วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร /เป้าหมายคือ ถิงเซิง จิ้งหวัง (24)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

เป้าหมายคือ ถิงเซิง จิ้งหวัง (24)

พลันที่เงาร่างเล็กๆ ทั้ง 5 จากเรือนขังไพร่ด้านหลัง ขันทีเดินตัวลีบตัวงอเข้ามาในตำหนักก่อนก้มหน้าหมอบคุกเข่าแทบจะม้วนเป็นก้อนกลม

จิ้งหวังที่แต่เดิมบังเกิดความคลางแคลงในใจ ยามนี้เห็นถิงเซิงอยู่ในกลุ่มเด็ก

ก็เริ่มกระจ่างแจ้งไปกว่าครึ่ง เมื่อมองดูโดยรอบเห็นทุกคนพุ่งความสนใจไปทางนั้นจึงรีบหาโอกาสกระซิบกล่าวกับองค์หญิงจิ่งหนิงผู้เป็นพระขนิษฐาซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างหลายคำก่อนสุรเสียงของจักรพรรดิจะก้องกังวาน

“เงยหน้าขึ้นแจ้งอายุมาแล้วเป็นลูกหลานของขุนนางชั่วคนไหน”

“ไพร่ชั่ว 11 ขวบ” เสียงกราบทูลแผ่วเบาจากถิงเซิงดังขึ้น “หลานของมหาบัณฑิตจิ้งขุย เพราะความผิดคดีคุมสอบ ได้รับโทษทัณฑ์”

เหมยฉางซูปวดใจขึ้นมาฉับพลัน ต้องรีบยกชาดื่มลงคอกลบเกลื่อนอาการ

คิดถึงตอนนั้นในขณะที่ถูกจับเข้าเรือนขังไพร่โดยปราศจากความช่วยเหลือจากคนภายนอกอย่างสิ้นเชิง เหล่าสตรีของฉีหวังกลับสามารถร่วมแรงประสานใจช่วยกันวางแผนกลบเกลื่อนฐานะให้ถิงเซิงซึ่งเป็นลูกกำพร้าที่รอดตายมาได้หวุดหวิดคนนี้

ปกป้องให้รอดพ้นจากการถอนรากถอนโคนของรัชทายาทและอวี้หวัง พวกนางควรค่าแก่การนับถือยิ่งนัก

 

เมื่อเหมยฉางซูคัดสรรเด็ก 3 จาก 5 คนโดย 1 ใน 3 มีถิงเซิงรวมอยู่ด้วยพร้อมกับขอพระราชานุญาตให้พากลับไปสอนสั่งยังที่พัก

“หากหลังจากนี้ 2 วันสามารถเอาชนะได้จริง เจิ้นจะปูนบำเหน็จอย่างงาม”

เหมยฉางซูถอนใจก่อนทูล “ฝ่าพระบาททรงมีพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น ทว่าคำพูดขององค์หญิงเมื่อครู่มีเหตุผลยิ่ง เด็กน้อยเหล่านี้เป็นเพียงนักโทษไพร่ ปูนบำเหน็จเงินทองกลับหามีประโยชน์อันใด”

“เข้าใจผิดแล้ว เจิ้นหมายถึงปูนบำเหน็จขุนนางซูต่างหาก”

“เอ๊ะ” เหมยฉางซูตกตะลึง “กระหม่อมคงไม่ต้อง คนที่ลงแรงคือพวกเขา ฝ่าบาทมิสู้ปูนบำเหน็จเป็นอิสรภาพให้แก่พวกเขา”

“ถ้าหากเอาชนะได้ เจิ้นจะปูนบำเหน็จ ปูนบำเหน็จ”

ขณะทรงกำลังครุ่นคิดว่าควรจะให้อะไรเป็นรางวัล องค์หญิงจิ่งหนิงพลันแทรกขึ้น

“เสด็จพ่อ อย่างไรก็ต้องปูนบำเหน็จให้หนักนะเพคะ พวกเขาถึงยอมทุ่มกายถวายชีวิตท่านซูถึงจะสอนสั่งได้ดังใจ ความหมายของหม่อมฉันคือ พระมหากรุณาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่มีอะไรดีไปกว่างดเว้นไม่ต้องทำงานหนัก

