อภิญญา ตะวันออก : “ฟุตบอล” ซีเกมส์ 2019 เมื่อโลกรวมเราไว้ใน “ชาติพันธุ์”

อภิญญา ตะวันออก

สําหรับฉัน ความน่าสนใจของฟุตบอลซีเกมส์ครั้งที่ 30 นี้มีศูนย์กลางอยู่ที่เวียดนาม นับแต่รอบแรกที่แข่งกับทีมชาติไทยชุดยู 23 และแล้ว ถึงแม้จะไม่พ่ายแพ้ แต่เวียดนามก็ทำให้เรา-ไปต่อไม่ได้

ระหว่างความอีหลักอีเหลื่อในความเป็นใหญ่ของอาเซียนนั้น ฉันก็พบว่า ใช่แต่ทีมชาติไทยเท่านั้น แม้แต่อดีตสหพันธ์คอมมิวนิสต์รัสเซีย, อินโดจีน และลุ่มแม่น้ำโขงอย่างเขมร (หรือลาว) ก็ตาม หากเป็นเรื่องของฟุตบอล ทุกรุ่น ทุกชุดและทุกชาติ เป้าหมายของเวียดนามคือ การสยายอิทธิพลและอำนาจผ่าน “โลกฟุตบอล”

ตัวอย่าง เป้าหมายที่ชัดเจนที่มากับกลยุทธ์อันซับซ้อน ด้วยเหตุนี้ ก่อนฟาดแข้งกับทีมชาติเขมรเพียง 24 ชั่วโมง พลันสมาคมฟุตบอลเวียดนามก็ปล่อยของเอาเชิงทางจิตวิทยา แม้แต่ทีมที่ได้ชื่อว่ารองบ่อนอย่างกัมพูชา

ด้วยข้อกล่าวหา ประวัติอันเป็นเท็จของกัปตันทีมชาติเขมร แก้ว สุขเพง (27) ว่า ไม่ได้เกิดที่จังหวัดกระแจะเช่นที่แจ้งไว้ หากแต่นักเตะเขมรรายนี้ ที่จริงแล้วเขามีเชื้อสายเวียดนามทางมารดา เกิดที่จังหวัดไตนินห์

หลักฐานก็คือ ภาพถ่ายของแก้ว สุขเพง ตอนเด็กที่ถ่ายรูปกับนักเตะเวียดนามขวัญใจของตน เล กง วินห์ ในนิตยสารเวียดนามซ็อกเกอร์

แหล่งข้อมูลบางแห่งยังอ้างว่า แก้ว สุขเพง เติบโตที่ไตนินห์กระทั่งจบมัธยม 3 จึงติดตามบิดาและพี่ชายซึ่งไปคัดตัวฟุตบอลอาชีพที่กรุงพนมเปญ กระทั่งตั้งรกรากที่นั่น

นับเป็นความน่าทึ่งและหวังผลทางจิตวิทยา เนื่องจากที่ผ่านมา ตั้งแต่ ค.ศ.2015 ที่แก้ว สุขเพง ลงเตะในนามทีมชาติชุดยู 23 สมาคมฟุตบอลเวียดนามก็ไม่เคยท้วงติงหรือเรียกร้องสิทธิ์เรื่องสัญชาติแต่อย่างใด และรู้ดีว่าการหยิบยกประเด็นนี้ จะทิ่มแทงชาวเขมรนับล้านให้เกิดความขุ่นเคืองใจ

ทั้งที่ขณะนั้นศูนย์หน้าคนสำคัญอย่างเสียง จันเทีย ซึ่งโดน 2 ใบเหลืองในรอบคัดเลือก และเจ้าภาพฟิลิปปินส์ไม่ยอมใช้ระบบล้างใบแดงนั้น ทำให้กัมพูชาขาดนักเตะสำคัญในการทำเกมกับเวียดนาม

กระนั้น ทุกสถานะแห่งความบีบคั้น ได้กลายเป็นตรรกะแห่งการทำทีมฟุตบอลไปแล้วสำหรับบางประเทศ

นอกจากชัยชนะเท่านั้น ไม่มีอะไรให้แคร์ โดยไม่สนว่าจะแลกมาด้วยวิธีการใด

 

“เพียงเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายตนที่ทำให้คนกลุ่มนั้นพยายามตีข่าวอ้างเรื่องเผ่าพันธุ์ความเป็นชาติเอามาเป็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่เคยยอมรับว่า ผมและน้องแสดงออกเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร?”

