มองบ้านมองเมือง/ปริญญา ตรีน้อยใส

คอนโดมิเนียม อีกแล้ว

 

เล่าเรื่องคอนโดมิเนียม ต่อเนื่องหลายฉบับ แต่ดูเหมือนว่ายังมีเรื่องให้มองอีก

ด้วยคอนโดมิเนียมรุ่นใหม่ ล้วนเป็นอาคารสูงสามสิบสี่สิบชั้น จำนวนห้องชุดจึงเป็นหลักร้อย คนที่อยู่อาศัยจึงเป็นพัน

บางโครงการ แม้ว่าอาคารสูงเพียงห้าชั้น แปดชั้น แต่มีรวมกันหลายสิบหลัง หรืออาคารสูงสามสิบชั้น แต่อยู่รวมกันสองสามหลัง รวมแล้วคงมีคนอยู่เป็นพัน พอๆ กับหมู่บ้าน หรือตำบลในชนบทเลยทีเดียว

นอกจากตัวเลขจำนวนคนและความหนาแน่น ในแต่ละวันยังมีคนเดินเข้าออกอาคารทั้งวันทั้งคืน รวมไปถึงรถยนต์อีกไม่น้อย ทำให้การจราจรบริเวณใกล้เคียงติดขัดขึ้นมาทันที

เมื่อมีคนมาก ร้านค้าและสถานบริการก็จะตามมา แบบว่า ถ้าในโครงการไม่มีร้านค้าสะดวกซื้อ รับรองว่า ร้านค้าที่อยู่ข้างๆ จะขายดีคึกคักขึ้นมาทันที รวมทั้งมีร้านกาแฟ ร้านอาหารจานด่วน มาแทนที่ร้านค้าเดิม

หลายโครงการที่ทำให้บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไป จากที่เงียบเหงา กลายเป็นคึกคัก วุ่นวาย แต่ก็มีทั้งคนชอบ เพราะทำมาค้าขายดีขึ้น และมีทั้งคนไม่ชอบ เพราะวุ่นวายเกิน จนอาจต้องทุบรถกันบ้าง

สภาพเช่นนี้ คือการแปรเปลี่ยนของเมืองอื่น ที่เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งปรากฏไปทั่วกรุงเทพฯ ที่แตกต่างไปจากบ้านเมืองอื่น

 

ในต่างประเทศหรือตามตำรา ทางการเป็นฝ่ายริเริ่มวางแผน กำหนดพื้นที่ ตำแหน่งอาคาร แล้วทุกอย่างก็ตามมาตามลำดับ เป็นขั้นเป็นตอน

ในเมืองไทย ใครจะริเริ่ม ใครจะตาม ล้วนเกิดขึ้นเอง ไม่มีผู้กำหนด ไม่มีใครรู้

ในต่างประเทศหรือตามตำรา ทางการจะวางเส้นทางรถไฟ รถราง หรือรถไฟใต้ดิน เพื่อแก้ปัญหาจราจร และลดยานพาหนะส่วนบุคคล กำหนดทั้งตำแหน่งและพื้นที่รอบสถานี เป็นพื้นที่บริการร้านค้า สำนักงาน พื้นที่รอบนอกออกไปถึงจะเป็นที่อยู่อาศัย ที่มีความสูงลดหลั่นลงไป จากตึกสูงใกล้สถานี ไปจนถึงบ้านเดี่ยวไกลสถานีที่จะต้องขับรถยนต์มาจอดแล้วจร

ในเมืองไทยมิได้เป็นเช่นนั้น แม้จะมีผังเมือง คนวางผังก็สนุกกับการระบายสีเขียว สีแดง ที่ไม่มีผลอะไร ที่สำคัญ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับถนน ทางด่วน ทางยกระดับ ไปจนถึงรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและลอยฟ้า

ทันทีที่หน่วยงานอย่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือกรุงเทพมหานครกำหนดเส้นทางและตำแหน่งสถานีรถไฟฟ้า

บรรดานักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จะรีบเร่งหาที่ดินว่างแปลงใหญ่ หรือมีอาคารเล็ก อาคารน้อย แต่เจ้าของเพียงคนเดียวกัน ใกล้ไกลสถานีไม่สำคัญ ขอให้อยู่ในแนวรถไฟฟ้า จากนั้นก็เปิดตัวรับจองและสร้าง บางที่ก็เสร็จก่อนรถไฟฟ้า บางที่ก็เสร็จหลังรถไฟฟ้า คนซื้อก็จะย้ายเข้าอยู่

แล้วทุกอย่างค่อยๆ เกิดขึ้นตามกัน ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ และรถสองแถว จะคอยรับส่งจากสถานีไปถึงคอนโดมิเนียม บริการด้วยความเต็มใจ

 

ร้านค้า อาคารบ้านเรือน ที่อยู่ใกล้สถานี ก็จะเปลี่ยนมือ ปรับปรุง สร้างใหม่ เปิดให้บริการร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารจานด่วนไทยและเทศ ร้านกาแฟทั้งแบบฝรั่ง และรถเข็นกาแฟโบราณ ส่งผลให้บริเวณรอบสถานี และรอบคอนโดมิเนียมคึกคักขึ้นมาทันใด

ยังมีร้านซักผ้า ร้านเสริมสวย ตู้เอทีเอ็ม หรือตู้เติมเงิน ไปจนถึงคอนโดมิเนียมหลายแห่ง ที่เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การค้า หรือสำนักงาน

แบบนี้ก็สะดวก จะกิน จะเดินเล่น หรือแม้แต่ออกกำลังกาย ก็สะดวกไปหมด แต่ก็ยังส่งผลกับพื้นที่ข้างเคียงอยู่ดี

คอนโดมิเนียมทั้งห้าพันกว่าอาคารในกรุงเทพฯ จึงเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนไปจากเดิม อย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง

จึงเปลี่ยนภาพลักษณ์ของบ้านเมืองไปจากเดิม อย่างที่ไม่มีใครได้คิดอะไรไว้