ให้พวกเขาสามารถออกมามีชีวิตอิสระนอกเหนือเรือนขังไพร่ได้ เสด็จพ่อต่อให้ประทานเงินทองเท่าภูเขา ยังมิสู้มอบสิ่งนี้ดีกว่า”

 

จักรพรรดิเหลียงทรงเห็นพระธิดามีความเวทนาเด็กไพร่เหล่านี้อย่างจริงใจ เพื่อให้นางเบิกบานใจบวกกับเด็กน้อยไม่กี่คนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอันใด

จึงไม่ทรงขบคิดมากความ ทรงผงกพระเศียรทันที

“ตกลง เจิ้นตามใจเจ้า หากพวกมันสามารถสร้างผลงาน เจิ้นจะเว้นโทษไม่ต้องทำงานชั้นต่ำ ให้ทำงานอื่นๆ ในวังที่เหมาะสมแทน”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ ลูกรู้ว่าเสด็จพ่อเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมอย่างที่สุด”

จักรพรรดิเหลียงวางพระหัตถ์บนแขนของขันทีแล้วประทับยืนขึ้น ผู้คนในห้องโถงยืนค้อมกายส่งเสด็จอย่างเป็นระเบียบ กระทั่งพระองค์ลับตาค่อยทยอยแยกย้าย รัชทายาทและอวี้หวังยามนี้รีบรุดตรงมาหมายสอบถามเหมยฉางซูว่ามีความมั่นใจหรือไม่

มีเพียงจิ้งหวังที่แยกตัวออกไปตามลำพังอย่างเงียบๆ

“ไห่เยี่ยน” ระบุว่า แววตาเหมยฉางซูทอประกายชื่นชม พลางออกปากชมเชยเหมือนกับอดใจไม่อยู่ “คิดไม่ถึงว่าจิ้งหวังกลับสุขุมเยือกเย็นปานนี้ ไม่พูดจามากความ ไม่กระทำมากเรื่อง ไม่ว่าเกิดเหตุการณ์ใดก็ไม่เคยเห็นเขามีสีหน้าประหลาดใจหรือเสียการควบคุมมาก่อน บุคลิกน่านิยมสมกับเป็นองค์ชายจริงๆ”

รัชทายาทและอวี้หวังพอได้ยิน ที่แท้อัจฉริยะฉีหลินชมชอบผู้มีบุคลิกเช่นนี้จึงรีบกลืนคำถามที่มีอยู่เต็มท้องกลับลงไป เพียงพูดคุยเรื่องทั่วไป 2-3 คำ

ก็เดินออกไปด้วยท่าที “สุขุมเยือกเย็น” ลักษณะเดียวกัน

เหมยฉางซูใช้ประโยคเดียวไล่ไปได้ทั้ง 2 องค์ชาย พอหันกลับก็เห็นหนีหวงจวิ้นจู่ส่งยิ้มพลางพยักหน้าให้ สีหน้าเปี่ยมแววเลื่อมใสจึงยิ้มตอบไปอย่างเสียไม่ได้

 

ต้องยอมรับว่าการนำเอา “ถิงเซิง” ออกจากเรือนขังไพร่อย่างชอบธรรมเป็นความต้องการอย่างยิ่งยวดของจิ้งหวัง

และนี่คือข้อต่อรองที่จิ้งหวังเรียกร้องต่อเหมยฉางซู

ขณะเดียวกัน เหมยฉางซูเองก็ต้องการหลักประกันและความวางใจอย่างสิ้นเชิงจากจิ้งหวังในการดำเนินการตามแผนชิงบัลลังก์

นี่คือ “กลยุทธ์” แรกสุดเพื่อสร้างความศรัทธาจากจิ้งหวัง