แก้ว สุขงอน อดีตนักเตะสโมสรสมุทรสาครของไทย ออกโรงปกป้องน้องชายด้วยข้อความตอนหนึ่งในเฟซบุ๊กส่วนตัว

“เราเกิดที่นี่ ดังนี้ กัมพูชาจึงเป็นมาตุภูมิที่รักของเรา อย่าได้พยายามหยิบยกประเด็นคน 2 สัญชาติมาทำร้ายพวกเราอีกเลย เรารู้ตัวเองว่า เราควรเสียสละต่อแผ่นดินเกิดของเราอย่างไร? และสำหรับการใส่ร้าย โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์แบบนี้ มีแต่จะก่อความเกลียดชังในหมู่คนที่แยกแยะไม่ได้ว่า อะไรคือดี-เลว”

แก้ว สุขงอน เขียน เรียกยอดวิวเกรียนคีย์บอร์ดเขมร

“เราขอใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อความรักที่มีต่อชาติ เหนือความเป็นชาติพันธุ์ นั่นคือชัดเจนแล้วว่า หัวใจเราเป็นหนึ่งเดียวคือกัมพูชาตลอดไป”

 

สงครามโลกออนไลน์ยังไม่จบและนับศพยังไม่ได้ เมื่อผลการแข่งขันแบออกมา กัมพูชาแพ้ยับเวียดนามถึง 4-0 ทำให้เกรียนคีย์บอร์ดเขมรบางคนถึงกับระบายอารมณ์ใส่ทีมรักว่าเป็นเหมือน “ญวน” เวียดนามที่มาเล่นฟุตบอล

พลันดราม่าก็ไปตกที่กัปตันแก้ว สุขเพง นักเตะกัมปูเจียกรอมผู้ยังไม่มีโอกาสจะปาดน้ำตา เมื่อต้องทำหน้าที่ชิงเหรียญทองแดงกับเมียนมา

ยิ่งตอนที่แก้ว สุขเพง ตามยิงฟรีคลิกตีเสมอเมียนมาได้นั้น

โลกแห่งความหวังที่จะทำให้เหรียญเดียวที่รอคอยมานานถึง 60 ปี และทำให้กัมพูชามาถึงความหวัง โดยเฉพาะแฟนบอลเขมรในโอลิมปิกสเตเดี้ยมกรุงพนมเปญ

และอีกครั้ง เมื่อแก้ว สุขเพง ยืนสังหารลูกโทษเป็นลำดับคนสุดท้าย

พลันเมื่อลูกบอลออกจากเท้าของเขา ปรากฏการณ์อารมณ์ความทุกข์ ความสุขเศร้าของชาวเขมรทั้งมวลก็ตามมา

ภาพที่แก้ว สุขเพง นอนสิ้นเรี่ยวแรงบนพื้นหญ้า และตรงไปกอดเสาประตูตรงจุดที่ลูกบอลกระดอนออกมา พร้อมกับอาการทรุดลงร่ำไห้ สำหรับน้ำตาจากนักเตะเขมรใต้ และมันเกินถ้อยคำจะบรรยาย

อย่างที่สุดแล้ว สำหรับความพยายามที่รับใช้ทีมชาติที่กลายเป็นภาพจำอันฝันร้าย และเพื่อแสดงความรับผิดชอบและลงโทษตัวเอง แก้ว สุขเพง จึงประกาศเลิกเล่นทีมชาติ!

พลันความดราม่าของชาวกัมพูชาก็ไหลไปอีกทางหนึ่ง!

นั่นเอง มันคือมหกรรมกีฬาอันสุดแสนจะน่าทึ่งอย่างมากสำหรับพลเมืองแห่งอาเซียน ที่เราจะเรียนรู้ไปด้วยกัน โดยมากกว่าคำว่า “กีฬา” แห่ง “ภูมิภาค” และมากกว่านั้น คือประเด็นการเมือง

เช่นกรณีแก้ว สุขเพง ที่สมเด็จฯ ฮุน เซน ถึงกับนำไปกล่าวในปาฐกถาท่ามกลางผู้เข้าร่วมงาน 2,500 คน นอกจากคำปลอบขวัญนักเตะกัมปูเจียกรอม-แก้ว สุขเพง ที่สร้างความชอบธรรมเชิงการทูตต่อความเป็นชนชาติเขมรของสุขเพงแล้ว

สมเด็จฯ ฮุน เซน ฉวยโอกาสนี้ ส่งสัญญาณมหกรรมซีเกมส์ ครั้ง 32 ที่กรุงพนมเปญ ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ และแจ้งอย่างเป็นทางการด้วยว่า ใครที่คิดจะล้มไม่ให้เขาเป็นประธานในพิธีเปิด ก็จงคิดเสียใหม่

