ด่าน “สัมภาษณ์” ที่นางงามไทยยังก้าวข้ามไม่พ้น!! | “ฟ้าใส” ทำดีที่สุดแล้ว

ในที่สุด “ฟ้าใส-ปวีณสุดา ดรูอิ้น” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ก็ยุติเส้นทางตามล่าคว้ามงกุฎนางงามจักรวาลของตนเองไว้ที่รอบห้าคนสุดท้าย

เฉกเช่นเดียวกันกับ “น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์” และ “มารีญา พูลเลิศลาภ” ตัวแทนประเทศไทยที่ผ่านเข้าถึงรอบ 6 คนสุดท้าย และ 5 คนสุดท้าย ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สเมื่อปี 2016 และ 2017 ตามลำดับ

นับว่าสร้างบรรยากาศตื่นเต้น-ลุ้นระทึกให้แก่ผู้ชมคนไทยที่นั่งเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ และจอโทรศัพท์เป็นอย่างสูง

เมื่อ “ฟ้าใส” ค่อยๆ ผ่านเข้าสู่รอบ 20 คน รอบ 10 คน และรอบ 5 คน ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าความหวังที่ผู้คนในแวดวงนางงามฝากเอาไว้บนบ่าของ “ฟ้าใส” จะอยู่สูงและหนักอึ้งกว่านั้น

ดังที่ “หนุ่ม-นันท์นภัทร เจิมจุติธรรม” ผู้เชี่ยวชาญการประกวดนางงามเคยให้สัมภาษณ์เพจเฟซบุ๊ก FEED เอาไว้ว่า “ฟ้าใส ปวีณสุดา” คือหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สประจำปีนี้

“ตัวเต็งในปีนี้ ในปี 2019 ที่จะคว้ามงกุฎในปีนี้ ก็แน่นอน ปวีณสุดาของเรา ไทยแลนด์ เพราะว่าครองพื้นที่สื่อในทุกๆ สื่อ ไม่ใช่เฉพาะว่าเราอวยของเราเอง แต่ว่าในสื่อต่างประเทศเอง มีเธออยู่ในท็อปทรีเกือบทุกโพลที่ต่างประเทศทำ

“ปีนี้ไทยแลนด์ก็มีสิทธิ์มาก สามคนสุดท้ายพี่ว่าพลาดลำบากมากเลย ยากมาก หมายถึงว่าพลาดยากมาก หนึ่งในสามคงจะมีชื่อเธอ แต่ว่าจะได้ไปยืนอยู่ตรงไหน อันนี้พี่ไม่ทราบ ตอบไม่ได้ เพราะว่าเราก็ต้องไปวัดกันอีกทีหนึ่งที่หน้างาน ด้วยการตอบคำถามหรืออะไรก็แล้วแต่ ไปวัดกันตรงนั้น”

แม้ว่าตลอดห้าปีหลังสุด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ของบ้านเราจะทำผลงานในระดับ “ท็อปฟอร์ม” บนเวทีประกวดนางงามจักรวาล

 

นอกจาก “ฟ้าใส” “มารีญา” และ “น้ำตาล” ที่ผ่านเข้าถึงรอบ 5/6 คนสุดท้าย ดังได้เกริ่นไปแล้ว

“แนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 และ “นิ้ง-โศภิดา กาญจนรินทร์” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 ก็ยังทะลุเข้าถึงรอบ 10 คนสุดท้าย

ความฝันว่า “มงสามจะต้องมา” จึงไม่ใช่เรื่องที่แฟนนางงามต่าง “มโน” กันไปเอง แต่มีเหตุผล มีการวางแผนงาน มีพัฒนาการบางอย่างมารองรับ

ทว่าสาเหตุที่ “มงสามยังมาไม่ถึง” อาจเป็นเพราะการตกม้าตายช่วงการตอบคำถามในรอบ 5/6 คนสุดท้าย

