หลังจากส่งคืนที่ดิน 682 ไร่ให้กับกระทรวงเกษตรฯ ก็มีคลิป ปารีณา ไกรคุปต์ ร้องเพลง Let It Be เผยแพร่ไปตามเว็บและโซเชียลมีเดีย

โดยแปลงเนื้อเป็นภาษาไทยประมาณว่า ช่างหัวมัน ลองไปหาคลิปในเน็ตฟังน่าจะพอได้

Let It Be เวอร์ชั่นปารีณา เน้นข้อความที่แปลงเป็นภาษาไทย แต่ก็ทำให้เพลงนี้กลับมาเป็นที่กล่าวขานอีกครั้ง หลังจากที่หลายปีก่อน อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เคยนำเอาเพลงนี้มาร้องระบายความในใจทางการเมืองมาแล้ว

คนที่คิดถึงเพลงอมตะคลาสสิคเพลงนี้และอยากจะฟังอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ในเว็บไซต์ต่างๆ มีเพลงนี้เกือบครบทุกเวอร์ชั่น

Let It Be เป็นทั้งชื่อเพลงและชื่ออัลบั้มของเดอะบีตเทิลส์ (The Beatles) วงร็อกอังกฤษที่ยึดครองโลกในห้วงปลายทศวรรษหกสิบต่อเจ็ดสิบ

ออกเป็นซิงเกิล และเป็นเพลงหนึ่งในอัลบั้มชื่อเดียวกัน หรือไตเติลแทร็ก เมื่อปี 1970 หรือปี 2513

แต่งและร้องโดยพอล แม็กคาร์ตนีย์ มีมากมายหลายเวอร์ชั่น

ที่สำคัญๆ ได้แก่ ซิงเกิลเวอร์ชั่น โปรดิวซ์โดยจอร์จ มาร์ติน ท่อนกีตาร์โซโลโดยจอร์จ แฮร์ริสัน ค่อนข้างเรียบ และมิกซ์เสียงช่วงออร์เคสตราไว้ค่อนข้างเบา

อัลบั้มเวอร์ชั่นที่ปรากฏในอัลบั้ม โปรดิวซ์โดยฟิล สเป็กเตอร์ มีการตกแต่งเสียงเครื่องดนตรีทุกชิ้น กีตาร์โซโลอัดเสียงใหม่ ร็อกดุดันมากขึ้น และเร่งเสียงออร์เคสตราให้ดังขึ้น

ยังมีอีกหลายเวอร์ชั่นของเพลงนี้ ที่มีข้อแตกต่างในรายละเอียดของการร้อง เสียงกีตาร์ เปียโน กลอง

และที่เพิ่งออกมาเมื่อปี 2003 คือเวอร์ชั่นในอัลบั้ม Let It Be…Naked

มาจากไอเดียของพอล ที่ไม่ชอบใจการโปรดิวซ์ของฟิล สเป็กเตอร์ มาโดยตลอด ก็เลยรีมิกซ์เพลงจากอัลบั้ม Let It Be รวมถึงเพลง Let It Be แบบเนื้อๆ เปลือยๆ ปราศจากสิ่งแปลกปลอม และเป็นที่มาของคำว่า Naked

ที่ไปที่มาของเพลงนี้ ในช่วงตึงเครียดของวง ระหว่างทำผลงาน The White Album ในปี 1968 พอลฝันถึงแม่ เลยนำมาแต่งเป็นเพลง และนำเอาเพลงนี้มาซ้อมกับวงในโอกาสต่างๆ

พอลอธิบายว่า คำว่า Mother Mary ไม่ได้สื่อถึงความหมายทางศาสนา แต่หมายถึง “แมรี่” แม่ของเขาเอง ซึ่งเสียชีวิตด้วยมะเร็ง เมื่อพอลอายุ 14 ปี

การที่ฝันถึงแม่ พอลอธิบายต่อมาว่า เป็นเรื่องดีและรู้สึกเหมือนได้รับพร และเขียนเพลง Let It Be ขึ้นมาเป็นการกระตุ้น ให้กำลังใจตัวเอง

ในการสัมภาษณ์ต่อๆ มา พอลยังเล่าว่า ในความฝันแม่ยังบอกกับเขาว่า ปล่อยไปอย่างนี้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

นอกจากเป็นซิงเกิลแล้ว Let It Be ยังเป็นชื่อสตูดิโออัลบั้ม ชุดที่ 12 และเป็นชุดสุดท้ายของวง ออกเมื่อ 8 พฤษภาคม 1970 หรือเกือบ 1 เดือน หลังจากการยุบวงอย่างเป็นทางการ

อัลบั้มนี้เป็นความพยายามเฮือกสุดท้ายในการจับมือรวมพลังอีกครั้งของวงดนตรีที่กำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ไม่ได้ผล

ระหว่างการบันทึกเสียง บรรยากาศของความไม่ลงรอยกันเพิ่มขึ้น มีการซ้อมวงที่สตูดิโอแห่งหนึ่งในเดือนมกราคม 1969 เพื่อทำหนังสารคดีเกี่ยวกับการจะกลับมาเปิดการแสดงสดอีก

แต่บรรยากาศที่บันทึกไว้ ชี้ให้เห็นถึงบรรยากาศที่ตึงเครียด ทำให้จอร์จผละจากวงไปชั่วคราว ก่อนกลับมาพร้อมกับเงื่อนไขว่า ให้ไปถ่ายทำต่อที่แอปเปิลสตูดิโอของทางวงเอง

การทำสารคดีมาเรียบร้อยที่นี่ โดยมีบิลลี่ เพรสตัน มาเป็นนักดนตรีเสริม และเล่นแฮมมอนด์ออร์แกนในเพลง Let It Be ด้วย

วงแตกไป แต่อัลบั้มขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

และนี่คือที่มาพอสังเขปของ Let It Be เพลงที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ และรำลึกนึกถึงได้เสมอๆ