กรองกระแส / ตลอด 2 รายทาง อนาคตใหม่ การเมืองใหม่ สภาวะปั่นป่วน

กรองกระแส

 

ตลอด 2 รายทาง

อนาคตใหม่ การเมืองใหม่

สภาวะปั่นป่วน

 

อย่าว่าแต่นักการเมืองระดับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะตั้งข้อสงสัยต่ออุบัติแห่ง FLASH MOB ณ สกายวอล์ก ปทุมวัน

หากแม้กระทั่งนักเคลื่อนไหวอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็มีความเป็นห่วง

จึงมิได้เป็นเรื่องแปลกใจที่การคาดหมายไว้ล่วงหน้าจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หรือความไม่แน่ใจอันตามมาจากนายสมชาย แสวงการ หรือความงุนงง ไม่แน่ใจจากนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ตลอดจนนายเทพไท เสนพงศ์ จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

อารมณ์ ความรู้สึก ที่มีต่อการปรากฏขึ้นของ FLASH MOB จึงดำเนินไปเหมือนกับอารมณ์ความรู้สึก ที่เคยมีต่อการปรากฏขึ้นของพรรคอนาคตใหม่

คล้ายกับจะ “รู้” แต่ในที่สุดก็ต้องยอมรับว่าเป็นการรู้ในแบบ “ไม่รู้จัก”

บางคนถึงกับมองว่าทุกปรากฏการณ์ของพรรคอนาคตใหม่เป็นไปในแบบเดียวกับปรากฏการณ์ของมนุษย์ต่างดาวในแบบ “กาเหว่าจากบางเพลง”

ไม่ว่าในเรื่องทางการเมือง ไม่ว่าในเรื่องทางการเคลื่อนไหว

 

การเมือง ไร้เดียงสา

การเมือง อนาคตใหม่

 

ความจริง เวลานับแต่พรรคอนาคตใหม่ปรากฏตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 เด่นชัดเป็นอย่างยิ่ง เป็นการปรากฏตัวโดยแทบจะมิได้เดินไปตามขนบเดิมทางการเมือง

ไม่ว่าจะในแบบ “ประชาธิปัตย์” ไม่ว่าจะในแบบ “ไทยรักไทย”

โดยพื้นฐานที่สุดก็คือ เป็นเรื่องของคนหน้าใหม่อย่างสิ้นเชิง มาพร้อมกับคำประกาศที่จะไม่ใช้ระบบหัวคะแนน ไม่ใช้เงินทุ่มไปในการหาเสียง

ที่สำคัญก็คือ ไม่ยอมให้ใครคนใดคนหนึ่งครอบงำ

อย่าได้แปลกใจหากว่าพรรคอนาคตใหม่จะถูกสบประมาททางการเมือง ประเมินว่าไร้เดียงสา เสมอเป็นเพียงละอ่อนในทางการเมือง

หากได้รับเลือกเข้ามาแค่ 1 หรือ 2 ก็ถือว่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง

แต่เมื่อผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ปรากฏออกมาว่าพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนจากทั่วประเทศมาถึง 6.2 กว่าล้าน และได้ ส.ส.รวมแล้วเท่ากับ 81

จึงสร้างความตื่นตะลึง สร้างความตระหนก

 

อุปสรรค ขวากหนาม

ตลอด 2 รายทาง

 

นับแต่เดือนมีนาคม 2562 พรรคอนาคตใหม่จึงถูกสหบาทาอย่างเป็นระบบ ตั้งเป้ามิให้ได้แสดงบทบาท ตั้งเป้าแรกคือ ไม่ยอมให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เข้าไปแสดงบทบาทในสภา

เป้าหมายต่อไปคือ การยุบพรรค ตัดสิทธิกรรมการบริหาร

เป็นการนำเอาอาวุธแบบเดียวกันกับที่เคยกระทำต่อพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน กระทำต่อนายทักษิณ ชินวัตร กระทำต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ทุกอย่างดำเนินไปตาม “พิมพ์เขียว” นี้ทุกประการ

จากเดือนมิถุนายน 2562 เป็นต้นมา บทบาทของพรรคอนาคตใหม่ในสภามีความโดดเด่นเป็นอย่างสูงโดยการนำของนายปิยบุตร แสงกนกกุล สร้างปรากฏการณ์ใหม่ทางการเมืองอย่างเด่นชัด ปลุกบทบาทของคณะกรรมาธิการไม่ว่าสามัญหรือวิสามัญ

ท่วงท่าและการตระเตรียมเนื้อหาการอภิปรายไม่ว่าจะต่อนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ สร้างความแตกต่างอย่างมากมายพร้อมกับพรรคการเมืองเดิม

แม้ว่าจะถูกปรปักษ์ทางการเมืองสกัด ขัดขวางและสร้างอุปสรรคอย่างไม่ขาดสาย

 

หัวหมู่ทะลวงฟัน

ภาวะป่วนการเมือง

 

หากดูจากเมื่อแรกที่พรรคอนาคตใหม่ปรากฏและสำแดงตัวตนออกมา กระทั่งถึงการสร้างปรากฏการณ์ FLASH MOB ความเป็นจริงหนึ่งคือการดำรงอยู่อย่างเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน

ก่อสถานการณ์ ทำลายอย่างสร้างสรรค์ในทางการเมือง

ด้านหนึ่ง ทำลายขนบและท่วงทำนองเก่าในทางการเมือง การเมืองระบบอุปถัมภ์ การเมืองที่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง สร้างสรรค์การเมืองใหม่ นำเสนอภาพลักษณ์นักการเมืองใหม่ การเมืองที่ไม่ต้องใช้เงิน

ยิ่งมีความพยายามบดขยี้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าในเรื่องหุ้นส่วน ไม่ว่าในเรื่องให้เงินพรรคกู้มาเพื่อวางรากฐาน

ยิ่งฉายสะท้อนเข้าไปยังการเมืองเก่า ก่อภาพเปรียบเทียบกับการเมืองเก่า

ท่ามกลางการเคลื่อนไหวจึงเท่ากับเป็นการวิพากษ์และเจาะทะลวงเข้าไปในพื้นที่ของการเมืองเก่า และนำเสนอการเมืองใหม่ การเมืองที่สร้างสรรค์เข้ามา

          เป็นบทบาทในการป่วน เป็นบทบาทในการดิสรัปต์