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 4 ศตวรรษ บนพื้นฐานแห่งมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ การค้าการลงทุนระหว่างกัน และค่านิยมร่วมหลายประการ

มีความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ของสองประเทศ ซึ่งเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีวาระสำคัญทางประวัติศาสตร์ร่วมของอังกฤษและไทย

มีความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างบริษัทและผู้ประกอบการของไทยและอังกฤษ

มีความร่วมมือทางการศึกษาและวิทยาศาสตร์ ตลอดจนความชื่นชมในวัฒนธรรมและประเทศของกันและกัน

มร. ไบรอัน เดวิดสัน (H.E. Mr. Brian Davidson) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย

มร.ไบรอัน เดวิดสัน (H.E. Brian Davidson) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า

“เรามีภูมิหลังที่ลึกซึ้งอยู่แล้วเพราะเป็นเพื่อนกันมายาวนานกว่า 400 ปี คนไทยรู้จักอังกฤษดีมากและหลายคนได้ไปเรียนที่อังกฤษ เรามีการค้าขายกันอย่างมากมาย ผู้คนต่างเชื่อมโยงกันและกัน และเราต่างปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ”

“แต่ในหลายๆ แง่มุม สหราชอาณาจักรหรืออังกฤษ ยังคงมีภาพลักษณ์อันล้าสมัยสำหรับประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหลายประเทศก็มองว่าอังกฤษยังเป็นแบบอนุรักษนิยม เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ และเรื่องราวของวิลเลียม เช็กสเปียร์ (William Shakespeare) นักกวีและนักเขียนบทละครชื่อดังของโลกชาวอังกฤษ”

“ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นความจริง”

“แต่เรื่องที่ขาดหายไปคือความทันสมัยของอังกฤษ อย่างในมุมมองของผม เป็นเรื่องของการสนับสนุนความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน อันเกี่ยวข้องกับคุณภาพและค่านิยมของความหลากหลายโดยรวม”

“นอกจากนี้ อังกฤษยังเป็นประเทศที่มีนวัตกรรมและงานวิจัยมากมายที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในหลายประเทศ เรามีวิธีการจัดการกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เราพัฒนาเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เราเป็นประเทศระดับแนวหน้าในการจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเรามีเป้าหมายอย่างแน่วแน่ในการลดการปล่อยมลพิษภายในปี ค.ศ.2020, 2030 และ 2050 เพื่อช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของอังกฤษที่คนมักไม่ค่อยรู้”

วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมถือเป็นความร่วมมือระดับแนวหน้าที่ทันสมัยระหว่างไทยและอังกฤษ ทั้งสองประเทศตระหนักถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ ยังตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเร่งให้เกิดการค้นพบทางวิทยาศาสตร์

โดยเฉพาะกองทุนความร่วมมือนิวตันของอังกฤษที่เริ่มดำเนินการในปี ค.ศ.2014 ซึ่งสนับสนุนกิจกรรมความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม มีมูลค่ามากถึง 325 ล้านบาท และเป็นการให้ทุนสนับสนุนร่วมกันของอังกฤษและไทย

ภายใต้กองทุนนี้ รัฐบาลอังกฤษและไทยสนับสนุนความหลากหลายทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก ซึ่งรวมถึงการวิจัยด้านสุขภาพของมนุษย์และสัตว์ เกษตรกรรม ความทนทานต่อภัยแล้ง และสภาพอากาศสุดขั้วอื่นๆ ตลอดทั้งการส่งเสริมนวัตกรรมและผู้ประกอบการ ซึ่งช่วยในการจัดการกับความท้าทายระดับโลกที่ยากลำบาก รวมถึงการสนับสนุน “ไทยแลนด์ 4.0” ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่มีความมุ่งมั่นของประเทศไทย

มร. ไบรอัน เดวิดสัน (H.E. Mr. Brian Davidson) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย

“อีกส่วนหนึ่งในภารกิจของผมที่นี่ ไม่เพียงแต่เราจะเป็นหุ้นส่วนกัน แต่เรายังจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศของเราทั้งสอง ทั้งในประเด็นระดับโลกด้านสาธารณสุข ปัญหาสภาพภูมิอากาศ การค้าสัตว์ป่า ความท้าทายที่สำคัญบางอย่างที่เผชิญกับภูมิภาคนี้ของโลก ทั้งไทยและอังกฤษจึงจำเป็นต้องเป็นพันธมิตรช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้”

“เราจะช่วยกันทำให้โลกดีขึ้น ด้วยการผ่านโปรแกรมที่เราดำเนินการที่นี่กับพันธมิตรทั้งหลาย โดยผ่านการร่วมทุนที่เรามีทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม นั่นคือเป้าหมายใหญ่”

“สำหรับภารกิจที่เร่งด่วนมากตลอดสามสี่ปีที่ผ่านมาของผมที่นี่ คือการขายที่ดินสถานทูตอังกฤษแห่งนี้ ผมได้ดูแลการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในการบริหารที่เราเคยทำในสำนักงานต่างประเทศทั่วโลก ในการย้ายสถานทูตและทำเนียบ ซึ่งเราจะใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุงสถานที่ใหม่ตลอดจนการให้บริการแก่ผู้มาติดต่อ โดยใช้เทคโนโลยีทางออนไลน์อย่างง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาติดต่อเอง”

เมื่อต้นปี ค.ศ.2018 สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยประกาศขายอาคารและพื้นที่ทั้งหมดรวมกว่า 23 ไร่ในย่านเพลินจิตให้กับฮ่องกงแลนด์ บริษัทร่วมทุนของจาร์ดีน แมธทีสัน บริษัทสัญชาติอังกฤษ กับกลุ่มเซ็นทรัลมูลค่ามากถึง 420 ล้านปอนด์ หรือ 1.86 หมื่นล้านบาท

นับเป็นการขายทรัพย์สินที่ดินมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย โดยรัฐบาลอังกฤษตั้งใจนำเงินส่วนนี้ไปใช้พัฒนาสถานเอกอัครราชทูตหลายสิบแห่งทั่วโลก

“ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนวิธีให้คนปรับความคิดไปสู่ความทันสมัย ด้วยการมองไปข้างหน้ามากกว่ามองย้อนหลัง ถ้าคุณมองออกไปในสวน คุณจะเห็นรูปปั้นของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ทุกอย่างเกี่ยวกับ 100 ปีที่ผ่านมาของสหราชอาณาจักรและประเทศไทย แต่ผมต้องการสร้างสรรค์สถานทูตและทำเนียบแห่งใหม่ด้วยรูปโฉมของความสัมพันธ์ที่ดีมากสำหรับโลกในอนาคต”

“ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสำคัญ แต่อนาคตก็มีความสำคัญ ดังนั้น เราจึงต้องมั่นใจว่าเรากำลังมุ่งไปสู่อนาคต” ท่านทูตยืนยัน

“นั่นคือการเริ่มต้นพูดเกี่ยวกับความร่วมมือที่เราจะสร้างขึ้นในอีก 50 และ 100 ปีระหว่างสหราชอาณาจักรและประเทศไทย ซึ่งในอนาคตมีพื้นฐานจากอุตสาหกรรมที่อาศัยทักษะและเทคโนโลยี และประเทศของเราทั้งสองจะต้องประสบความสำเร็จในโลกใบนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในการตระเตรียมการทำงานเรื่องการศึกษาร่วมกับหลายโรงเรียน เพราะการศึกษาของประเทศอังกฤษมีบทบาทในการช่วยเหลือนักศึกษาไทย เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนและคนรุ่นต่อไปของเราที่จะเติบโตในระเบียบโลกใหม่”

มร. ไบรอัน เดวิดสัน (H.E. Brian Davidson) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย

