อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : ความอร่อยเกี่ยวข้องกับความหิว

ความหนาวมาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว เราปิดหน้าต่างอยู่ในบ้าน แต่ยังใส่เสื้อกันหนาวทั้งวัน

ฉันหนาวเก่งมาก ตอนเช้ากับตอนค่ำ เสื้อกันหนาวตัวเดียวเอาไม่อยู่ ต้องสเวตเตอร์ทับด้วยโค้ต ดูเวอร์วัง

แต่ความหนาวเป็นความรู้สึกที่ไม่เท่ากัน ในอุณหภูมิ 9 องศา เรารู้สึกหนาวต่างกัน

เช่นเดียวกับแกงเผ็ดหนึ่งหม้อ ที่เราเผ็ดไม่เท่ากัน

ฉันนัดครูมาสอนโยคะเวลา 09.00 น. เพราะถ้าเราจะฝึกตอนเช้าสายกว่านี้ เราจะหิวเกินไป เป็นการฝึกในห้องปิด ไม่เปิดแอร์ และเรายังสวมสเวตเตอร์ทั้งศิษย์และครู

ครูใส่เสื้อผ้าไซซ์เดียวกับฉัน ความสูงเท่ากัน น้ำหนักไม่น่าจะต่างกันมาก แน่นอนว่าเราขี้หนาวพอๆ กัน ฉันมองครูแล้วคิด-ฉันเลือกครูไม่ผิด ไม่ใช่แค่เลือก เลือกแล้วยังต้องรอ ครูคิวทองมาก ไปสอนต่างประเทศปีหนึ่งหลายเดือน กว่าจะได้ตัวครูมาอยู่เชียงราย ฉันต้องรอเกือบปี

โรงเรียนโยคะในเชียงรายมีหลายแห่ง และฉันเฝ้ามองการฝึกโยคะ จดๆ จ้องๆ อย่างแน่ใจว่าดีต่อชีวิตมาเกือบสองปี

จากความเข้าใจของฉัน โยคะเป็นการออกกำลังกายที่ละเอียดอ่อน ต้องการสมาธิ หากฉันฝึกเอง ฉันจะไม่รู้เลยว่า ในแต่ละท่า ฉันทำถูกต้องหรือไม่ หายใจถูกต้องหรือเปล่า

และฉันเห็นเพื่อนๆ บาดเจ็บเพราะฝึกโยคะเองมาหลายคน

 

สรุปว่าฝึกโยคะควรมีครู ปัญหาต่อมาก็คือ ฉันเรื่องมาก คิดว่าครูต้องจริตตรงกับเรา ถ้าเราอยากเหยียด อยากยืด แต่ครูเน้นความหนักหน่วง เราก็อาจเบ้ปากให้โยคะไปเลย

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรอครูจ๋า ครั้งแรกที่เราคุยกันเรื่องโยคะ ครูจ๋าบอกว่า โยคะแบบยืดเหยียดจะอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต

หลังครูปล่อยประโยคนี้ออกมา ฉันก็รู้-ฉันได้ครูของฉันแล้ว

ฉันเลือกเรียนไพรเวต เพราะชอบความเป็นส่วนตัว และอยากให้ครูดูแลอย่างเต็มที่ ฉันรู้ตัวดีว่าหากฝึกกับคนเยอะๆ ฉันจะมีโอกาสล้มเหลวมาก

การเริ่มต้นสำคัญ ไม่ใช่ฉันต้องการเก่งตั้งแต่ครั้งแรก ความสำคัญอยู่ตรงที่ เรารู้สึกรักโยคะ และความรักจะเกิดขึ้นบนความรู้สึกวางใจและปลอดภัยเท่านั้น

ฉันพบว่าฉันตัวแข็งมาก การวิ่งอย่างยาวนาน ไม่ได้ทำให้ฉันฝึกโยคะง่ายกว่าคนอื่น อาจตรงกันข้ามด้วยซ้ำ อีกทั้งขณะฝึก ฉันหายใจสั้น ติดๆ ขัดๆ ราวกับทั้งชีวิตไม่เคยหายใจ

ตลกดี ที่ฉันต้องฝึกหายใจใหม่ หายใจอย่างที่รู้ว่ากำลังหายใจ หายใจโดยเห็นลมหายใจของตัวเอง-ทุกลมหายใจ และทุกชั่วขณะ

