วิเคราะห์ : “เกรียตา” บุคคลแห่งปี 2562 ของไทม์

ทวีศักดิ์ บุตรตัน

การที่นิตยสารไทม์ยกย่องให้ “เกรียตา ทุนเบิร์ก” เป็นบุคคลแห่งปี 2562 พร้อมคำพาดหัวว่า The Power of Youth หรือพลังของเยาวชน ถือได้ว่าสื่ออเมริกันที่ทรงอิทธิพลระดับโลกเชิดชูเกียรติเด็กสาวชาวสวีดิชวัย 16 ปีอย่างยิ่งใหญ่

เพราะตั้งแต่ปี 2470 ไทม์จัดคัดเลือกบุคคลแห่งปี ปรากฏว่าปีนี้เป็นปีแรกที่เลือกบุคคลแห่งปีอายุน้อยที่สุด

“เอ็ดเวิร์ด เฟลเฟนทาล” บรรณาธิการนิตยสารไทม์ ให้เหตุผลว่า “เกรียตาคือผู้ที่ออกมาส่งเสียงเรียกร้องมากที่สุด ในประเด็นใหญ่ที่สุดที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ทั้งที่จุดเริ่มต้นนั้นไม่น่าจะกลายเป็นกระแสโลกไปได้เลย”

ในความหมายของเอ็ดเวิร์ด เหมือนคล้ายจะตั้งคำถามว่า “เกรียตา” มาถึงจุดฮิตฮอตได้อย่างไร?

 

เกรียตาซึมซับเรียนรู้เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศและผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมทั้งจากครูในโรงเรียนและนายสเวนตี อาร์เรเนียส (Svante Arrhenius) นักเคมีเจ้าของรางวัลโนเบลซึ่งศึกษาระดับความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีผลต่ออุณหภูมิบนพื้นผิวโลก ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของ “สเวนตี้ ทุนเบิร์ก” ผู้เป็นพ่อเกรียตา

การเรียนรู้ดังกล่าวมีผลต่อพฤติกรรมเด็กสาวผู้นี้ ปกติเป็นคนเก็บตัวเงียบๆ อยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นเด็กซึมเศร้า ไม่พูดไม่จากับใคร ไม่ยอมกินข้าวปลาจนเกือบจะเป็นโรคขาดสารอาหาร ต้องนำตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล

จากนั้นเกรียตาหันมาเอาจริงเอาจังกับการเรียกร้องแก้ปัญหาโลกร้อน เริ่มจากการปลุกกระแสในครอบครัวเลิกกินเนื้อสัตว์ ปลูกพืชผักสวนครัวเอาไว้ทำอาหารเอง

แถมยังบอกพ่อซึ่งเป็นนักแสดง และแม่ที่มีอาชีพนักร้องโอเปร่า ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยเครื่องบิน

รวมถึงร้องขอให้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซพิษสู่ชั้นบรรยากาศ

 

กลางเดือนสิงหาคม ปี 2561 “เกรียตา” ประกาศหยุดเรียนในวันศุกร์ไปนั่งประท้วงหน้าอาคารรัฐสภากลางกรุงสตอกโฮล์ม เรียกร้องให้รัฐบาลสวีดิชเร่งแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นช่วงเวลาเดียวกับเกิดปรากฏการณ์คลื่นความร้อนแผ่ซ่านทั่วยุโรป

อุณหภูมิในสวีเดนพุ่งสูงสุดในรอบ 262 ปี และมีไฟป่าเกิดขึ้นหลายจุดบริเวณขั้วโลกเหนือ

เธอถือป้ายเขียนเป็นภาษาสวีดิช “Skolstrejk f?r klimatet” มีความหมายว่า หยุดเรียนประท้วงโลกร้อน