เนื่องมาจากกระทรวงศึกษาธิการต้องการขยายความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างประเทศไทยและสหราชอาณาจักรในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงการปฏิรูปการศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย

โดยเฉพาะภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนนักศึกษาอาชีวศึกษา ที่จะต้องมีการปรับแผนและหลักสูตรการศึกษาให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เพราะเด็กอาชีวศึกษาคือปัจจัยสำคัญของการพัฒนากำลังคนในศตวรรษที่ 21

ในขณะเดียวกันก็ต้องเร่งพัฒนาภาษาอังกฤษสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐานเช่นกัน โดยขอความร่วมมือครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นเจ้าของภาษา (Native Speakers) มาช่วยสอนภาษาอังกฤษ เพื่อรองรับแผนการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย

ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรและประเทศไทยมีความร่วมมือด้านการศึกษามาอย่างต่อเนื่องและยาวนานในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริติช เคาน์ซิล ประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดอบรมภาษาอังกฤษแบบเข้ม (Boot Camp) ให้กับครูสอนภาษาอังกฤษชาวไทย จนกระทั่งพัฒนาเป็นครูแกนนำ (Thai Master Trainers)

มร. ไบรอัน เดวิดสัน (H.E. Brian Davidson) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย

ความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การศึกษา สังคมและวัฒนธรรม

“ข้อเท็จจริงในความสัมพันธ์ของเรานั้นไม่พ้นเรื่องการติดต่อกันระหว่างประชาชนต่อประชาชน นักท่องเที่ยว นักศึกษาไทย อาหารไทย ฟุตบอลอังกฤษ และระบอบราชาธิปไตยเช่นเดียวกัน”

“มีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษมาเยือนประเทศไทยปีละประมาณ 1 ล้านคน ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงเดือนกันยายน นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษมาไทยแล้ว 720,000 คน จนถึงตอนนี้เรายังไม่เห็นตัวเลขที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และจังหวัด 5 อันดับแรกที่นักท่องเที่ยวอังกฤษไปเยือนมากที่สุดคือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ ชลบุรี และเชียงใหม่”

“เรามีความภูมิใจที่มีความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับประเทศไทยผ่านกองทุนความมั่งคั่งของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นทุนที่ผู้เชี่ยวชาญของสหราชอาณาจักรให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอื่นๆ เราทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยในด้านที่เรามีความแข็งแกร่ง”

“รวมถึงนโยบายทางเศรษฐกิจ การบริการทางการเงิน สุขภาพ และนโยบายที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม”

มร. ไบรอัน เดวิดสัน (H.E. Mr. Brian Davidson) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย

เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยและกรุงเทพมหานคร ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงโครงการพัฒนาเมืองแห่งอนาคต (Prosperity Fund Future Cities Programme) ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตอังกฤษ กรุงเทพฯ เพื่อจัดการกับผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว

โครงการนี้สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนและการกระจายความมั่งคั่งซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาความยากจน โดยมีเมืองหลวงขนาดใหญ่ 19 เมืองใน 4 ทวีปเข้าร่วมโครงการ ซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย

แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ในการเตรียมความพร้อมให้เมืองต่างๆ สามารถพัฒนาตนเอง และมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั่วถึงและเท่าเทียม รวมทั้งสามารถบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาเมืองขององค์การสหประชาชาติ เพื่อก้าวสู่ศตวรรษที่ 5 ด้วยกันอย่างมั่นคง เข้มแข็ง และยั่งยืนบนพื้นฐานของมิตรภาพอันดีงาม

ท่านทูตเดวิดสันย้ำว่า

“เป็นการยืนยันความเป็นพันธมิตรร่วมกันเพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น เป็นโอกาสทางการค้าในกรุงเทพฯ อีกทั้งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมสำหรับการวางแผนและดำเนินการตามแผนงานต่างๆ ที่วางไว้สำหรับเมืองหลวง เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีความเจริญมั่งคั่งต่อไปในอนาคต”