ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 ธันวาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | มุมมุสลิม |
ผู้เขียน | จรัญ มะลูลีม |
เผยแพร่ |
นักศึกษาไทยมุสลิมในอินเดีย (3)
หลังจากเดินทางตามกำหนดการในเมืองลัคเนาว์ ทั้งดารุลอุลูม นัดวาตุล อุลามา และมหาวิทยาลัยอินดิกรัล (Integral)
ผมก็เดินทางออกจากเมืองลัคเนาว์ นครหลวงของรัฐอุตตรประเทศ (UP) ไปยังกรุงนิวเดลี (New Delhi) เมืองหลวงของอินเดีย
สำหรับกรุงเดลีเก่า (Old Delhi) ก็เป็นเมืองหลวงเก่าของอินเดียก่อนการเข้ามาของอังกฤษ
จนถึงทุกวันนี้ Old Delhi ก็ยังมีความงามให้เห็นทั้งในทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม ในปัจจุบันกรุงเดลีเก่าเป็นที่อยู่อาศัยของชาวอินเดียจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวมุสลิม
ทั้งนี้ ราชวงศ์ต่างๆ ที่เข้าปกครองอินเดียสมัยโบราณมีอยู่หลายราชวงศ์ที่เป็นราชวงศ์มุสลิมที่มาจากหลากหลายดินแดนของเอเชีย
อินเดียจึงเป็นที่รวมของวัฒนธรรมที่ต่างก็มาบรรจบกันที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นจีนท้องถิ่น เอเชียกลาง กรีก เปอร์เซีย อัฟกัน ยุโรป เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ปรัชญาอินเดียจึงแฝงความลึกซึ้งที่ถ่ายทอดไปสู่หลายสายธารของอารยธรรมโลก
นับแต่กาลนานมาแล้ว อินเดียมีปรัชญาอยู่มากมาย กระแสแห่งปรัชญาของอินเดียส่วนใหญ่แพร่มาถึงชาวมุสลิมในสมัยการปกครองของราชวงศ์อับบาสิยะฮ์ (Abbasid)
กล่าวกันว่าพุทธศาสนาและพระเวทมีอิทธิพลต่อปรัชญาโดยเฉพาะของลัทธิซูฟีอยู่ด้วยเช่นกัน
สำหรับอินเดียนั้นถือกันว่าเป็นดินแดนแห่งความเฉลียวฉลาดโดยแท้จริง เรามักจะได้เห็นทรรศนะของชาวอาหรับที่กล่าวว่าอินเดียเป็นแหล่งกำเนิดแห่งปรัชญา เนื่องจากอินเดียมีการติดต่อค้าขายกับโลกตะวันตก ซึ่งมีชาวเปอร์เซียเป็นตัวกลาง และต่อมาเนื่องจากราชวงศ์มุสลิมเข้าครองอินเดีย (คือราชวงศ์มุคัลหรือโมกุล) จึงทำให้ความรู้ของอินเดียแพร่หลายออกไปกว้างและไกล
หนังสือวิชาการของอินเดียส่วนใหญ่ได้รับการแปลเป็นภาษาอาหรับในรัชสมัยของเคาะลีฟะฮ์ อัลมันซูร (Al-Mansur, ค.ศ.754-775) และฮารูน อัร-รอซีด (Harun Al-Rashid, ค.ศ.833-842) ส่วนหนึ่งแปลจากภาษาสันสกฤตโดยตรง อีกส่วนหนึ่งแปลจากคำแปลภาษาเปอร์เซีย (ปาห์ลาวี Pahlavi)
ความรู้ด้านจริยธรรมและการเมืองในรูปสุภาษิตได้มาจากนิทานสุภาษิตและนิยายของอินเดียอย่างเช่น นิยายปัญจตันตราซึ่งอิบนุล มุกัฟฟะฮ์ (Ibn Al-Muqaffa) แปลจากภาษาปาห์ลาวีในรัชสมัยของอัล-มันซูรและอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม คณิตศาสตร์และโหราศาสตร์ซึ่งมักจะรวมอยู่ในการปฏิบัติทางการแพทย์หรือเวทมนตร์กลายมามีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อการเริ่มต้นของความรู้ทางโลกในโลกอิสลาม
โหราศาสตร์จของกษัตริย์สิทธันตะ (Siddhanta) แห่งราชวงศ์พรหมคุปต์ซึ่งถูกแปลจากภาษาสันสกฤตในรัชสมัยของอัล-มันซูร โดยฟาซารี (Fazari) นั้นเป็นที่รู้จักกันก่อนเรื่อง Almagest ของปโตเลมี (Ptolemy) เสียอีก ดังนั้น โลกกว้างทั้งในอดีตและอนาคตจึงถูกเปิดเผยให้เห็น
ความคิดในด้านตรรกวิทยาและอภิปรัชญาของอินเดียก็มิใช่ว่าจะไม่เป็นที่รู้จักของชาวมุสลิม อย่างไรก็ดี มันก็มีผลในการพัฒนาทางด้านวิทยาการได้น้อยกว่าคณิตศาสตร์และโหราศาสตร์ การสังเกตดูชาวอินเดียซึ่งเกี่ยวข้องกับคัมภีร์ต่างๆ ของเขาและชีวิตของพวกเขาถูกกำหนดโดยความมุ่งหมายทางด้านศาสนาโดยสิ้นเชิงย่อมมีอิทธิพลอย่างไม่สิ้นสุดต่อลัทธิซูฟีของเปอร์เซีย
ในปรัชญาของอินเดียนั้นถือว่าความรู้เป็นวิถีทางที่นำไปสู่ชีวิตที่ดีงาม ในขณะที่การพ้นไปจากความเป็นอยู่ที่ชั่วร้ายนั้นเป็นจุดมุ่งหมายของปรัชญาอินเดียเช่นกัน
