“ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” เล่าตอนสุดท้ายในชีวิต “รับเสด็จ ร.9 ณ น้ำตกป่าละอู”

ตอนที่1 / ตอนที่ 2

ขอบรรยายเพิ่มเติม โดยกล่าวถึงเรื่องราวการทำงานในอดีตที่ผ่านมา

คือ ข้าพเจ้าทำงานในหน้าที่รักษาทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า มีทั้งเรื่องที่สุข ทุกข์ ลำบาก และเสียใจมากมาย แต่ไม่มีผู้บริหารในอดีตมาให้กำลังใจ หรือสอบถามปัญหาต่างๆ ที่ข้าพเจ้าได้ประสบขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่กลับตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง จนถึงขั้นโดนโยกย้าย โดยไม่เคยถามแม้สักคำเดียวว่า “เกิดอะไรขึ้น”

แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงงานหนักตลอดเวลา เหนื่อยทั้งพระวรกายและพระราชหฤทัย พระองค์ทรงรับรู้เรื่องราวการรักษาป่าของข้าพเจ้า ทรงห่วงใย ทรงตรัสถามเกือบทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

ต่อจากนั้น ทรงทอดพระเนตรเรื่องของจระเข้น้ำจืดที่ได้จัดแสดงเป็นแผนภาพไว้

ข้าพเจ้าจึงได้ถวายรายงาน

“จระเข้น้ำจืดในแม่น้ำป่าละอูและแม่น้ำปราณบุรีในอดีตเคยมี แต่ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ยังคงมีอยู่ที่แม่น้ำเพชรบุรี ตอนนี้การสำรวจตามหลักวิชาการมีเพียง 5 ตัว โดยทางเราพบรังที่จระเข้วางไข่ และได้เก็บรังและไข่เอามาฟักไว้เป็นตัวอยู่ 7 ตัว”

ในหลวงตรัสถามว่า

“แล้วจะทำอย่างไรต่อ”

จึงทูลตอบว่า

“จะนำไปปล่อยบริเวณต้นแม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งเป็นถิ่นอาศัย ทั้งหมดนี้เป็นงานที่เจ้าหน้าที่ภาคภูมิใจ เราสามารถอนุรักษ์สายพันธุ์จระเข้น้ำจืดได้ และมันเป็นสิ่งที่พวกเราควรทำพระพุทธเจ้าข้า”

ในหลวงได้ฟังก็ทรงแย้มพระสรวล หัวใจของข้าพเจ้าก็พองโตอีกครั้ง

หลังจากนั้นทอดพระเนตรภาพของสัตว์ป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่พวกเราจัดมาเป็นกลุ่ม Big 5 (บิ๊กไฟว์) ได้แก่ ช้าง กระทิง เลียงผา สมเสร็จ เสือดาว คุณใหม่จึงกล่าวถามตอนนั้นว่า

“ยังมีอยู่อีกหือ”

ข้าพเจ้าจึงตอบว่า

“ธรรมชาติที่นี่ค่อนข้างสมบูรณ์ พวกเจ้าหน้าที่ทุกคนจึงมุ่งมั่นที่จะรักษาป่าเอาไว้ให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หายากเหล่านี้ ซึ่งที่นี่มีค่อนข้างมากและชุกชุม จากการที่เราสำรวจและจากการลาดตระเวนพบว่ามีการพบบ่อยครั้ง จากอุจจาระ จากร่องรอยเท้าของสัตว์ จากการเจอตัว โดยเฉพาะเสือดาวที่นี่เราพบเป็นจำนวนมาก”

ต่อไปเป็นการอธิบายเรื่องนก

“นกในเขตพื้นที่ ได้แก่ นกกก นกเงือก ส่วนนกที่เด่นและมีแห่งเดียวในประเทศไทยคือ นกกะลิงเขียดหางหนามซึ่งอาศัยอยู่ที่พะเนินทุ่ง ถัดไปเป็นเรื่องผีเสื้อที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีผีเสื้อหลากหลายชนิด ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาส่องนกหรือถ่ายภาพ จะสนใจผีเสื้อมากซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูใจนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่วนเรื่องพันธุ์ไม้หายาก หรือพันธุ์ไม้เด่นของที่นี่ก็มี แตงพะเนินทุ่ง โมรีสยาม จำปาหลวง พันธุ์ไม้เหล่านี้ถึงแม้จะมีอยู่ทั่วไป แต่ก็เป็นพันธุ์ไม้ใกล้สูญพันธุ์เช่นเดียวกันพระพุทธเจ้าข้า”

ต่อจากนั้นพระองค์ได้ทอดพระเนตรวิดีทัศน์เกี่ยวกับน้ำตกป่าละอูและสัตว์ป่า ซึ่งเป็นภาพช้างกำลังเล่นน้ำ ขณะนั้นเป็นเวลาส่วนพระองค์ ข้าพเจ้าจึงถอยออกมาด้านหลัง และในขณะที่ในหลวงทอดพระเนตรช้างกำลังเล่นน้ำอยู่นั้น คุณใหม่กับพยาบาลส่วนพระองค์ ก็กระเซ้าเย้าแหย่กันว่า

“เมื่อกี้ปล่อยนก ปล่อยเม่น ไม่ได้ปล่อยช้างด้วย”

คือคุณใหม่ตั้งใจหันไปแหย่พยาบาลที่รูปร่างเจ้าเนื้อหน่อย ในหลวงก็ทรงแย้มพระสรวลขึ้นมา

 

ขณะเดียวกันพระองค์ได้หันมามองข้าพเจ้าเหมือนกำลังอยากจะถามอะไร ข้าพเจ้าจึงคลานเข้าไปใกล้ๆ ในหลวงตรัสถามว่า

