40 ปีในวงการบันเทิง สินจัย เปล่งพานิช มาไกลเพราะอยากทำ “งาน”

เทียบจากวันแรกเข้า นก-สินจัย เปล่งพานิช บอกว่า เธอเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะทำงานอยู่ในวงการบันเทิงได้นานขนาดนี้

ขนาดที่ปีหน้าก็จะครบ 40 ปีละ

เป็น 40 ปีที่เจ้าตัวว่า “ก็ดีนะคะ” แต่เอาจริงๆ นะ จะว่าไป “มันก็เหมือนการใช้ชีวิต”

คือ “มีทั้งด้านที่ฝ่าฟัน หรือที่มีปัญหา แต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยืนอยู่ตรงนี้ได้นานขนาดนี้ เลยรู้สึกว่ามันก็คุ้มค่าเหมือนกัน ที่เราเดินมาได้ถึงขนาดนี้”

จากตอนแรกที่นักเรียนหญิงวัย 15 ปี ซึ่งถูกชักชวนให้ทำงาน สินจัยบอกว่าเธอตอบรับด้วยเหตุผลหลักคือ “อยากหาตังค์เรียนหนังสือ”

“ตอนนั้นมีคนชวนไปถ่ายแบบ ซึ่งก็ยังไม่ได้ตังค์ด้วยนะคะ ได้เป็นเสื้อผ้า แต่เราเป็นแค่เด็ก แล้วรู้สึกว่า มีงานทำ ไปถ่ายหนังสือสกุลไทยเลยนะตอนนั้น” เจ้าตัวเล่าพลางยิ้ม

ซึ่งก็น่ายิ้มแหละ เพราะนั่นคือนิตยสารที่โด่งดังมากๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว

เล่าอีกว่า หลังจากนั้นงานอื่นๆ ก็เริ่มติดต่อมา ไม่ว่าจะเป็นงานที่เกศสยามว่าจ้างให้เป็นนางแบบถ่ายผม และอื่นๆ

“ก็จะได้ค่ารถ 300-500 ซึ่งสำหรับเด็กก็รู้สึกว่า 500 นี่เยอะนะ โอเคเลย แต่ไม่ได้คิดว่าฉันต้องทำอะไรต่อ ก็เรียนหนังสือ สลับไปกับการทำงานช่วงปิดเทอม”

ส่วนในวันนี้ ที่ก้าวขึ้นเป็นระดับตัวแม่ของวงการ แน่นอนว่าความคิดต่างๆ ย่อมเปลี่ยนไป

“ความคาดหวังมันเปลี่ยนไปตรงที่ว่า พอเราโตขึ้นจนถึงจุดที่เป็นนักแสดง มันก็เหมือนแตะเพดานแล้วละ รอแค่ว่าอาจจะมีบทที่น่าสนใจ สนุกๆ เล็กๆ น้อยๆ หรืออะไรแค่นั้น ไม่ใช่บทนางเอก ทั้งเรื่องยืนอยู่คนเดียว คงไม่ต้องขนาดนั้น แค่มีอะไรน่าสนใจ”

“คือมันมาไกลขนาดที่ว่าเราคงออกจากนี้ไปไม่ได้ ไม่รู้จะไปทำอะไร ไปทำอาชีพอะไรแล้ว”

นั่นเองจึงเป็นเหตุที่พอคิดจะทำอะไรเพิ่ม เพื่อมารองรับ “ความอยากทำงาน” คำตอบที่เหมาะที่สุดคือเป็นเบื้องหลังผลิตงานละคร แบบที่ตอนนี้เธอและสามีคือนก ฉัตรชัยทำอยู่ งานที่เจ้าตัวบอกว่า ต้องทำหลายสิ่ง คิดหลายอย่าง “โอ้โห สารพัดสารเพ ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”

หากกระนั้นก็ “อยากทำค่ะ อยากทำ รู้สึกว่ามีอะไรทำมันดีกว่า รู้สึกมีคุณค่ากว่าเยอะ” คนซึ่งปกติหยุดงานแค่ 2 วันก็รู้สึกเซ็งแล้ว บอก

ถามสินจัย อะไรคือสิ่งที่ชอบที่สุดในการอยู่วงการนี้?

เธอนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงว่า “งานมั้งคะ”

“งานในที่นี้อาจจะหมายรวมถึง พอเราได้รับบทบาท แล้วได้คุยกับผู้กำกับฯ ได้เล่นกับนักแสดงเก่งๆ ได้ตีความ แล้วเราทำไปได้ ทำไปถึงบทบาทตรงนั้น มันคือความสุข มันรู้สึกว่า เราอยากตื่น แล้วไปทำงาน อยากตื่น แล้วไปเจอผู้กำกับฯ บรีฟเราอย่างนี้ พูดกับเราอย่างนี้ คุยกับเราอย่างนี้ แล้วเหมือนแบบเอาอะไรออกมาจากในตัวได้ตลอดเวลา ตรงนั้นคือความสุข แต่รายละเอียดอย่างอื่นตรงนั้นมันก็เป็นธรรมชาติของมัน ทั้งปัญหา ทั้งอะไร มันก็เป็นธรรมชาติของมัน ซึ่งเข้าใจได้”

กับบทบาทการแสดง ซึ่งแฟนๆ หลายคนมองว่าไม่ว่าจะเป็นบทไหน ก็ดูเหมือนจะอยู่มือของสินจัยไปทั้งหมดนั้น เจ้าตัวยืนยันว่า เป็นความเข้าใจผิด

“ไม่ใช่จะเล่นได้ทุกบทหรอก จริงๆ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคงรับงานเละไปนานแล้ว” ชี้แจงพลางหัวเราะร่วน

“นี่ยังรับงานที่ตัวเองทำได้มากกว่า อันไหนดูแล้วไม่น่าจะรอด คือเราคงถ่ายทอดไม่ได้ หรือเราไม่เอ็นจอยกับบทนี้แน่ๆ ก็จะไม่เล่น”

“ถ้าไม่เห็นภาพ หรือเห็นภาพว่าไปไม่ได้แน่นอน องค์ประกอบไม่ได้ ก็ไม่เอา”

กระซิบถามเคล็ดลับของการใช้ชีวิต 40 ปีในวงการ ที่เธอเองบอกมาตั้งแต่ต้นว่า “มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยืนอยู่ตรงนี้ได้นานขนาดนี้” อย่างแฮปปี้ เจ้าตัวก็ว่า อันที่จริงนั้น “ยังแปลกใจตัวเองอยู่เลย ว่าอยู่รอดมาได้ยังไง”

“ไม่รู้”

อย่างไรก็ดี “มีเหตุผลที่คิดเอาเอง คือนกไม่เคยมีผู้จัดการเลยตั้งแต่เข้าวงการ นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่ง”

“นี่ไม่ใช่ว่าคนอื่นนะคะ” สินจัยออกตัว

ก่อนขยาย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า “มันหมายถึงว่าทุกอย่างอยู่ในมือเรา เราเป็นคนเลือกเอง ว่าจะทำหรือไม่ทำ เลือกที่จะไปหรือไม่ไป เป็นคนตัดสินใจ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่แฮปปี้หรือมันผิด ก็ไม่เสียใจมาก มีบางเรื่องที่ไม่น่าเล่นเล้ยยยย แบบว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ไม่สนุกอย่างที่คิด แต่ก็โอเค เรารับแล้ว ยังไงก็ต้องทำให้เสร็จ หน้าที่เรามีแค่นี้ อย่างอื่นก็ตัดไป มันก็อยู่มาได้เรื่อยๆ อย่างนั้น”

