ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
ชั่งใจอยู่เป็นนานสองนานว่าจะเขียนถึงสองเรื่องที่เป็นข่าวดังอยู่ในช่วงนี้ดีหรือไม่
ไม่ได้กลัวว่าเขียนแล้วจะกระทบหรือกระแทกใครหรอกครับ
แต่สารพัดแง่สารพัดมุมของทั้งสองเรื่อง มีทั้งท่านผู้รู้ ผู้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และท่านผู้มีมุมมองแหลมคมสะท้อนกันเอาไว้มากแล้ว
เดี๋ยวจะเชยน่ะครับ
แต่คิดอีกที เชยก็ไม่เป็นไร
อย่างน้อยก็ได้พูดที่ตรงกับใจ
…
เรื่องแรก กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่
เรื่องนี้ฝ่ายต่อต้านและประชาชนผู้คัดค้านได้เปรียบอยู่เต็มๆ
เพราะกระบี่นั้นมีประสบการณ์อันเลวร้ายจากโรงไฟฟ้าถ่านหินโรงเก่ามาก่อน
วันนี้ให้อมพระมาพูดว่าโรงไฟฟ้าใหม่ไม่มีมลพิษเลย
ทำใจให้เชื่อได้ยากมากนะครับ
ใครไม่โดนกับตัวอาจจะไม่เข้าใจ
แต่ลองให้ไปถามคนแม่เมาะดู ว่าถึงวันนี้ที่นอนฝันร้ายนั้นหายหรือยัง
ยิ่งพอบอกว่าเป็นโรงไฟฟ้าจีนประมูลได้ในราคา “ต่ำ”
ขวัญที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่แล้วยิ่งไม่กลับมาใหญ่
…
เรื่องที่สอง กรณีบุกธรรมกาย
เสียงสนับสนุนกับคัดค้านในสังคมนั้นดังพอๆ กัน
ที่หนุนนั้นจำนวนไม่น้อยเพราะหมั่นไส้ ที่สำนักนี้รวยแล้วกร่างมาตั้งแต่อดีต
วันนี้พอเห็นโดนเข้าบ้างจึงสะใจ
จะควรหรือไม่ จะถูกหรือเปล่าก็อีกเรื่อง
อีกส่วนหนึ่งหนุนด้วยหลักการว่า ไม่ว่าใครทำผิด (หรือสงสัยว่าจะทำผิด) ก็ต้องเข้ากระบวนการตรวจสอบเช่นกัน
จะอ้างคุณวิเศษหรือข้อยกเว้นใดๆ หาได้ไม่
ฝ่ายคัดค้านนั้น มีทั้งที่เป็นศิษยานุศิษย์ชนิดเข้ากระดูกดำ และกลุ่มที่จริงๆ ไม่ได้ยินดียินร้ายกับธรรมกาย แต่ไม่นิยมการแก้ปัญหาสารพัดด้วยอำนาจ
โดยเฉพาะอำนาจเด็ดขาด
จนชวนให้สงสัยว่าอะไรจะต้องเด็ดขาดขนาดนั้น
อะไรเป็นต้นตอที่มาของความเด็ดขาดแบบเอาตาย
…
ทั้งสองกรณีที่ดูเหมือนเป็นคนละเรื่องกัน กลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” ได้
เพราะวิธีการปฏิบัติของภาครัฐ
ขณะที่ด้านหนึ่งได้รับการปฏิบัติแบบ “นุ่มนวล” ยิ่งกว่ากำปั้นหุ้มกำมะหยี่ เพราะข้างในไม่ได้มีกำปั้น
เอาไปคุมตัวแบบผิดกฎหมายก็ไม่ตั้งข้อหา
จากยืนยันเสียงแข็งว่าจะเอาโครงการให้ได้ ก็ให้กลับไปตั้งต้นนับหนึ่งกันใหม่
อีกคดีหนึ่งนั้นถ้าไม่รู้ว่าภารกิจคืออะไร
ก็จะนึกว่าตระเตรียมจะไปรบทัพจับศึกที่ไหน
เพราะเล่นกันเต็มอัตราศึก
ถึงขนาดผู้บังคับบัญชาสูงสุดของฝ่ายบริหารลงมาสั่งการเอง
ไม่ธรรมดาเลย
ประเด็นของเรื่องก็คือ บุคคลหรือองค์กรอื่นๆ ที่เห็นต่างกับรัฐบาล
ไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างนุ่มนวลอย่างกรณีผู้คัดค้านโรงไฟฟ้ากระบี่
และที่ห่มเหลืองเหมือนธรรมกาย มีพฤติกรรมกร่าง (แต่คนละอย่างกัน) มีคดีค้างเก่าอยู่เหมือนกัน
ทำไมได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างไปจากรัฐ
ไม่ใช่แค่ดำเนินคดีแบบเอื่อยๆ เฉื่อยๆ
แต่หลายครั้งหลายหนยังยกย่องเชิดชูด้วย
ตกลงว่ากฎหมายมีกี่มาตรฐาน
และความหลายมาตรฐานของกฎหมายหรือการปฏิบัติของรัฐ
จะนำไปสู่การปรองดองอย่างที่โฆษณา
หรือว่านำไปสู่อย่างอื่น
…
และขออนุญาตส่งท้ายเอาไว้นิดเถอะครับ
ในขณะที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายเชียร์ธรรมกายแบบไม่ลืมหูลืมตา
ประเภทที่ว่า ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลแล้วการตรวจสอบก็จะหมดไปเอง
ก็ไม่เห็นด้วยกับแกนนำคัดค้านโรงไฟฟ้ากระบี่บางท่าน
ที่เพ้อไปถึงว่า อาจจะต้องใช้บริการ “รถถัง” หากต่อไปท่าทีประนีประนอมของรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่เพราะการใช้กฎหมายอย่างไม่ตรงไปตรงมา
หรือว่าการไม่เคารพกฎหมายเอาเลย (แต่พร้อมจะเรียกใช้กำลังมาจัดการเรื่องที่ตัวเองไม่ถูกใจ)
อย่างนี้หรอกหรือ
ที่ถีบเราทุกคนในสังคมมายืนอยู่จุดนี้
ไม่คิดจะขยับไปอยู่ในภพภูมิที่ดีกว่า (สำหรับคนส่วนใหญ่) กันบ้างละหรือ
หรือชินกับนรกจนลืมสวรรค์กันไปแล้ว?