เปิดใจ | “ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช” “ประธานหญิง” เชียงราย ยูไนเต็ด อย่าเรียก “ฮาย” ว่ามาดาม!

ฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2019 ปิดฉากลงพร้อมกับความดราม่าในเกมนัดสุดท้าย

หลังจาก “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ของ “เนวิน ชิดชอบ” ทำได้เพียงเสมอกับเชียงใหม่ เอฟซี 1-1 ส่วน “สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” บุกไปชนะ “สุพรรณบุรี เอฟซี” 5-2

ส่งผลให้ทั้งบุรีรัมย์กับเชียงรายมี 58 คะแนนเท่ากัน จึงต้องตัดสินตำแหน่งแชมป์ด้วยผลงานเฮดทูเฮด และกลายเป็นเชียงรายที่ปาดหน้าแซงบุรีรัมย์คว้าแชมป์ไทยลีกไปครองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร นับตั้งแต่ก่อตั้งทีมเมื่อปี 2008 (พ.ศ.2551)

“สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าเราขาดความเชื่อ, ทีมเวิร์ก และความมุ่งมั่นทุ่มเท”

“ฮาย-ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช” ประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ลูกสาวคนเล็กของ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตนักการเมืองชื่อดัง ที่เข้ามารับไม้ต่อจากพี่ชาย “ฮั่น-มิตติ ติยะไพรัช” เปิดใจกับทีมข่าวกีฬามติชนทีวี

ถึงเบื้องหลังความสำเร็จของทีมกว่างโซ้งมหาภัย ภายหลังเขี่ยบุรีรัมย์ตกจากบัลลังก์ไทยลีกได้สำเร็จ

ประธานสโมสรคนสวยวัย 28 ปี ยอมรับว่าการบริหารทีมฟุตบอลอาจเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากตัวเธอมาก เนื่องจากมีความมุ่งมั่นที่จะสอบเป็นผู้พิพากษา เพราะเรียนจบปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับ 1

แต่ด้วยความที่พี่ชายคนโตต้องเบนเข็มเข้าสู่เส้นทางการเมืองกับพรรคไทยรักษาชาติ ก่อนจะหวนมารับบทบาทเป็นที่ปรึกษาสโมสร หลังพรรคการเมืองดังกล่าวถูกยุบ

ส่วนพี่สาวคนกลาง “โฮม-ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช” ก็โลดแล่นบนถนนการเมืองอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เหลือเธอเพียงคนเดียวที่จะเข้ามาดูแลทีมต่อ

ขณะเดียวกันสโมสรเชียงรายก็เปรียบเสมือน “ชีวิตจิตใจ” ของครอบครัวติยะไพรัช รวมถึงอยากจะสานต่องานของพี่ชาย และหวังที่จะเข้ามายกระดับวงการฟุตบอลไทย จึงทำให้ฮายตัดสินใจรับตำแหน่งประธานสโมสร

“เราอยู่กับทีมมาตลอด 11 ปี และเราก็ดีใจทุกครั้งที่ทีมประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาล 2017 ที่ได้แชมป์เอฟเอคัพ ครั้งนั้นดีใจจนน้ำตาไหล รู้สึกตื้นตันใจมาก ไม่คิดว่าทีมจะประสบความสำเร็จเร็วขนาดนี้

“เราค่อยๆ ปั้น ค่อยๆ ทำทีมขึ้นมา โดยที่ใช้ทุนน้อยกว่าทีมอื่นเยอะมาก รู้สึกภาคภูมิใจกับความสำเร็จของทีม และเชื่อว่านักฟุตบอล แฟนบอล ทีมงานของเราทุกคนจะภูมิใจกับผลงานของทีมในครั้งนี้”

ฮายเล่าความประทับใจที่เกิดขึ้นกับเชียงรายในฤดูกาล 2019 พร้อมกล่าวขอบคุณเป็นภาษาเหนือ

“ขอขอบคุณนะเจ้า แฟนสิงห์ เจียงฮาย ยูไนเต็ด ตี้สนับสนุนเฮามาตลอด 11 ปี๋นะเจ้า ตอนนี้เฮาสำเร็จแล้วนะเจ้า แล้วก็ขอหื้อภาคภูมิใจ๋ร่วมกั๋นในปี๋นี้ และก็ปี๋ต่อๆ ไปโตย”

แน่นอนว่าแชมป์ไทยลีกอาจเป็นเพียงบันไดขั้นแรกที่ปลุกความหวังชาวเชียงรายให้ตื่นขึ้น แต่ความท้าทายใหม่ๆ กำลังรอพวกเขาอยู่!

