เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์ สิ่งที่เห็นจาก ‘คน’ ในซีเกมส์

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

สิ่งที่เห็นจาก ‘คน’ ในซีเกมส์

แม้กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์จะผ่านพ้นไปแล้ว

แต่ก็ยังมีเรื่องที่ให้พูดถึงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของ “คน” ตามที่จั่วหัวเรื่องไว้

แม้การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้จะมีหลายเรื่องที่ไม่น่าประทับใจ รวมทั้งมีหลายอีเวนต์กีฬาที่ไม่เป็นไปตามคาด แต่ในผืนทะเลเดือดของการแข่งขันขับเคี่ยวกันชิงเหรียญรางวัล ก็มีเรื่องของ “คนกีฬา” ที่น่าประทับใจและชื่นชมไม่น้อย

เริ่มจากนักกีฬาเซิร์ฟบอร์ดของประเทศเจ้าภาพ “โรเจอร์ คาซูเกย์” ที่แสดงให้โลกเห็นถึงสปิริตนักกีฬาอันยอดเยี่ยม จากการที่ได้ละทิ้งการแข่งขันเพื่อเหรียญตรงหน้า เพื่อหันกลับไปช่วยเหลือนักกีฬาคู่แข่งจากประเทศอินโดนีเซียที่กำลังจมน้ำเพราะถูกคลื่นพัดกระหน่ำจนเสียหลัก และได้ช่วยเหลือจนพากลับมาถึงฝั่งด้วยกันอย่างปลอดภัย

เป็นการเห็น “ชีวิตคน” มีค่ากว่า “ชัยชนะ”

สุดท้าย คาซูเกย์ก็สมหวัง เพราะด้วยสปิริตนี้ จึงทำให้คณะกรรมการจัดให้มีการแข่งขันขึ้นใหม่ในวันถัดมา และเป็นคาซูเกย์ที่สามารถเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ

พูดได้ว่าเหรียญทองเหรียญนี้มีค่าสูงส่งมากกว่าเหรียญทองใดๆ ในการแข่งขันนี้ทั้งหมด

และนั่นทำให้ “มิตรภาพของการกีฬา” บังเกิดขึ้น ท่ามกลางกระแสการบ่นก่นด่าประเทศเจ้าภาพ จนจะว่าไปแล้วเหตุการณ์นี้ได้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นของเจ้าภาพไม่น้อย

และในวันพิธีปิด คาซูเกย์ก็ได้เป็นผู้ถือธงประเทศฟิลิปปินส์นำทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าสู่สนามท่ามกลางเสียงปรบมือชื่นชมดังก้องสนาม

 

ข้ามมาทางฟากนักกีฬาไทยของเราบ้าง ที่ดูจะโดดเด่นและได้รับความสนใจและชื่นชมไม่น้อย เห็นจะเป็นนักกรีฑาระยะไกล “คีริน ตันติเวทย์” นักกีฬาลูกครึ่งไทย-สหรัฐอเมริกา ผู้คว้าเหรียญทองวิ่ง 5,000 เมตร และ 10,000 เมตรให้กับทัพนักกีฬาไทยในซีเกมส์ครั้งนี้

แค่ผลงานก็คุณภาพคับแก้วแล้ว แต่ประวัติของคีรินเองก็น่าสนใจไม่น้อย

เขาเป็นบุตรชายของ ดร.วรเวช ตันติเวทย์ ที่ไปทำงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา คีรินจึงเติบโตเล่าเรียนที่นั่นจนปัจจุบันได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ชั้นปีที่ 4 คณะเศรษฐศาสตร์

คีรินเป็นคนที่ชื่นชอบการวิ่งมาตั้งแต่เด็ก เขาลงแข่งขันและเก็บเหรียญมาหลายรายการ รวมทั้งเป็นนักกรีฑาสมัครเล่นของมหาวิทยาลัยด้วย

เขามีความต้องการจะเป็น “ตัวแทนประเทศไทย” เพื่อลงแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ และมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลงานให้พี่น้องคนไทยมีความสุขให้ได้ เขาส่งประวัติและผลงานมาให้สมาคมกรีฑาฯ พิจารณา และในที่สุดเขาก็ได้ร่วมเป็นหนึ่งในทัพนักกีฬาของไทย

ภาพการสปริ๊นต์ในช่วงระยะสุดท้ายของการวิ่งและแซงคู่แข่งที่นำหน้าอยู่ เข้าเส้นชัยไปอย่างงดงามในทั้ง 2 รายการ เรียกความฮือฮาและความสนใจจากแฟนๆ กีฬาไม่น้อย และก็ได้พบเรื่องราวข้างหลังของเขาที่ล้วนประทับใจ เช่น

ด้วยกฎของการเป็นนักกีฬาสมัครเล่นของมหาวิทยาลัยที่สังกัดอยู่ เขาจะไม่สามารถรับเงินรางวัลจากการแข่งขันในทุกๆ ระดับได้ เขาจึงยินดีบริจาคเงินให้กับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันเก่าที่พ่อของเขาได้เล่าเรียนมา

หรือหากย้อนไปชมคลิปเก่าๆ ของเขา ในการแข่งขันวิ่ง 3,000 เมตรระหว่างมหาวิทยาลัยด้วยกันที่แมสซาชูเซตส์ เขาวิ่งไปถึงระยะ 500 เมตรเองก็ต้องวิ่งด้วยรองเท้าข้างเดียว เพราะอีกข้างนั้นหลุดออกและเขากลัวเสียเวลาจึงสลัดมันทิ้งไป เขาทนวิ่งด้วยฝ่าเท้าเปล่าๆ ข้างเดียวบนผิวของลู่วิ่งที่หยาบกร้านและร้อน ผิวหนังใต้ฝ่าเท้าของเขาเปิดออกและมีแผลลึก แต่เขาก็อดทน กัดฟัน วิ่ง วิ่ง วิ่ง