“เราเข้ารอบมาตั้งแต่ปีแนท น้ำตาล มารีญา ก็แล้วแต่ เราเข้ารอบลึกๆ มาเรื่อยๆ ได้มีโอกาสจับไมค์ในหลายๆ ครั้ง แล้วเราก็ “ช็อตไมค์” ในหลายๆ ครั้ง นั่นเพราะว่าภาษา ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของเรา แล้วก็พี่คิดว่า “ทักษะการพูดในพื้นที่สาธารณะ” (public speaking) ที่เราอาจจะขาดตรงนี้

“ซึ่งปีนี้ทาง TPN (ผู้จัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์) ก็เติมเต็มส่วนตรงนี้ลงมาแล้ว น้องได้มีการไปเรียน public speaking จากอาจารย์ น้องได้รับการเทรนด์เรื่องข่าวสารบ้านเมือง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรอบโลกของเรา

“ไม่ว่าจะเป็น “ประเด็นโลกร้อน” (climate change) หรือเรื่องราวอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ เพราะว่าเราไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่าคำถามที่จะเกิดขึ้นในรอบสุดท้ายเนี่ย อันนี้มองไปถึงรอบสุดท้ายแล้วนะ มองไปถึงคำถามรอบสุดท้ายแล้ว น้องจะต้องเจอคำถามอะไร

“แม้กระทั่งเดี๋ยวนี้ พอเรียกเข้ารอบปั๊บ จะต้องมีการพูดอย่างน้อย 15 วินาที 20 วินาทีกับสตีฟ ฮาร์วีย์ พี่ว่าตอนนี้ฟ้าใสก็เตรียมแล้วว่า ณ โมเมนต์ตรงนั้น พอเรียกเข้ารอบ 20 คนหรือ 15 คน จะพูดอะไร พี่ว่าตอนนี้มีการเตรียมพร้อมแล้ว public speaking ปีนี้หายห่วง พี่ว่าเขาทำหน้าที่ได้ดี”

นี่คือความเห็นของ “หนุ่ม นันท์นภัทร” ก่อนการประกวดนางงามจักรวาลหนล่าสุด

ณ เวลานั้น กูรูนางงามเชื่อมั่นว่า “ฟ้าใส” จะสามารถก้าวผ่านข้ามอุปสรรคใหญ่ ที่เพื่อนๆ พี่ๆ หลายคนล้วนฝ่าด่านไปไม่พ้น

“พอจับไมค์เราจะเห็นได้เลยว่าน้องเป็นคนที่มีคมความคิดที่เฉียบแหลม แล้วเป็นคน “คิดบวก” (positive thinking) เป็นคนพูดแล้วแลนดิ้งสวย บางคนหาแลนดิ้งไม่เจอก็มี แต่น้องแลนดิ้งได้สวย เป็นคนที่มี sense of connection สามารถจะคอนเน็กต์ ติดต่อ ตามเรื่อง จบจากเรื่องหนึ่งต่อไปอีกเรื่องหนึ่งได้ง่ายๆ

“เราเห็นน้องออกสัมภาษณ์ในหลายๆ รายการ แม้กระทั่งในไลฟ์สดที่คุยโต้ตอบกับแฟนนางงาม ปีนี้พี่ว่าเรื่องถ้าจับไมค์แล้ว หายห่วง หลายปีเราจะลุ้นนะว่าจะตอบจบไหม จะรอดไหม แต่พี่ว่าปีนี้เราสบายใจได้ ฟ้าใสจับไมค์ไฟลุกแน่นอน”

แม้ต้องเผชิญหน้ากับคำถามเชิงการเมือง “หนุ่ม นันท์นภัทร” ก็เคยพยากรณ์เอาไว้ว่า “ฟ้าใส” จะทำงานตรงจุดนั้นได้ดี