ถามสินจัยไปอีกว่า ในอนาคต ถ้ามีคนพูดถึงนก สินจัย อยากให้เขาคิดถึงอะไร

“คงแค่เรื่องทำงานแหละค่ะ” คือคำตอบที่เธอให้

“เพราะนกคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนที่ธรรมดามาก มากจริงๆ ไม่ได้มีความพิเศษเหมือนคนอื่นเลย ไม่ได้มีอะไรเหนือกว่าคนอื่นเลย แต่นกเชื่อว่านกอาจจะทำงานหนัก ยาก หรือซีเรียสมากกว่าคนอื่น นั่นคงเป็นอย่างเดียวที่คนน่าจะนึกถึงได้”

“เรารับผิดชอบ เราดูแลตัวเองเพื่อที่จะมาทำงานอย่างดีที่สุด ไม่ใช่แค่ว่ามาท่องบทหน้างาน แล้วก็เล่นๆ ไป รับจ๊อบ ใช้โอกาสของความเป็นดาราเต็มที่ เราไม่ได้ทำอย่างนั้น เราทำหน้าที่นักแสดงอย่างเต็มที่ ดูแลตัวเอง ดูแลตัวละคร เพื่อจะมาทำงานให้ดีที่สุด”

“นั่นคือวิธีการทำงานของเรา นั่นคงเป็นสิ่งเดียวถ้าใครจะเอาเป็นแบบอย่าง หรือถ้าใครจะนึกถึงก็คงแค่เรื่องนี้”

2 ตัวละครที่เปรียบเสมือนครู

เกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ถ้าจะนับจริงๆ ว่า นก สินจัย สวมบทบาทเป็นตัวละครมาแล้วกี่ตัว คงต้องใช้เวลา เวลาที่นานพอสมควรเชียวละ ในฐานะคนเล่น สินจัยเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

อย่างไรก็ดี ถ้าเปลี่ยนคำถามเป็นว่า ในบรรดานั้นมีบทบาทที่เธอรู้สึกชอบหรือประทับใจที่สุด คำตอบนั้นก็มาทันที…

“จริงๆ ก็จากทุกเรื่องนะ เพราะเป็นสิ่งที่นกเลือกแล้วว่าจะเล่น นกจะมีลิ้นชักเก็บไว้แล้วทุกเรื่อง เพียงแต่บทที่รู้สึกว่าเขาเป็นครูที่ทำให้เราเดินผ่านมาได้แล้วพัฒนามาได้จะมีอยู่ 2 เรื่อง คือ “นวลฉวี” กับ “ล่า” เป็นครูจริงๆ เลยค่ะ”

“นวลฉวีจากที่ไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น แค่รู้ว่าบทน่าจะดี แล้วผู้กำกับฯ ใหม่ (บรรจง โกศัลวัฒน์) ทุกอย่างไม่มีอะไรกดดันตัวเอง เพราะงั้นเราก็ทำไป แล้วมันก็สำเร็จ มันเหมือนเปิดประตูอีกประตูหนึ่งสู่วงการ ว่าเราเป็นนักแสดง เราจะรับบทอะไรก็ได้ คนยอมรับ เห็นเราในมุมนั้น”

“ส่วนเรื่องล่าเป็นครูทางการแสดงโดยแท้เลย เพราะว่าเราอยู่วงการมานานขนาดนั้น วันหนึ่งมีบทดีๆ ขนาดนี้ ซึ่งมันยากมาก แล้วไม่ใช่ใครก็เล่นได้ รู้สึกว่าเห็นแล้วอยากเล่น อยากเป็นตัวละครมาก ทุ่มเททุกอย่างที่จะเป็นตัวละครให้ได้ แล้วมันก็โอเค ก็ได้เรียนรู้ทุกอย่าง”

“นกเคารพตัวละคร 2 ตัวนี้มาก ที่ทำให้เราอยู่ตรงนี้มาได้นานขนาดนี้”