จรัญ พงษ์จีน : “สารัชถ์” เบียดคว้าแชมป์หุ้นไทยปี 2562

จรัญ พงษ์จีน

“มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับส่งท้ายปีเก่า 2562 ลาทีปีหมู ต้อนรับพุทธศักราชใหม่ 2563 ไม่รู้ว่า “หนู” จะเริงร่า หรือเป็นง่อย รู้แต่ว่า ปี 2562 วงการหุ้นไทย พลิกฝุ่นตลบผกผันกันเล็กน้อย “แชมป์” มีการเปลี่ยนมือ

ผลจาก “วารสารการเงินธนาคาร” ร่วมกับอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศอันดับทำเนียบ “เศรษฐีหุ้นไทยปี 2562” ปรากฏว่า “แชมป์” ตกเป็นของ

“สารัชถ์ รัตนาวะดี” กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ “GULF” ยักษ์ใหญ่แห่งวงการพลังงาน

การจัดอันดับวัดค่าจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประเภทบุคคลธรรมดา ที่ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 5 ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นก่อนวันที่ 30 กันยายน 2562 โดย “สารัชถ์” ถือครองหุ้นมูลค่ารวมสูงสุด 120,960 ล้านบาท

ที่ว่า “ผกผันเล็กน้อย” เพราะว่าก่อนหน้านี้ “สารัชถ์” ยืนหายใจรดต้นคอ “แชมป์หุ้นไทย” อยู่ก่อนแล้ว ในปี 2561 เขามีชื่ออยู่ในบัญชีมหาเศรษฐีหมายเลข 7 ของประเทศไทยจากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes โดยมีทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 1.06 แสนล้านบาท

นั่นยอมหมายความว่า เพดานขยับขึ้นไม่ได้เพราะถูกหวย หรือตีนบวมเพราะส้มหล่นมาจากดาวอังคารแต่ประการใด “รวย” มีที่ไปที่มา เพราะว่าในช่วงเวลา 2 ปีเศษ ที่หุ้น “กัลฟ์” เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคาหุ้นที่เสนอขายประชาชนครั้งแรก หรือ “ไอพีโอ” ที่ 45 บาทต่อหุ้น

ราคาปรับตัวอย่างร้อนแรงต่อเนื่อง ถึงนาทีปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น “กัลฟ์” ติดจรวดเพิ่มขึ้นถึง 160 บาท/หุ้น

รวยเพิ่มขึ้น 63,315 ล้านบาท หรือ 109 เปอร์เซ็นต์ จึงขึ้นแท่น “แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย” เบอร์ 1 แบบโดยพลัน

ทิ้งแชมป์เก่า 6 สมัย “หมอเสริฐ-นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 66,110 ล้านบาทไปสอง-สามช่วงตัว

อันดับ 3 ได้แก่ นักลงทุนทายาทอาณาจักรโอสถสภา “นิติ โอสถานุเคราะห์” โดยถือหุ้นครองรวม 48,613 ล้านบาท ตามด้วยอันดับ 4 “คีรี กาญจนพาสน์” ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โอลดิ้งส์

วกกลับไปดู “สารัชถ์” หรือ “เสี่ยกลาง” แชมป์เศรษฐีหุ้นคนล่าสุด “กัลฟ์” มีโรงไฟฟ้าอยู่ในสังกัดจำนวนมาก เฉพาะที่เปิดดำเนินกิจการแล้วและอยู่ระหว่างก่อสร้างเหนาะๆ มีด้วยกัน 28 โครงการ มีกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 11,125 เมกะวัตต์ นับเป็นผู้ผลิตรายใหญ่สุดของประเทศไทย

โครงสร้างธุรกิจของกัลฟ์ แบ่งออกเป็น 3 สายหลัก คือ ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และอื่นๆ

แยกย่อยโดยสังเขป “บริษัทกัลฟ์ เจพีฯ” ดำเนินการโรงไฟฟ้า 9 โครงการ “กัลฟ์ เอ็นพีฯ” ดำเนินโรงไฟฟ้าผู้ผลิตโรงไฟฟ้ารายเล็ก 12 โครงการ “อินดิเพนเดนท์ เพาเวอร์ฯ” ดำเนินโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ก๊าซธรรมชาติ 2 โครงการ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา 4 โครงการ

โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก 1 โครงการ ธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อ ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช ซีบอร์ด 4 และธุรกิจให้บริการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า ตั้งแต่กระบวนการพัฒนาก่อสร้างโครงการถึงบริหารจัดการ

 

“สารัชถ์ รัตนาวะดี” หรือ “เสี่ยกลาง” ปัจจุบันอายุเพียง 54 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบการศึกษาระดับปริญญาโท วิทยาศาสตร์ สาขาการจัดการทางวิศวกรรม จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ชีวิตและครอบครัวแต่งงานกับ “นลินี รัตนาวะดี” หรือ “ตันติสุนทร” เดิมบุตรสาวของ “รักษ์ ตันติสุนทร” อดีต ส.ส.จังหวัดตาก และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ “สาริศ รัตนาวะดี” กับ “สิตมน รัตนาวะดี”

“สารัชถ์” แชมป์เศรษฐีหุ้นคนล่าสุด กล่าวได้ว่า นอกจากจะสร้างชื่อให้กับวงศ์ตระกูลและครอบครัวแล้ว ยังเป็นที่น่ายินดีสำหรับกองทัพบก เพราะเขาเป็น “เลือดเนื้อเชื้อไขทหารแท้”

เป็นบุตรคนกลางของ “พล.อ.ถาวร รัตนาวะดี” กับ “ประทุม รัตนาวะดี” โดยที่พ่อเพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อเร็วๆ นี้ “พล.อ.ถาวร” จบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จปร.5 รุ่นเดียวกับ “พล.อ.สุจินดา คราประยูร-พล.อ.วิมล วงศ์วานิช-พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี”

และสายเลือดยิ่งเข้มข้นมากขึ้นไปอีก เพราะบิดาของ “พล.อ.ถาวร” หรือ “ปู่” ของ “สารัชถ์” ก็มากองทัพบก เป็นบุตรของ “พล.ต.พระอุดมโยธาธิยุต” (สด รัตนาวะดี) กับ “คุณหญิงชุ่ม รัตนาวะดี”

“สารัชถ์” ไม่เดินเจริญรอยตามผู้เป็นปู่และบิดา ฉีกตัวมาทำธุรกิจจนประสบผลสำเร็จ ขณะที่เพื่อนแต่เยาว์วัยที่เป็นลูกทหารทายาท จปร.5 ด้วยกัน ที่ยังรับใช้กองทัพอยู่ หนึ่งในจำนวนนั้นก็มี “พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี” ผบ.พล 1 และยังไปมาหาสู่กันเสมอต้นเสมอปลาย

เหนือสิ่งอื่นใด ในปี 2563 “กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ” แม้จะก้าวขึ้นเบอร์หนึ่งแล้ว ก็ใช่ว่าจะซอยเท้าอยู่กับที่ ขยับขยายอาณาจักรทั้งในและต่างประเทศอย่างไม่หยุดหย่อน เป็นต้นว่า โรงไฟฟ้าไบโอแมส 20 เมกะวัตต์ที่จะนะ จ.สงขลา โรงไฟฟ้าพลังงานลม 30-80 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ในประเทศโอมาน เฟสแรก 40 เมกะวัตต์ จะทำให้กัลฟ์เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ในมือ 12,000 เมกกะวัตต์

ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการที่สองในโอมาน ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 500-1,000 เมกะวัตต์ เพื่อป้อนให้กับกลุ่มโรงงาน โดยจะลงทุนร่วมกับพันธมิตร

เช่นเดียวกันโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซฯ 6,000 เมกะวัตต์ในเวียดนาม และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ขนาด 2,500 เมกะวัตต์ในประเทศลาว คาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 2563 ทั้งหมด

ดูทุกองคาพยพแล้ว เชื่อว่าปี 2563 “สารัชถ์” น่าจะยึดครอง “แชมป์หุ้นไทย” ได้อีกสมัย