และในที่สุดเขาก็เข้าเป็นที่หนึ่งจนได้

หลังเข้าเส้นชัย เจ้าหน้าที่รีบทำการปฐมพยาบาลเขาและพาส่งโรงพยาบาลทันที

ขอกราบหัวจิตหัวใจที่กล้าแกร่งเสียจริงๆ

อีกเรื่องหนึ่งที่น่ารักคือ ในพิธีรับเหรียญทองจากการวิ่งระยะ 5,000 เมตร เขาไม่ได้อยู่ร่วมด้วย เพราะต้องบินกลับไปสอบที่มหาวิทยาลัยทันที ตอนที่เพลงชาติไทยดังก้อง เขาอยู่บนเครื่องบินแล้ว แต่ก็เชื่อว่าความภูมิใจที่เกิดเป็น “คนไทย” จะสร้างความปลื้มปีติให้เขาได้แน่นอน

 

จากฝ่ายชายมาถึงฝ่ายหญิงบ้าง ขอพูดถึงนักกีฬาวอลเลย์บอลกันบ้าง

เธอผู้นี้เป็นที่รู้จักและชื่นชมของแฟนๆ กีฬาวอลเลย์บอลมาอย่างยาวนาน เธอคือ “กัปตันกิ๊ฟ-วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์”

ผู้ซึ่งจบเส้นทางการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากได้แข่งขันมาแล้ว 9 ครั้ง และเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่หาทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยคว้าเหรียญทองมาครองได้ถึง 14 ครั้ง ไม่นับกับความสำเร็จในอีเวนต์กีฬาอื่นๆ อีกมาก

เมื่อแต้มสุดท้ายของการขึ้นแชมเปี้ยนชิพพอยต์ได้รับเสียงนกหวีดดังขึ้น นั่นเป็นเครื่องหมายว่าเกมได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมชัยชนะของทีมหญิงไทยตามความคาดหมาย

นักกีฬาและสต๊าฟโค้ชกระโดดดีใจกันเป็นวงกลม พร้อมสวมกอดกันอย่างดีใจสุดสุด แม้จะไม่ได้เกินความคาดหมายถึงความสำเร็จนี้ แต่ที่ทุกคนดีใจคือ เป็นการปิดฉากลงอย่างสวยงามของนักกีฬารุ่นใหญ่ของทีมหญิงไทยหลายๆ คนกับทัวร์นาเมนต์นี้ โดยเฉพาะกับกิ๊ฟ วิลาวัณย์ ที่ร้องไห้ออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ

เคยอ่านประวัติของกิ๊ฟ เธออาจจะต่างจากนักกีฬาคนอื่นๆ ที่เล่นวอลเลย์บอลด้วยสาเหตุต่างๆ กันไป บ้างก็เล่นเพื่อสร้างฐานะให้ครอบครัว บ้างก็เล่นตามคนอื่น บ้างก็เล่นเพราะถูกบังคับ หรือเล่นเพราะจะได้เรียนฟรี

แต่กับกิ๊ฟแล้ว เหตุผลของเธอง่ายๆ สั้นๆ แต่งดงามคือ “เพราะรักที่จะเล่น” อย่างเดียวเลย

และเพราะ “ความรักแบบหมดจิตหมดใจ” ที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Passion นั้น จึงทำให้เธอมาถึงวันนี้ได้อย่างสง่างาม

ด้วยวัย 35 ปี กับการใช้ร่างกายอย่างหนักมาตลอด 20 ปีของการเล่นวอลเลย์บอล ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ใครคนหนึ่งจะรักษาสภาพความฟิต ความสมบูรณ์ของร่างกายได้ดีเช่นนี้ แฟนๆ กีฬาจะได้เห็นการเคลื่อนที่อย่างกระฉับกระเฉงว่องไวของเธอตลอดเวลา เธอวิ่งตามเก็บลูกทุกลูกชนิดที่ “ไม่น่าจะทำได้” มาแล้ว

เธอกระโดดตบเพื่อทำคะแนนให้ทีมอย่างต่อเนื่อง ด้วยลีลาการตบการหยอดที่หลากหลายที่ล้วนมาจากประสบการณ์ทั้งสิ้น

นอกจากนั้น สิ่งที่โดดเด่นของวิลาวัIย์คือ “การเป็นผู้นำ” ในเกมเราจะเห็นเธอบัญชาการรบตลอดเวลา เมื่อทีมพลาดก็จะปลุกเร้าให้กำลังใจให้ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ทุกครั้ง ระหว่างที่เกมดำเนินไปอย่างกดดัน ในความเป็นนักกีฬาเธอไม่เคยเล่นตุกติก หรือมีอารมณ์ใดๆ เกินงามเลย

เมื่อใดที่เธอเป็นหนึ่งในผู้เล่นในสนาม ลูกทีมจะรู้สึกได้ถึงความมั่นใจ ตื่นตัว และมีพลัง

เมื่อใดที่ยืนอยู่นอกสนามในพื้นที่นักกีฬาสำรอง เธอก็ส่งพลังและเสียงเชียร์ให้เพื่อนร่วมทีมในสนามตลอดเวลา

นี่คือตัวอย่างของคนที่ทำอะไรด้วยความรัก ความมุ่งมั่น อดทน ฝ่าฟันอุปสรรคโดยไม่ย่อท้อ และมีกำลังใจคิดบวกตลอดเวลา

ไม่ว่าจะเป็น กิ๊ฟ-วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ หรือคีริน ตันติเวทย์ หรือโรเจอร์ คาซูเกย์ ที่เราเห็นได้จากกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ที่ขอชื่นชมจากใจจริง