ยานยนต์ สุดสัปดาห์ /สันติ จิรพรพนิต [email protected]

เจาะข่าวเด่นยานยนต์ 2562

รุ่นใหม่พรึบแต่ยอดขายทรุด

 

ประเดิมฉบับแรกของปี 2563 “ยานยนต์ สุดสัปดาห์” คัดเลือกข่าวเด่นในแวดวงยานยนต์ไทยในรอบปีที่แล้ว

มายำใหญ่ใส่สารพัดว่ามีเรื่องราวใดที่เป็นไฮไลต์ของปี 2562 กันบ้าง

 

กระแสรถยนต์ไฟฟ้ามาแรง

 

ต่อเนื่องจากปีที่แล้วกับรถยนต์ไฟฟ้า ที่ภาครัฐสนับสนุนและเป็นหนึ่งในนโยบายที่จะผลักดันเมืองไทยเข้าสู่สังคมรถไฟฟ้ามากขึ้น

ทำให้ค่ายรถจำนวนมากเริ่มทยอยส่งรถยนต์ไฟฟ้ามาชิมลางต่อเนื่อง

ที่เด่นๆ มีถึง 5 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย

“เกีย โซล” รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กปรับแต่งหน้าตาสีสันให้เข้ากันกับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2560 แต่ด้วยราคาที่ดุดันถึง 2.297 ล้านบาท จึงน่าจะเน้นทำเป็นภาพลักษณ์มากกว่าจะหวังยอดขาย

ถัดมาเป็น “ฮุนได ไอออนิค” เก๋งไฟฟ้า แม้จะเป็นรถซีดานแต่ด้านท้ายดีไซน์คล้ายรถแฮตช์แบ็กแบบ 5 ประตู เดินเส้นสายสีทองแดงรอบคัน บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ราคาจำหน่าย 1.749 ล้านบาท

อีกรุ่นของค่ายนี้ “ฮุนได โคนา” ครอสโอเวอร์ไฟฟ้า 100% ราคา 1,849,000 บาท

ไม่พลาดกับเจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก “นิสสัน ลีฟ” เปิดตัวกันไปตั้งแต่ปลายปี 2561 และเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าหลายราย ราคา 1,990,000 บาท

ปิดท้ายกับรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปี 2562 “MG ZS EV” ที่นำรุ่นปกติมาใส่หัวใจไฟฟ้าสามารถกวาดยอดขายทะลุพันคันอย่างรวดเร็ว เพราะตั้งราคามาน่าสนใจที่ 1.19 ล้านบาท

ถือว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ราคาถูกที่สุดในตลาด

นอกจากนี้ บริษัทสกายเวลล์ ยักษ์ใหญ่รถยนต์จากประเทศจีน เปิดตลาดรถไฟฟ้ากลุ่มรถตู้อเนกประสงค์ รถบัสโดยสารขนาดเล็ก และรถบรรทุกคาร์โก้ถึง 4 รุ่น

ด้านจุดชาร์จมีมากขึ้นเรื่อยๆ ห้างสรรพสินค้า และคอนโดฯ แม้ส่วนใหญ่จะเน้นในเมืองก็ตาม

แต่ที่ได้รับความสนใจคือบรรดาค่าย ติดตั้งหัวจ่ายไฟตามโชว์รูมที่ขยายมากขึ้นทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม แว่วว่ามีหลายค่ายเริ่มบ่นกับการคิดค่าไฟของรัฐ ที่มีระบบการคิดแบบแปลกๆ โดยจะกำหนดเพดานการใช้เอาไว้ หากจุดไหนมากขึ้นจนถึงเพดานที่กำหนด จะถูกคิดค่าใช้ไฟฟ้าในเพดานนั้นนานต่อเนื่องถึง 1 ปี

ต่อให้ในเดือนถัดมาใช้ไฟน้อยลงแต่ค่าไฟจะถูกคิดในอัตราเดิม

 

เปิดศึก ‘6 รถเด่น-3 เซ็กเมนต์’

 

ปี2562 ถือว่าเป็นอีกปีที่ตลาดรถยนต์เมืองไทย ต้อนรับรถใหม่เข้ามามากมาย แต่ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์มี 6 รุ่นด้วยกัน แถมยังมาจาก 3 เซ็กเมนต์ที่เปิดศึกชนกันสนั่น โดยเลือกเปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกันในช่วงปลายปี

คู่แรกในเซ็กเมนต์เก๋งกลาง “โตโยต้า อัลติส” ปะทะ “มาสด้า 3”

ทั้ง 2 รุ่นถือเป็นรถยนต์ยอดนิยมกวาดยอดขายอันดับต้นๆ ของประเทศ มีแฟนคลับเหนียวแน่น

“อัลติส” นั้นแน่นอนว่าได้รับความนิยมในกลุ่มรถแท็กซี่ และรถครอบครัว เน้นออกแบบดูสุขุมนุ่มลึกมากขึ้น