“แล้วช้างยังอยู่ไหม”

ซึ่งข้าพเจ้าเข้าใจได้ทันทีว่า หมายความถึงช้างที่พวกเราพบซึ่งเป็นช้างสีประหลาด ข้าพเจ้าจึงทูลตอบว่า

“ยังพบอยู่ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำกะหร่าง 3 พระพุทธเจ้าข้า”

พระองค์ท่านก็ทรงแย้มพระสรวล และรับสั่งทันทีว่า

“ฝากดูแลพวกเขา (ช้าง) ด้วย”

ในระหว่างนั้นพยาบาลที่ติดตามทูลว่า

“ที่พะเนินทุ่งอากาศดี ทะเลหมอกสวย”

ในหลวงก็ตรัสถามว่า

“พะเนินทุ่งเป็นอย่างไร”

ข้าพเจ้าจึงถวายรายงานตอบว่า

“พะเนินทุ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดูทะเลหมอก ลักษณะเป็นป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าพระพุทธเจ้าข้า”

พยาบาลก็ถามว่าอุณหภูมิตอนนี้ประมาณเท่าไร ข้าพเจ้าตอบไปว่า

“ตอนเช้าประมาณ 10 องศาในหน้าหนาว ถ้าช่วงเมษายนอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 22 องศาเซลเซียส”

ในหลวงก็ทรงแย้มพระสรวล ทุกคนก็เหมือนพูดชักชวนให้พระองค์เสด็จพะเนินทุ่ง จึงตรัสว่า

“อยากไปกันหรือ”

ในขณะนั้นข้าพเจ้าถือว่าได้ใกล้ชิดและอยู่ใกล้พระองค์ค่อนข้างนาน ได้มีโอกาสสนทนาและรายงานหลายเรื่องทำให้พูดผิดพูดถูก แต่พระองค์ก็มิได้ถือสาข้าพเจ้าแต่อย่างใด

พระองค์ไม่ถือสาคนธรรมดาอย่างข้าพเจ้า ฉะนั้น ความรู้สึกของคนทำงานมาทั้งชีวิตอย่างข้าพเจ้า ในตอนนี้มันยิ่งใหญ่แล้ว และคาดไม่ถึงว่า จะมีโอกาสเช่นวันนี้ และมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ความรู้สึกมันไม่ได้ตกใจ มันเป็นความปีติ ภูมิใจอย่างหาที่สุดมิได้

 

หลังจากนั้นเสด็จทอดพระเนตรน้ำตกเป็นการส่วนพระองค์ ส่วนข้าพเจ้าก็ถอยหลังออกมา สิ่งที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้ในเวลานั้นก็คือ ข้าราชบริพารส่วนพระองค์ให้เกียรติกับเจ้าหน้าที่ทุกคนอย่างมากตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าประทับใจเช่นกัน

รวมเวลาที่ในหลวงประทับทอดพระเนตร ณ จุดพลับพลาที่ประทับทั้งสิ้นประมาณ 30-40 นาที จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ

ข้าพเจ้าจึงออกไปรอส่งเสด็จบริเวณทางออกใกล้จุดที่รถยนต์พระที่นั่งจอดประทับอยู่ ข้าพเจ้ายืนอยู่คนแรกทางด้านซ้าย ขวามือสุดคือผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คนกลางคือ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15

ในขณะนั้นคุณใหม่จึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวถวายรายงาน หลังจากนั้นพวกเราทั้งสามคนจึงนั่งพับเพียบ และก้มลงกราบพร้อมกัน

ในขณะนั้นพระองค์ได้หันมาที่ข้าพเจ้าและตรัสว่า

“ขอแสดงความยินดีด้วย หัวหน้า”

ซึ่งเป็นพระราชดำรัสสุดท้ายที่ตรัสกับข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้ามิอาจลืมได้และจะขอจดจำจารึกไว้

“ขอแสดงความยินดีด้วย หัวหน้า”

โดยทั้งท่านผู้ว่าฯ และ ผบ.มณฑล ต่างสงสัยพระราชดำรัสที่ตรัสกับข้าพเจ้า เมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับแล้ว ทุกคนก็หันมาแสดงความยินดีกับข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าเป็นคนที่โชคดีมาก ที่พระองค์ทรงสนพระทัย ความเป็นไปเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าพเจ้าทุกเรื่อง

คำว่า “ขอแสดงความยินดีด้วย หัวหน้า”

ข้าพเจ้ารับรู้ได้ในขณะนั้นว่าคือคำขอบคุณจากในหลวง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่า เพราะป่าคือแหล่งต้นน้ำ มีป่า มีน้ำ มีสัตว์ป่า ทรัพยากรป่าไม้เป็นทุนเดิมที่คนไทยมี แต่ปัจจุบันนี้เริ่มหมดไป ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสมากมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าให้คนไทยได้ตระหนัก

ข้าพเจ้าอยากบอกทุกคนว่า ในหลวงทรงเอาพระทัยใส่คนไทยทุกคน และทุกคนก็ทำดีเพื่อในหลวงอยู่แล้ว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พระองค์ทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่ทุกคน เพราะในหลวงตรัสว่า

“ลำบากนะ คงลำบากมากสินะ ก็คงต้องเหนื่อย ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนอดทน”

ทำให้พวกเรามีความปลื้มปีติมาก

ทั้งหมดคือสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากบันทึกจดจำ อยากบอกกับทุกคน และมีข้อความหนึ่งที่อยากบอกให้คนไทยทุกคนได้รับรู้ว่า

“ในหลวงรักพวกเราทุกคน”