ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 ธันวาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
การตัดสินใจทิ้งเก้าอี้ ส.ส.และลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
ถ้าเป็นการลงทุน ก็ถือเป็นการลงทุนใหญ่
อันหมายความว่า ควรมีผลตอบแทนที่ดี หรือต้องสมน้ำสมเนื้อ
จึงจะคุ้มค่า
ซึ่งที่สุด ก็เฉลยออกมาแล้ว
นั่นคือ ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ถือเป็นนักการเมืองไม่กี่คนที่ฝ่าเข้าไปใกล้ศูนย์กลางอำนาจที่แวดล้อมด้วยทหาร
ไม่เพียงเท่านั้น
ยังอื้ออึงกับผลตอบแทนอีกชิ้น
นั่นคือ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ซึ่งว่าตามเนื้อผ้า ด้วยความเป็นนักกฎหมาย เป็นผู้พิพากษามาก่อน เป็น รมว.ยุติธรรม เป็น ส.ส.มาหลายสมัย
นายพีระพันธุ์มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ทุกประการ
การวางตัวนายพีระพันธุ์ให้มีบทบาททั้งทำเนียบและสภาเช่นนี้
คนคิด ต้องถือว่าไม่ธรรมดา
และมองการเมืองทะลุทีเดียว
เพราะหากมองการเมืองในปีหน้า รัฐบาลเผชิญปัญหาหนักแน่
พรรคร่วมแต่ละพรรค ต่างก็มีแผนหลัก แผนสำรอง
ที่พร้อมงัดออกมาใช้
ที่ถูกจับตามองมากคือพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ช่ำชองเกมการเมือง
ที่คงไม่ยอมจมไปกับเรือเหล็กแบบเชื่องๆ
อย่างที่เราเห็นตอนนี้ พรรคประชาธิปัตย์เล่นบททั้งชม ทั้งด่า “ลุงตู่”
ในระดับบน ก็จูบปากในฐานะพรรคร่วม
ส่วนในระดับพรรค ก็มีพลพรรคคอยทิ่มคอยแทงเรื่องเผด็จการ เรื่องรัฐธรรมนูญอยู่เนืองๆ
และหากรัฐบาลเกิดเพลี่ยงพล้ำไปไม่ได้
มีความเป็นไปได้สูงที่พรรคประชาธิปัตย์จะชูธงประชาธิปไตย กลับไปสู่การต่อสู้กับเผด็จการอีกครั้ง
คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็อาจเป็นอีกเวทีหนึ่ง
ที่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้โชว์ความเป็นพระเอก
นี่เอง จึงอาจทำให้ชื่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ถูกนำเสนอให้นั่งประธานกรรมาธิการ
ในฐานะศิษย์เก่าประชาธิปัตย์
ที่ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
ไม่ยอมให้ใครหรือพรรคไหนมาเล่นเกม หรือชี้นำง่ายๆ
เรายังไม่รู้ว่านายพีระพันธุ์มีธงจากรัฐบาลถือมาด้วยหรือไม่
คือ ศึกษาเพื่อศึกษา
มิใช่ศึกษาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ
จึงต้องเป็นภารกิจของคนที่มีภาพที่ดี ขณะเดียวกันก็ทันเกม ทันเหลี่ยม มาคุมเกมในกรรมาธิการเอาไว้ให้อยู่มือ
มิให้พรรคการเมืองไหนมาช่วงชิงความเป็นพระเอก
แม้ว่าพรรคนั้นจะเป็นพรรคเก่า และเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกันก็ตาม