ฉันเคยฝึกกับครูจ๋าแล้วหนึ่งครั้ง รู้ว่าการหายใจสำคัญแค่ไหน ระหว่างรอครูกลับจากฝรั่งเศส ถ้าพอมีเวลา ฉันก็นั่งหายใจต่อเนื่องกัน หวังใจว่าเจอกันครั้งใหม่ การหายใจจะดีขึ้น ซึ่งหมายถึงการฝึกโยคะจะดีขึ้นด้วย

“พี่หายใจดีขึ้นมาก ถ้าฝึกสุริยนมัสการได้สมบูรณ์ หนูคิดว่าพี่จะสนุกค่ะ” ครูพูด หลังจากที่เราฝึกเสร็จ

ฉันมีกำลังใจขึ้นเป็นกอง คำว่าหายใจดีขึ้น มีผลต่อฉันมาก และครูรู้-ฉันชอบสุริยนมัสการ

เราถอดสเวตเตอร์พร้อมกัน หลังทำสุริยนมัสการ

และใช่ ฉันรักมันมาก แม้ยังทำได้ไม่ถูกต้อง

“พี่จะทำให้สวยงาม สมบูรณ์ ต่อเนื่องให้ได้เลย” ฉันบอกครู

“อีกสองครั้งก็เป๊ะค่ะ หนูเชื่อใจพี่ พี่รักตัวเอง และพี่ตั้งใจมาก”

ฉันยิ้ม ก่อนที่จ๋าจะเป็นครู เธอรู้จักฉันผ่านงานเขียน ซึ่งแม้ฉันเขียนเรื่องแต่ง แต่มันก็ทำให้เธอรู้จักฉันมากกว่าคนอื่น

 

ตอนนี้เรากลับมาสวมสเวตเตอร์อีกครั้ง และเราหิวมาก ฉันบอกจ๋าว่า ขอเวลาสัก 15 นาที เดี๋ยวอาหารเช้าแบบตามมีตามเกิดจะออกจากครัว

มีขนมปังอยู่ในตู้เย็น ทำแซนด์วิชน่าจะดี ไม่ใช่ขนมปังสำหรับทำแซนด์วิช แต่เรามีขนมปังแบบไหนก็ทำแบบนั้น

ไส้เป็นไข่ทอดแบบตีไข่แดงให้แตก ทอดในกระทะแทฟลอน ใช้น้ำมันน้อยๆ ทอดพร้อมกันทีเดียวสองฟอง ให้ทั้งไข่แดงและไข่ขาวสุก แล้วค่อยตัดแบ่งเป็นสองชิ้น

มีแตงกวาดอง และพริกดอง เราก็ใส่ตามนั้น

ขนมปังฉันผ่าครึ่ง อุ่นโดยนาบกับกระทะให้สีสวย

ทาเนยบนขนมปัง วางไข่ลงไป ตามด้วยแตงกวาดองฝานบางๆ พริกดอง ทับด้วยแฮมลวกด้านบนสุด

บีบมายองเนสกับมัสตาร์ดบนแฮม แล้ววางขนมปังอีกครึ่งไว้ข้างๆ ยกไปให้ครูพร้อมกับกาแฟ

ครูจ๋ากินอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับฝีมือการปรุงนักหรอก เราหิวกันมาก 11.00 น. หลังโยคะ กินอะไรก็ต้องอร่อย

“วันมะรืนเป็นตอนบ่ายดีมั้ย พี่ว่าตอนเช้าหนาวไปนิด จ๋าขับรถมาไกล ต้องตื่นเช้ากว่าพี่อีก เมืองพานหนาวกว่าในเมืองแน่ๆ”

“เวลาที่พี่สะดวกได้เลยค่ะ จ๋ามาได้หมด”

“ไม่ติดอะไรแน่นะ”

“ไม่เลยค่ะ ที่เชียงราย จ๋าไม่มีเพื่อน มีแต่พี่คนเดียวที่เป็นเพื่อนจ๋า”

ฉันหัวเราะ นอกจากเราเป็นคนเชียงรายที่แปลกแยกกับบ้านเกิดเหมือนกัน เรายังไม่ค่อยมีเพื่อนเหมือนกันด้วยหรือนี่

มีอะไรที่เราคล้ายกันอีกนะ

ฉันเชื่อว่าเรามีหลายสิ่งเชื่อมโยงกัน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ชอบนิยายของฉันกระทั่งพาตัวเองมารู้จักฉัน

การเรียนโยคะกับเธอจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความเหมาะเจาะอย่างสมบูรณ์ต่างหาก