มีขุมพลังถึง 3 บล็อก ทั้งขนาด 1.6 ลิตร, 1.8 ลิตร และรุ่นท็อป 1.8 ลิตร ไฮบริด เกียร์ E-CVT ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4

ราคาเริ่มต้น 829,000-1,099,000 บาท

ส่วน “มาสด้า 3” มีให้เลือกทั้งแบบ 4 และ 5 ประตู นำแนวคิด “KODO” รุ่นใหม่มาใช้ ออกแบบภายนอก-ในเน้นความเรียบง่ายด้วยวัสดุเกรดพรีเมียม

มีเครื่องยนต์บล็อกเดียว DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุ 1,998 ซีซี ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สกายแอ๊กทีฟ กำลัง สูงสุด 165 แรงม้า แรงบิด 213 นิวตัน–เมตร

ทั้งรุ่น 4 และ 5 ประตู ราคาเท่ากันเริ่มต้น 969,000-1,198,000 บาท

 

2 คู่ชกเอสยูวี-อีโคคาร์

 

คู่ต่อมาเป็น “เอสยูวี” ราคาน่าสนใจเพราะรุ่นต่ำสุดไม่ถึง 1 ล้านบาท เป็นการพบกันของ “เชฟโรเลต แคปติวา” และ “เอ็มจี เอชเอส”

แคปติวา กลับมาเน้นทำตลาดอีกครั้งหลังจากรุ่นเดิมพอทำยอดขายได้บ้างแม้ไม่หวือหวานัก รุ่นใหม่ออกแบบได้โฉบเฉี่ยวมากขึ้น

ใช้เครื่องยนต์เบนซิน DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ (DVVT) และระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ขนาด 1,451 ซีซี

ขณะที่ “เอ็มจี เอชเอส” ออกแบบภายนอกใกล้เคียงกับรุ่นอื่นๆ ของค่าย

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) 7 สปีด

ทั้ง 2 ค่ายมีให้เลือก 3 รุ่นย่อยเหมือนกัน

ราคา “แคปติวา” 999,000-1,199,000 บาท

“เอ็มจี เอชเอส” 919,000-1,119,000 บาท

ปิดท้ายปลายปีด้วยเก๋งอีโคคาร์ “นิสสัน อัลเมร่า” และ “ฮอนด้า ซิตี้”

“อัลเมร่า” รุ่นใหม่สวยโฉบเฉี่ยวกว่าของเก่าเยอะ ใช้เครื่องยนต์ DOHC 3 สูบ เทอร์โบ 1.0 ลิตร เกียร์ XTRONIC CVT พร้อม D-Step Logic

มีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ราคา 499,000-639,000 บาท

“ฮอนด้า ซิตี้” สร้างกระแสได้ดีทีเดียวเพราะลดพิกัดมาจาก “ซิตี้คาร์” ใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว Turbo Charger ระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) 7 สปีด

มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ราคา 579,500-739,000 บาท

 

ตลาดรถยนต์หามเข้าไอซียู

 

มาถึงข่าวไฮไลต์ของปี 2562 ไม่พลาดกับเศรษฐกิจไทยที่ทรุดหนักจนกระทบในทุกภาคส่วน ตลาดรถยนต์เองก็โดนกระทบติดลบหนัก

แม้ช่วง 5 เดือนแรกยังดูสดใสเพราะเทียบเดือนต่อเดือนกับปี 2561 ยังเติบโตอยู่บ้าง

แต่พอย่างเข้าเดือนมิถุนายน สัญญาณอันตรายเริ่มขึ้น เพราะสถาบันการเงินเห็นภาพรวมเศรษฐกิจแล้วจึงเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ทำให้คนไทยที่ 80-90% จะซื้อรถเงินผ่อนมีจำนวนมากไม่ผ่านการพิจารณา

ยอดขายรถหัวปักลงทันทีและไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลยจนถึงปลายปี

แม้แต่ในงานคาร์โชว์ “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” ในช่วงเดือนธันวาคม ที่ปกติมียอดขายสูงต่อเนื่องมาหลายปี ยังหลุดเป้าทั้งรถเก๋งและรถจักรยานยนต์

ถึงแม้จะมีรถใหม่เปิดตัวออกมาพร้อมโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นบ้างแต่ไม่สามารถทำจยอดขายเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561

เช่นเดียวกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ปรับลดเป้าการผลิตรถยนต์ปี 2562 เหลือ 2 ล้านตัน จากต้นปีประเมินไว้ที่ 2.15 ล้านคัน หรือหดไปถึง 1.5 แสนคัน จากตลาดในประเทศ และส่งออกที่ทรุดลงพร้อมๆ กัน

ต้องลุ้นกันต่อในปี 2563 ว่ายอดขายรถยนต์ในไทยจะเป็นเช่นใด