หนุ่มเมืองจันท์ | ชีวิตกับความฝัน

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ทุกครั้งที่เริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ชีวิตของผมค่อนข้างแปรปรวน

งงๆ กับชีวิต

เหมือนรถที่วิ่งออกนอกเส้นทางปกติประจำวัน

จำได้ว่าตอนที่ออกจาก “มติชน” ใหม่ๆ

ช่วงแรกๆ ต้องปรับตัวมาก

เพราะสมัยก่อนที่ทำงานประจำ เราจะรู้เลยว่าเช้านี้จะไปที่ “มติชน”

แต่พอมาใช้ชีวิตฟรีแลนซ์ ทุกวันต้องคิดว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร

จนงานจะเริ่มเข้าที่

วันนี้เริ่มคุ้นแล้วว่าวิถีชีวิตแต่ละวันจะทำอะไร

ที่แน่ๆ ก็คือ ทุกวันศุกร์ต้องไปดูแลหลักสูตร ABC

มีงานเขียนต้นฉบับต้องปิดวันอังคาร พุธ และพฤหัสบดี

มีงานบรรยายแทรกเป็นช่วงๆ

มีอัดรายการ “เจาะใจ” ประมาณ 2 เดือนครั้ง

จนล่าสุด “โหน่ง” วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ชวนไปทำ podcast ให้ TheStandard

เป็นรายการวิเคราะห์การเมือง

ชื่อรายการ

The Power Game

เริ่มทำตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ไม่ได้ทำไปเรื่อยๆ

แต่มีฤดูกาลคล้ายบอลพรีเมียร์ลีก

มีพักระหว่างฤดูกาลด้วย

การเมืองเริ่มนิ่ง เราก็พัก

การเมืองเริ่มคึกคัก เราก็จัดรายการ

ขออนุญาตอธิบายนิดนึงสำหรับคนที่ไม่รู้จัก podcast

podcast ก็เหมือนกับ “วิทยุ”

สื่อสารทางเสียงอย่างเดียว

แต่เป็น “วิทยุ” ยุคดิจิตอล

รายการ

The Power Game จะเป็นการคุยกันเรื่องการเมือง

ผมจะคุยกับ “เอก” ธนกร วงษ์ปัญญา สลับกับ “อ๊อฟ” พลวุฒิ สงสกุล

ทั้งคู่เคยเป็นนักข่าวที่ “มติชนทีวี” มาก่อน

พื้นความรู้การเมืองดี

คุยกันสนุกมาก

ตอนแรกที่ทำก็ตื่นเต้นดีครับ รู้สึกมีเรื่องเล่าเยอะมาก

แต่พอเริ่มทำเป็นประจำ เหมือนมีงานใหม่งอกขึ้นมา

ชีวิตก็เริ่มสับสน

ต้องเริ่มวางแผนการทำงานใหม่ให้เหมือนกับปิดต้นฉบับรายสัปดาห์

ตอนนี้ลงตัวแล้วครับ

เรื่องหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการทำ podcast ก็คือ กลุ่มคนฟังไม่ใช่ “คอการเมือง” เข้มข้นแบบ “มติชนสุดสัปดาห์”

แต่เป็น “คนรุ่นใหม่” ที่สนใจการเมือง

ตอนแรกก็ยังไม่เชื่อ จนในงานสัปดาห์หนังสือและมหกรรมหนังสือ

มีคนที่มาทักและบอกว่าฟัง

The Power Game เยอะมาก

และส่วนใหญ่เป็น “คนรุ่นใหม่”

ทุกครั้งที่อัดรายการ ภาพ “คนฟัง” ในจินตนาการของผมจึงไม่ใช่คนอ่าน “มติชน”

แต่เป็น “คนรุ่นใหม่” ที่น่าจะรู้เรื่องการเมืองเริ่มตั้งแต่สมัยรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ต่อเนื่องถึง “ยิ่งลักษณ์”

คนกลุ่มนี้รู้จัก กปปส.

พอรู้จัก “ม็อบเสื้อแดง”

แต่ไม่คุ้นกับเรื่องราวของ “กลุ่มพันธมิตรฯ”

พอนึกหน้าคนฟังออก ผมก็มาปรับการเล่าเรื่องใหม่

ย่อตัวลงนิดนึง ขยายความบางเรื่องให้ละเอียดขึ้น

หรือเพิ่มเกร็ดประวัติศาสตร์การเมืองในอดีตบ้าง

เล่าแบบจริงจัง แต่ไม่เครียด

มี “ของเล่นใหม่” เข้ามา ก็สนุกดีครับ

อีกเรื่องหนึ่งที่ได้เรียนรู้ในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา

นั่นคือ การซ่อมบ้านใหม่

ได้เรียนรู้ “สิ่งใหม่” ที่ไม่เคยอยากรู้มาก่อน

เคยไหมครับที่รู้สึกว่าทำไมตัวเอง “โง่” ขนาดนี้

ฟังศัพท์แสงต่างๆ ไม่รู้เรื่องเลย

แต่ชีวิตคือการเรียนรู้

พอยอมรับว่าเรา “ไม่รู้”

เราจึงได้ “เรียนรู้”

ตอนนี้ “สมอง” ด้านการก่อสร้างของผมเริ่มมี “รอยหยัก” ขึ้นมาบ้างแล้วครับ

ช่วงนี้จึงมีโอกาสได้คลุกคลีกับคนงานก่อสร้าง

จากเดิมที่มองกันห่างๆ

ตอนนี้เจอหน้าก็ยิ้มและทักทายกัน

ผมจะซื้อข้าวหรือกับข้าวไปให้คนทำงานบ่อยๆ

ถ้าไปช่วงบ่ายก็ซื้อน้ำหรือขนมเข้าไป

อยากขอบคุณเขาที่ช่วยทำบ้านให้เราอยู่

ทุกครั้งที่ซื้อของเข้าไป

เขาก็ยิ้มๆ ขอบคุณเบาๆ

วันหนึ่ง ผมผ่านแผงขายล็อตเตอรี่ในตลาด

นึกสนุกๆ ซื้อล็อตเตอรี่แจกคนงานดีกว่า

เขาน่าจะดีใจ

ตอนที่เดินแจก ผมก็บอกทุกคนยิ้มๆ ว่าเอาเงินล้านมาให้

แต่มีข้อแม้ว่าถ้าถูกรางวัลที่ 1 อย่าทิ้งงานนะ

ต้องกลับมาสร้างบ้านให้เสร็จก่อน

ไม่น่าเชื่อว่าผมคิดผิดครับ

แจกล็อตเตอรี่คิดว่าเขาจะดีใจ

ปรากฏว่าเขาไม่ได้ดีใจ

แต่เขาดีใจมาก

ทุกคนยิ้มกว้าง ยกมือไหว้

บางคนอวยพรกลับด้วย

ผมได้เรียนรู้ว่าในบางสิ่งที่คนคิดว่า “งมงาย” หรือฝันลมๆ แล้งๆ

แต่มันคือ “ความหวัง” ที่ปลายอุโมงค์ของคนบางคน

ถ้าไม่เคยจนจะไม่เข้าใจเรื่องนี้

ผมนึกถึงสมัยก่อนที่นั่งรถเมล์กลับหอ

แล้วนั่งฝันว่าถ้าถูกรางวัลที่ 1 จะเอาเงินไปทำอะไรดี

1 ชั่วโมงที่น่าเบื่อบนรถเมล์กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่มี “ความสุข” มาก

นี่คือ พลังของ “ความหวัง”

เรื่องสุดท้ายก่อนสิ้นปี

ผมตั้งใจว่าจะทำ podcast “หนุ่มเมืองจันท์” อีก 1 รายการ

รู้สึกว่า “ทาง” นี้เหมาะกับตัวเอง

คล้ายๆ กับการเขียนหนังสือ

การเขียนหนังสือ เรามี “กระดาษ” เป็น “กำแพง”

สื่อสารกันทางความคิด

ไม่ต้องเห็นหน้าตากัน

เช่นเดียวกับ podcast

ใช้ “เสียง” เป็นช่องทางในการสื่อสาร

จะหลับตาพูดก็ไม่มีใครรู้

เป็นการเล่าเรื่องรูปแบบหนึ่งคล้ายการเขียน

เหตุผลหนึ่งที่อยากทำ podcast ของตัวเอง ก็เพราะเป็น “ความฝัน” มาตั้งแต่เป็นนักศึกษาแล้วครับ

เป็น “ความฝัน” แบบเด็กๆ

อยากเป็น “ดีเจ”

ตอนที่เขาเปิดรับสมัครดีเจรายการหนึ่ง

ผมกับเพื่อนเคยอัดเสียงกันเล่นๆ

แต่ตั้งใจจะส่งไปจริงๆ

แต่พอเปิดฟังแล้วมองหน้ากัน

ส่ายหน้า หัวเราะ

อายครับ

แล้วก็โยน “ความฝัน” ทิ้งตะกร้าไป

พอได้ลองทำ The Power Game นั่งในห้องอัด มีหูฟัง

“ความฝัน” ในอดีตก็ลอยกลับคืนมา

เป็น “ของเล่น” ใหม่ที่น่าลอง

พอคิดว่าจะทำ ผมก็โพสต์ลงในเพจ “หนุ่มเมืองจันท์” ทันที

ขอความเห็นจากคนอ่าน

ไม่น่าเชื่อว่ามีกระแสตอบรับดีมาก

เหตุที่ผมตั้งใจที่จะโพสต์ลงเพจให้ทุกคนได้รับรู้ร่วมกัน

ด้านหนึ่ง คือ การบอกกล่าวล่วงหน้า

อีกด้านหนึ่ง เพื่อสร้างแรงกดดันให้กับตัวเอง

เพราะถ้าไม่ทำ จะมีคนทวง

แต่ไม่แน่ใจว่าแรงกดดันจะเพียงพอหรือไม่

ก็เลยต้องเขียนซ้ำอีกครั้ง

ปีหน้าคงได้เห็นกัน

อย่าลืมทวงนะครับ