“เท่าที่พี่ทราบมาจากคนใกล้ชิด น้องเรียนหนังสือเยอะ เรียนหนังสือในที่นี้หมายถึงเรียนพิเศษเยอะ ต้องอ่านหนังสือมาก ให้เรียนรู้เรื่องความรู้รอบตัวเยอะ เพื่อใช้คำตอบ คำตอบเดียว ซึ่งเราไม่รู้ว่าน้องจะเจอคำถามอะไร

“ดังนั้น มันเหมือนกับว่าสิ่งที่ TPN เทรนนิ่งให้น้อง เหมือนพาราเซตามอล กินเข้าไปเม็ดหนึ่ง โรคอะไรก็หายหมด ความรู้ที่ใส่เข้าไปก็เหมือนกับพาราเซตามอลเม็ดนี้ หยอดเข้าไปหนึ่งเม็ด น้องจะต้องรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง พี่ว่าเขาเรียนมาแล้วเป็น circle เป็นวงกลม เรียนมาหมดแล้ว 360 องศา”

แต่ท้ายสุด “ฟ้าใส” ก็เข้าไม่ถึงรอบชิงมงกุฎหรือรอบสามคนสุดท้าย

โดยสิ้นสุดเส้นทางของตนเอง ด้วยการตอบคำถามที่ถามว่า “รัฐบาลในหลายประเทศต่างมีนโยบายในการรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชน แต่บางคนเห็นว่านโยบายเหล่านั้นรุกล้ำความเป็นส่วนตัว สำหรับคุณ สิ่งใดมีความสำคัญมากกว่ากัน ระหว่าง “ความเป็นส่วนตัว” กับ “ความมั่นคง””

“ฉันเชื่อว่ารัฐบาลแต่ละประเทศมีนโยบายของตัวเอง ที่จะทำให้ประชาชนปลอดภัย และฉันคิดว่ารัฐบาลไม่ควรจะก้าวล่วงสิทธิความเป็นส่วนตัว เพราะพวกเรามีสิทธิที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของตนเอง

“แต่ความมั่นคงก็เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น เพื่อให้สังคมของเราดีขึ้นกว่าเดิม รัฐบาลควรจะหาจุดสมดุลในการเข้ามาดูแลความปลอดภัย เพื่อให้เราอยู่ร่วมกันได้ในสังคม”

นี่คือคำตอบของ “ปวีณสุดา” ซึ่งหลายคนมองว่ามีจุดยืน “เป็นกลาง” มากเกินไป และแสดงทัศนะในการปกป้องสิทธิส่วนตัวของประชาชนน้อยเกินไป

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนางงามอย่าง “นันท์นภัทร” เคยหวังเอาไว้ว่า หาก “ฟ้าใส ปวีณสุดา” คว้าตำแหน่งนางงามจักรวาลหรือ “มงที่สาม” กลับประเทศไทย หรืออย่างต่ำที่สุดได้เข้ารอบสามคนสุดท้าย นั่นจะถือเป็นข่าวดีมากๆ ต่อบ้านเมือง

“พี่ว่ามันก็เป็นการทำให้บรรยากาศที่เรากำลังประสบกับความไม่สบายใจทางด้านเศรษฐกิจ มีความรู้สึกไม่แฮปปี้กับการเมือง หรือไม่แฮปปี้กับอะไรก็แล้วแต่ (ดีขึ้น) ผู้หญิงคนหนึ่งนำความชุ่มชื่นมาให้กับเรา พี่ว่าตรงนั้นเหมือนเป็นดอกไม้ปลูกขึ้นมากลางใจเมือง”

อย่างไรก็ตาม ถึง “ฟ้าใส” จะไปได้ไม่ไกลขนาดนั้น แต่เชื่อว่าคนไทยจำนวนมากคงจะมีความสุขกับความมุมานะพยายามและการทำดีที่สุดแล้ว

ของผู้หญิงที่ชื่อ “ปวีณสุดา ดรูอิ้น”