เนื่องจากไม่มีใครจะขัดขวางให้เขาลงจากตำแหน่ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2023 นั้น ก็ขอให้ทราบด้วยว่า การแข่งขันจะเริ่มขึ้นภายใน 2 เดือนก่อนการเลือกตั้ง

หวังและปรามฝ่ายตรงข้ามให้สำเหนียกว่า นี่ยังไม่ถึงเวลาอันควรที่ “มเต็งอัญ” จะลงจากอำนาจ

 

หลังจากพ่อตาย ฉันก็นึกไม่ออกว่ามีอะไรที่ทำให้เราหลงใหลในโลกฟุตบอลได้ถึงปานนี้?

เวลาที่ดูบอล บางครั้งฉันก็นึกถึงพ่อ ถ้ายังมีชีวิต คงตกตะลึงในฟุตบอลยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วยจริตของชาวโซเชียล และในบางครั้งก็ทำให้ฉันนั่นเอง ที่มีจิตสับสนในวันฟุตบอลแพ้-ชนะ สลับไปมาเหมือนราวกับเรานั่นเองที่เป็นไบโพลาร์!

มาต่อ “เดอะแบก” กัมพูชาคนใหม่กันดีกว่า

“เสียง จันเทีย” หนึ่งใน 11 นักเตะดาวรุ่ง ที่นอกจากอายุน้อยแล้ว ยังยิงประตูเร็วสุดในทุกเกมของทัวร์นาเมนต์ของซีเกมส์ 2019 (18 วินาที)

ตามประวัติ เขาเกิดและเติบโตที่เกาะกง แต่มีกระแสอ้างว่า จริงๆ แล้ว เสียง จันเทีย เกิดที่จังหวัดตราด ตามบิดา-มารดาที่มาค้าแรงงานในชายแดนไทย จันเทียเติบโตและเล่นฟุตบอลโรงเรียนในละแวกนั้น

หากเป็นเรื่องจริง คงไม่ดราม่าแบบเดียวกับแก้ว สุขเพง และพี่ชาย เพราะคงไม่มีคนไทยอ้างสิทธิ์ในความเป็นชนชาติของเสียง จันเทีย ซึ่งติดทีมชาติตอนอายุ 15 เล่นและสามารถให้กับทีมชาติทุกชุด จนได้ฉายา “กุมารเพชรกัมปูเจีย”

ในชุดยู 18 ชิงแชมป์เอเชีย 2019 (AFF U18) เสียง จันเทีย ขณะยังไม่เต็ม 17 ปีและเป็นกัปตันทีมนั้น ยัดเยียดความปราชัยให้ทั้งไทย (4-3) และเวียดนาม (2-1) จากการยิง 1 และจ่ายลูกสุดท้ายในอีก 3 วินาทีจะหมดเวลา (94:57) ดับซ่าเวียดนามคาบ้านอย่างสุดมันส์

ไม่เท่านั้น ไม่กี่เดือนถัดมา ในศึกแชมป์เอเชีย 2020 ยู 19 รอบคัดเลือก กัมพูชายังเอาชนะไทยได้อีกครั้ง (2-1) สร้างความฮึกเหิมปรีดากับเหล่าแฟนกูปรีแขฺมร์ทั่วประเทศ ที่อิ่มเอมใจต่อชัยชนะเหนือไทยและเวียดนามอย่างที่รอคอยมาแรมปี

“กุมารเพชรกัมปูเจีย” รายนี้ยังสร้างมิติใหม่ๆ ในวงการฟุตบอลเขมรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และมีเป้าหมายที่ยาวไกลในการเล่นฟุตบอลอาชีพให้สโมสรบึงเกด อนาคตอันใกล้ในญี่ปุ่นและยุโรป

แน่นอน เสียง จันเทีย ยังขึ้นแท่นเป็นนักเตะที่เวียดนามจับตาในความสำเร็จของเขาและทุกๆ แมตช์ที่ต้องเจอกัน ดังเห็นได้จากการบินด่วนจากซีเกมส์ไปแข่งฟุตบอลสี่เส้า (U 20) ของเวียดนาม

เสียง จันเทีย นอกจากจะล้างแค้นเมียนมาให้แก้ว สุขเพงแล้ว ยังได้รับกำลังใจอย่างล้นหลามจากแฟนคลับเวียดนาม-ชนกลุ่มน้อย

และ “ฮีโร่!” คนใหม่-ขวัญใจชาวกัมปูเจียกรอม

แก้ว สุขเพง = เบอร์ 14, เสียง จันเทีย = เบอร์ 17