เวลานั้นสแวนตี้แสดงความไม่สบายใจที่ลูกสาวหนีโรงเรียนไปนั่งประท้วงโลกร้อน เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า ครอบครัวของเราเคารพในสิทธิและการแสดงความเห็น ในเมื่อเกรียตายืนหยัดในสิ่งที่เชื่อมั่นและทำแล้วมีความสุข เราก็ไม่ขัดขวาง

เดือนธันวาคมปีที่แล้ว “เกรียตา” เดินทางไปกล่าวสุนทรพจน์ในเวทีของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกครั้งที่ 24 หรือ COP 24 ที่ประเทศโปแลนด์ เธอใช้คำพูดง่ายๆ แต่เสียดแทงความรู้สึกผู้นำโลก

เช่น “พวกคุณทั้งหลายยังไม่โตพอที่จะพูดความจริง และทิ้งภาระให้กับเด็กๆ อย่างเรา”

หรือ “พวกคุณบอกว่ารักเด็กๆ เหนือสิ่งอื่นใด แต่กลับขโมยอนาคตของเด็กๆ ไปต่อหน้าต่อตา”

กระแสนิยม “เกรียตา” แผ่ซ่านไปทั่วโลก เด็กนักเรียนกว่า 100 ประเทศร่วมหยุดเรียนในวันศุกร์ จนผู้นำหลายประเทศยอมรับว่าม็อบนี้มีพลังอันยิ่งใหญ่

สื่อบางฉบับบอกว่า การนัดชุมนุมของเด็กๆ และเยาวชนทั่วโลกในวันศุกร์นั้นเป็นปรากฏการณ์ “เกรียตา เอฟเฟ็กต์”

เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา “เกรียตา” นั่งเรือพลังงานแสงอาทิตย์เดินทางจากเมืองพลีมัธ ประเทศอังกฤษ ไปนครนิวยอร์ก สหรัฐ เพื่อบอกให้โลกรู้ว่ามีทางเลือกอื่นๆ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

 

ความฮอตฮิตของเกรียตาแรงจัดถึงขั้นคอลลินส์ ผู้ผลิตหนังสือและพจนานุกรมรายใหญ่ของโลกยังยกเอาคำว่า “Climate Strike” ที่เกรียตานำไปใช้ในระหว่างการนั่งประท้วงหน้ารัฐสภาสวีเดนเป็น “คำแห่งปี”

ส่วนนิตยสาร “ไทม์” บอกว่า การแก้ไขปัญหาโลกร้อนผ่านกระบวนการทางการเมืองนั้นเป็นเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่สำหรับ “เกรียตา” ซึ่งไม่ได้มีเวทมนตร์คาถาใดๆ กลับทำให้ผู้คนเกิดความเข้าใจและเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องของโลกร้อน

หลังจาก “ไทม์” ยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปี “เกรียตา” เดินทางไปขึ้นเวทีการประชุมภาคีแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 25 หรือ COP 25 ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน

เธอเรียกร้องให้ผู้นำทั่วโลกเลิกกระบวนการทางบัญชีอันชาญฉลาดและแผนงานประชาสัมพันธ์อันแสนงดงามเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่แท้จริงต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

พร้อมกับทำนายว่า ทศวรรษหน้าจะเป็นห้วงเวลาชี้ชะตาอนาคตของโลกใบนี้

สำหรับผลการประชุม COP 25 นั้นข่าวล่าสุดแจ้งว่า มีการบรรลุข้อตกลงสำคัญในเรื่องการจำกัดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปในหลายๆ เรื่อง เช่น ตลาดคาร์บอนไดออกไซด์ ต้องไปคุยกันอีกรอบในปีหน้า ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโลกร้อนแสดงความผิดหวังกับบรรดาชาติต่างๆ ที่เล่นเกมยื้อ ทั้งที่เด็กอย่าง “เกรียตา” ยังมองอนาคตออกว่าจะเกิดเหตุวิบัติกับโลกอย่างไร ถ้าการปล่อยก๊าซพิษมีปริมาณเข้มข้นอย่างที่เป็นอยู่