โดยเฉพาะในฤดูกาล 2020 เชียงรายต้องเจอศึกหนักรอบด้าน ทั้งการป้องกันแชมป์ไทยลีก ลงเตะฟุตบอลถ้วยในประเทศ และภารกิจใหญ่ในรายการระดับทวีป “เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก” ซึ่งมีการจับสลากแบ่งสายรอบแบ่งกลุ่มเรียบร้อยแล้ว โดยเชียงรายอยู่สายอีร่วมกับ ปักกิ่ง เอฟซี รองแชมป์ไชนีส ซูเปอร์ลีก จากจีน

ส่วนอีก 2 ทีมจะมาจากผู้ชนะในรอบเพลย์ออฟ ซึ่งเชียงรายมีโอกาสเจอทั้งบิ๊กเนมจากเคลีก ประเทศเกาหลีใต้ รวมทั้งทีมดังจากเจลีก ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่โปรแกรมฟาดแข้งนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มจะมีขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์

ในส่วนของตำแหน่งเฮดโค้ช หลังจากเชียงรายได้แยกทางกับ “ไอล์ตัน ดอส ซานโตส ซิลวา” กุนซือชาวบราซิลแล้ว ทางสโมสรก็ได้แต่งตั้ง “ทากิ มาซามิ” โค้ชชาวญี่ปุ่น วัย 47 ปี อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมไทยฮอนด้า เอฟซี เข้ามารับช่วงต่อเป็นที่เรียบร้อย

สำหรับแผนการเตรียมทีมสู้ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฮายบอกว่า เชียงรายจะพยายามสร้างทีมให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยการคว้าตัวผู้เล่นฝีเท้าดีเข้ามาเสริมทัพ ผนึกกำลังกับแข้งตัวหลักเดิมอย่างเอกนิษฐ์ ปัญญา, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และศิวกรณ์ เตียตระกูล

ตลอดจนหาผู้สนับสนุนรายใหม่เพิ่ม เพื่อพัฒนาศักยภาพของสโมสรในการต่อสู้กับทีมชั้นนำของทวีปเอเชีย

เมื่อถามมุมมองเรื่องความสามารถของสุภาพสตรีกับการบริหารจัดการสโมสรฟุตบอล ฮายแสดงความคิดเห็นว่า ปัจจุบันผู้หญิงมีความรู้ความสามารถเทียบเท่าผู้ชายแล้ว ดังนั้น จึงไม่เป็นข้อจำกัดในการทำงาน

“ฮายมองข้ามเรื่องความแตกต่างทางด้านเพศสภาพไปแล้ว ฮายเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถ ไม่ว่าเป็นเพศอะไร

“สิ่งเหล่านี้มันปลูกฝังตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก เพราะครอบครัวของเราให้ความสำคัญกับเรื่องความรู้ความสามารถมากกว่าเรื่องเพศหรือเรื่องอายุ

“นี่คือสิ่งที่ทำให้ฮายพร้อมที่จะสู้กับงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานสายกฎหมายที่ฮายเคยเลือก หรือตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นฟุตบอลแล้ว แน่นอนว่าฮายมุ่งมั่นทุ่มเทเต็มที่ในฐานะคนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชายก็สามารถทำงานในวงการฟุตบอลได้” ประธานสโมสรวัย 28 ปีเผย

นอกจากนี้ ฮายยังชื่นชมความสามารถของ “มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ” ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี และผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ที่เข้ามายกระดับและพัฒนาทีมแข้งสาวไทย ก่อนคว้าโควต้าไปเล่นฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกรอบสุดท้ายได้ 2 สมัยติดต่อกัน

“ฮายชื่นชมพี่แป้งนะคะ พี่แป้งทำให้คนไทยหันมาสนใจฟุตบอลหญิงมากขึ้น

“แต่ฟุตบอลหญิงของไทยยังขาดการสนับสนุนจากหลายๆ ภาคส่วน นักเตะหญิงของเราไม่มีลีกอาชีพเล่นเหมือนผู้ชาย ทำให้พวกเขาขาดรายได้และขาดเวทีในการพัฒนาฝีเท้า ฮายคิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดลีกฟุตบอลหญิง”

แม้หลายคนคงมองว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่ง มีความรู้ความสามารถด้านฟุตบอล แต่ถึงกระนั้น ฮายก็ไม่อยากให้แฟนบอลเรียกขานเธอว่า “มาดาม” หรือ “แม่เลี้ยง” ดังที่มีคนชอบพูดและเขียนกัน

“ฮายไม่ชอบเลยทั้งคู่ (มาดาม/แม่เลี้ยง) เพราะรู้สึกว่าเกินวัยมากๆ เลยค่ะ

“ด้วยความที่เรายังไม่เท่ามาดามแป้งหรือมาดามเดียร์ (วทันยา วงษ์โอภาสี) ทั้งในเรื่องของอายุหรือความสามารถ อีกอย่างฮายยังไม่ได้แต่งงานด้วย ก็เลยคิดว่ามันไม่น่าจะเหมาะกับตัวฮายเท่าไหร่

“อยากให้ทุกคนเรียกว่าประธานตามตำแหน่งดีกว่า หรือเรียกว่าพี่ฮาย น้องฮาย เราจะสบายใจมากกว่า แล้วก็โอเคมากกว่าค่ะ”

ปวิศรัฐฐ์กล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม