ในประเทศ / สมการ ‘ท้ายปี’ รัฐอิสระ+สารหนู = อิเหนาเมาหมัด

ในประเทศ

 

สมการ ‘ท้ายปี’

รัฐอิสระ+สารหนู

= อิเหนาเมาหมัด

 

ดูจะเป็นสิ่งเซอร์ไพรส์พอสมควร

กับการตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลที่ห่างหายไป 6 ปี อันเนื่องจากการรัฐประหาร

การกลับมาครั้งนี้

ตอนแรกเมื่อดูสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี ระหว่างสื่อมวลชนกับรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

โดยทั้งสองฝ่ายเพิ่งผ่านงานเลี้ยงปีใหม่อย่างชื่นมื่นมาไม่กี่วัน

จึงทำให้เกิดการคาดหมายว่า “ฉายา” ของรัฐบาล คงออกมาแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย

แต่เมื่อผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลประกาศฉายารัฐบาล 10 รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2562 ออกมา

กลับ เฉียบคม บาดลึก อย่างเหนือความคาดหมาย

กล่าวคือ

 

ฉายารัฐบาล

“รัฐเชียงกง”

เหตุผล : รัฐเซียงกง สะท้อนภาพรัฐบาลคล้ายแหล่งค้าขายอะไหล่มือสอง ประกอบกันขึ้นจากข้าราชการยุคก่อน และนักการเมืองหน้าเก่า แม้ใช้ประโยชน์ได้แต่ยังขาดความน่าเชื่อถือ สะท้อนความไม่มีเสถียรภาพ

   ฉายา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ

            อิเหนาเมาหมัด

เหตุผล : ยกคำสุภาษิตไทย ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เปรียบแนวทางปฏิบัติ และนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่เห็นได้ชัดหลายเรื่อง มักจะตำหนิหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต และสุดท้ายก็กลับมาทำเอง เช่น โครงการลักษณะประชานิยม บอกไม่เป็นนายกฯ สุดท้ายก็กลับมา, ไม่อยากเล่นการเมือง ก็หนีไม่พ้น, หนีการตอบกระทู้ในสภา, มองข้ามข้อครหาเรื่องงูเห่าการเมือง การซื้อตัว ส.ส. ตั้งคนมีคดีความที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองเป็นรัฐมนตรี, แต่งตั้งญาติพี่น้องเข้าสภา, ยอมให้พรรคที่สนับสนุนใช้นโยบายค่าแรงหาเสียง ทั้งที่เคยตำหนิว่า การขึ้นค่าแรงเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน

อีกทั้งไม่สามารถควบคุมให้รัฐบาลมีความเป็นเอกภาพ เกิดปัญหาติดขัดการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงงบประมาณที่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบ และฝ่ายตรงข้ามรุมเร้าคล้ายโดนระดมหมัดเข้าถาโถม แม้พยายามสวนหมัดสู้ แต่หลายครั้งถึงกับมึนชกโดนตนเองก็มี

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ

            ฉายา พี่ใหญ่สายเอ็นฯ

เหตุผล : ในฐานะพี่ใหญ่ของ 3 ป. นอกจากจะต้องคอยดูแลน้องรักแล้ว ยังต้องเอ็นเตอร์เทนพรรคร่วมรัฐบาล และต้องเอ็นดูคนในพรรคพลังประชารัฐที่ได้รับมอบหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์ทุกด้าน ตั้งแต่คดีระหว่างประเทศยันฟาร์มไก่ ทำให้งานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล เหลือเพียงเดินสายเปิดงานอีเวนต์ ประชุมทั่วไปเท่านั้น

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ

            ฉายา ศรีธนญชัยรอดช่อง

ความเป็นกูรูด้านกฎหมายของรัฐบาล สามารถช่วยรัฐบาลรอดพ้นปากเหวได้ทุกครั้ง เปิดทางตันด้วยช่องว่างทางกฎหมายที่แม้แต่แว่นขยายก็ยังมองไม่เห็น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ-รมว.พาณิชย์

            ฉายา รัฐอิสระ

เหตุผล : เมื่อฝ่ายค้านมีฝ่ายค้านอิสระ รัฐบาลนี้ก็มีฝ่ายรัฐบาลอิสระเช่นกัน ให้ความสำคัญและเดินหน้าเฉพาะนโยบายของพรรคตนเองเป็นหลัก ไม่สนใจภาพรวมของรัฐบาล ไม่สามารถควบคุม ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ได้ สร้างความหวาดระแวงภายในรัฐบาลตลอดเวลา ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ

            ฉายา ชายน้อยประชารัฐ

เหตุผล : เจ้าของโปรเจ็กต์โครงการประชารัฐ ที่หวังเดินหน้าต่อยอดในรัฐบาลนี้ กลับทำไม่ได้อย่างที่หวัง ถูกริบอำนาจงานด้านเศรษฐกิจหลายกระทรวง คล้ายคนง่อยเปลี้ยเสียขา ขาดมือไม้ในการทำงาน ทำให้เดินหน้าโครงการไม่ได้ 100% ถึงกับออกปากว่า ตอนนี้เหมือนคนที่เหลือเพียงขาเดียวเท่านั้น สุดท้ายเหมือนตัวคนเดียว พรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่เอาด้วย

    ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ

            ฉายา : เทามนัส

เหตุผล : แม้คดีความต่างๆ จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่การถูกขุดคุ้ยล่าสุดทั้งเรื่องคดียาเสพติดในต่างประเทศ และวุฒิการศึกษา ยังทำให้คนกังขา ไม่เชื่อมั่นในความโปร่งใส รวมถึงการทำหน้าที่มือประสานสิบทิศทางการเมืองก็ยังถูกครหาเรื่องการซื้อตัว ส.ส.พรรคเล็ก และดีลการเมืองกับฝ่ายค้านอีกด้วย

  น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ

            ฉายา : มาดามแบนเก้อ

เหตุผล : ด้วยบุคลิกเฉิดฉาย เด็ดเดี่ยว และโดดเด่น เดินหน้าแบนสามสารพิษ อย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม แม้ต้องชนกับเจ้ากระทรวงของตัวเองก็ไม่หวาดหวั่น เดินหน้าตามธงที่ถือไว้ แต่จนแล้วจนรอด การแบนสามสารก็ยังไม่สามารถปฏิบัติได้จริง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม

            ฉายา : โอ๋ แซ่รื้อ

เหตุผล : ตั้งแต่เข้ามากำกับดูแลกระทรวงคมนาคม ผุดไอเดียบรรเจิดจนคนต่อต้าน เช่น ติดตั้ง GPS ในรถยนต์ส่วนบุคคลไม่พอ ยังเดินหน้ารื้อหลายโครงการที่เป็นปัญหา เช่น รื้อมาตรการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า รื้อคดีค่าโง่ทางด่วน รื้อหลักสูตรสอบใบขับขี่ รื้อแผนท่าเรือปากบารา-สงขลา 2 รื้อแผนฟื้นฟู ขสมก. แม้แต่ไม้กั้นรถไฟยังถูกรื้อ

   นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรฯ

            ฉายา : สัปเหร่อออนท็อป

เหตุผล : นับแต่เข้ารับตำแหน่ง ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันซ้ำไปซ้ำมา กับบรรดาสิงสาราสัตว์ที่มีชื่อเสียง ทั้ง พะยูนมาเรียม แพนด้าช่วงช่วง เสือของกลาง ช้างป่าเขาใหญ่ เป็นความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ก็สามารถแสดงศักยภาพรับมือเหตุต่างๆ ได้ดี คล้ายทำหน้าที่สัปเหร่อเก็บกวาดทุกเรื่อง รวมไปถึงคดีความร้อนๆ ของคนและพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ-รมว.สาธารณสุข

            ฉายา : สารหนู

เหตุผล : แม้มีชื่อเล่นว่าหนู แต่ก็ไม่หนูอย่างที่คิด พิษสงรอบตัว ด้วยจำนวน ส.ส.ในมือ มีผลต่อความเป็นไปของรัฐบาล จนสามารถต่อรองคุมกระทรวงใหญ่ไว้ในมือได้ อีกทั้งนโยบายแบนสามสารพิษ ก็โดดเด่นและถูกจับตามอง ถึงกับเป็นชนวนความขัดแย้งเกิดขึ้นในรัฐบาล ก่อนจะสยบรอยร้าวได้ในที่สุด

วาทะแห่งปี

“อย่าเพิ่งเบื่อผมก็แล้วกัน ยังไงผมก็อยู่อีกนานพอสมควร”

13 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างให้โอวาทเจ้าหน้าที่และนักกีฬาทีมชาติไทยที่จะเดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่สาธารณรัฐฟิลิปปินส์

 

ฉายารัฐบาลและรัฐมนตรี ที่นักข่าวทำเนียบตั้ง ที่ว่า เฉียบคม บาดลึก นั้น

ผู้ที่เป็นปรอทวัด มิใช่ใครที่ไหน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นเอง

โดยเริ่มจากปฏิกิริยาเบาๆ แบบ “ไม่สนใจ”

ก่อนจะเป็นสีหน้าบึ้งตึง ในเวลาต่อมา

ก่อนระเบิดออกมาเป็นคำพูด

“ไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือดีใจ อยากตั้งอะไรก็ตั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องตลกและเรื่องล้อเล่นในการทำงานของพวกเรา ไม่เช่นนั้นทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีกำลังใจทำงาน เพราะทำไปแล้วก็ตั้งกันเป็นแบบนี้”

สะท้อนถึงความไม่พอใจกับฉายาชัดเจน

 

แต่กระนั้น ถามว่า ฉายาที่สื่อทำเนียบตั้งให้ ตั้งอยู่บนฐานแห่งความเป็นจริงหรือไม่

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า มีฐานแห่งความเป็นจริงไม่น้อย

ด้วยเพราะรัฐบาลซึ่งประกาศตนมาพร้อมกับกระแสปฏิรูป แต่ปรากฏว่า 5 ปี+6 เดือน แห่งการครองอำนาจของรัฐบาล คสช.จนมาเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1

มิอาจผลักดันคำว่าปฏิรูปให้เป็นจริง

สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือ รัฐบาลเชียงกง ที่เอาของเก่ามาปะผุ เพื่อให้ขับเคลื่อนไปได้

การบริหารงานจึงไม่ฉลุย แถมยังถูกมองว่า ถอยหลังเสียอีก

ส่วนการขับเคลื่อนก็ถูกมองว่าไม่เป็นทีม ถือว่าเป็นปัญหาหลัก

พรรคพลังประชารัฐเอง ก็เพิ่งผ่านการรอมชอมในพรรค ในการตั้งกรรมการบริหารพรรค ที่ออกมาในรูปแบบดึงมาร่วมโต๊ะจีน มากกว่าที่จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร

มองไปยังพรรคร่วมรัฐบาล 18 พรรค แม้วันนี้เสียงจะพ้นน้ำขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นแนวทางเก่าคือ เลี้ยงกล้วย ฟาร์มงูเห่า หรือดูดเข้ามาร่วมดื้อๆ ซึ่งก็ยังไม่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่วิจารณ์ “การเมืองเก่า” มาตลอด ต้องหันไปพึ่งการเมืองเก่านั้นทุกกระเบียด จึงถูกเปรียบเป็นอิเหนาเมาหมัด

ซึ่งใช่หลักประกันถาวรว่าวิธีการเหล่านี้จะทำให้รัฐบาลจะมีเสถียรภาพ

ที่ผ่านมาเราจึงเห็น พล.อ.ประยุทธ์โฟกัสไปยังพรรคร่วมหลัก 2 พรรค คือ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ซึ่งจะเป็นพรรคชี้เป็นชี้ตายรัฐบาล อย่างไม่วางตา

ในงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล มีการชูไม้ชูมือแสดงความเป็นหนึ่ง ร่วมร้องเพลง แสดงสัญญาใจที่มีต่อกัน

ภาพดูดี แต่เมื่อหันไปดูฉายาที่สื่อตั้งให้แล้วประกอบเป็นสมการการเมืองง่ายๆ

รัฐอิสระ + สารหนู = อิเหนาเมาหมัด

ก็จะกลายเป็นนิยามการเมืองที่ไม่น่าไว้วางใจ

ด้วยถ้าย้อนกลับไปอ่านนิยามที่มาของฉายา จะพบ “ปัจจัยลบ” เป็นองค์ประกอบใน “ฉายา” ที่สื่อตั้งให้ สูงมาก

ดังนั้น จะให้มั่นใจสมการการเมืองนี้ ก็ดูกระไรอยู่

 

เอาแค่ง่ายๆ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับฉายา “รัฐอิสระ”

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์

ก็โชว์อิสระให้เห็นทันที

โดยวิจารณ์ฉายารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า รัฐเชียงกง นั้นตั้งแล้วทำให้เห็นภาพศูนย์ขายอะไหล่เซียงกงจริงๆ

เพราะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ประกอบด้วยคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางคนเคยร่วมกับรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาก่อนหลายคน จึงทำให้เห็นภาพองค์ประกอบของคณะรัฐมนตรีชุดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเสมือนการนำอะไหล่มือสองที่ซื้อจากศูนย์เชียงกงมาประกอบเป็นรถยนต์เพื่อนำมาใช้งาน

เหมือนกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ในขณะนี้ ที่ใช้บุคคลที่เคยอยู่ในระบอบทักษิณมาก่อนไม่น้อยกว่า 20 คน นำมาเป็นรัฐมนตรี หรือใช้งานทางการเมืองในหลายตำแหน่ง

เช่น ทีมงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ทั้งชุด กลุ่มสามมิตร ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กลุ่มฮาร์ดคอร์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ฯลฯ ยังไม่รวมถึง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย มาก่อน

ส่วนฉายารัฐมนตรีคนอื่นๆ นั้น ก็สอดคล้องกับบุคลิกและการทำงานของรัฐมนตรีแต่ละคนจริงๆ

 

ช่างเป็นทัศนะที่สมเป็นรัฐอิสระจริงๆ

และด้วยวาจาและการควบคุมที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ยากจะควบคุมนี้ พร้อมจะปะทุเป็นปัญหาได้ตลอด

ขณะที่พรรคภูมิใจไทย “สารหนู” ก็พร้อมจะเป็นพิษได้ตลอดเช่นกัน ด้วยความหวาดระแวงพรรคหลักอย่างพลังประชารัฐ ที่พร้อมดึงเอากระทรวงเกรดเอกลับไปดูแลตลอด

ต่างฝ่ายจึงต่างคุมเชิงกันตลอด

ซึ่งนี่ก็เป็นคำตอบแบบง่ายๆ ว่า ทำไมสมการการเมือง รัฐอิสระ + สารหนู = อิเหนาเมาหมัด

     จึงถอดออกมาเป็น “วิกฤต” ได้ตลอดเวลา