ความรู้ต่างๆ ของโลกตะวันออก โหราศาสตร์และจักรวาลวิทยาได้ให้วัตถุดิบหลายอย่างแก่นักคิดมุสลิม
การเดินทางจากเมืองลัคเนาว์ไปกรุงนิวเดลีโดยสายการที่บินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศอย่างสายการบิน Indigo เที่ยวบิน 3 6E 306 ใช้เวลาราว 50 นาที โดยทางสถานทูตไทยในอินเดียได้จัดให้ผมเข้าพักที่โรงแรม Leela Palace อันเป็นโรงแรมที่ประดับตกแต่งด้วยศิลปะอินเดียและการจัดสวนแบบเปอร์เซียที่งดงาม
กำหนดการในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม ปี 2562 เริ่มต้นด้วยการเข้าเยี่ยมเอกอัครราชทูต ชุตินทร คงศักดิ์ ณ ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ที่ปัจจุบันอยู่ในช่วงการต่อเติมและปรับภูมิทัศน์
สถานทูตไทยในกรุงนิวเดลีเป็นหนึ่งในสถานทูตไทยในต่างแดนที่มีความงดงามโอ่อ่า ประดับด้วยศิลปะไทยและศิลปะร่วมสมัย เหมาะแก่การต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและการทำงานเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับอินเดียและภูมิภาคเอเชียใต้ที่มีความสำคัญในทางยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ
ท่านทูตชุตินทร พร้อมภริยา ม.ล.ปิยวรรณ คงศักดิ์ อัครราชทูตธีรภัทร มงคลนาวิน เลขาฯ เอก กฤชณรงค์ เสรีสวัสดิ์ เป็นผู้นำในการสนทนาแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-อินเดีย
สำหรับผมในฐานะหัวหน้าสาขาอินเดียศึกษา วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มีความรู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเอกอัครราชทูตชุตินทร ทำให้เห็นภาพความสัมพันธ์ไทย-อินเดียได้มากขึ้น
โดยท่านทูตได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของอินเดีย การทำธุรกิจในประเทศอินเดีย บริษัทของไทยที่เข้ามาลงทุนและดูแลงานด้านการก่อสร้างสถานที่สำคัญๆ อยู่ในอินเดีย
รวมไปถึงภาพรวมของคนไทย นักศึกษาไทยและกำหนดการจัดงานวันชาติที่มีคนไทยในอินเดียเข้าร่วม
สถานทูตไทยในอินเดียประกอบด้วยห้องสมุดสำหรับการค้นคว้าทางด้านวิชาการและห้องทำงานที่กว้างขวางที่เหมาะต่อการปฏิบัติงานด้านการทูตและการต่างประเทศ
ท่านทูตได้พาชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่อยู่คู่สถานทูตมายาวนานและการต่อเติมสถานทูตที่พยายามให้มีมิติต่างๆ ที่เหมาะสมต่อการเป็นพื้นที่ทางการทูตและการเชื่อมความสัมพันธ์กับชาวอินเดียและประเทศอินเดีย ซึ่งปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็นยักษ์หลับที่ตื่นขึ้นมาแล้ว
อินเดียในฐานะประเทศจึงได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจใหม่หรือ Emerging Power เป็นหนึ่งในประเทศที่ควรให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ เมื่อไทยมีนโยบายมองไปทางตะวันตก (Look West Policy) ของประเทศไทย อันเป็นนโยบายเชิงรุก (Pro Active) ต่อมาอินเดียภายใต้การขับเคลื่อนของอดีตผู้นำ นารา สิมฮา เรา (Nara Simha Rao) ก็มีนโยบายมองตะวันออก (Look East Policy) ตามมา โดยนโยบายต่างประเทศของอินเดียปัจจุบันจะมุ่งให้ความสนใจต่อประเทศเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก
หลังการพบปะเอกอัครราชทูตของไทยและคณะแล้ว ผมก็มีโอกาสเดินทางดูบรรยากาศรอบกรุงนิวเดลีอีกครั้ง
ในการเดินทางเยือนอินเดียครั้งนี้ ผมพบว่าอินเดียโดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงนิวเดลีถนนหนทางมีความสะอาดกว่าเดิม ชีวิตผู้คนก็ดูแจ่มใสร่าเริงกว่าที่เคยพบครั้งก่อนๆ แม้ว่าปีหนึ่งผมจะมาอินเดียไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งก็ตาม
ในช่วงการเดินทางทั้งในขณะที่อยู่เมืองลัคเนาว์และกรุงนิวเดลี ผมมีเพื่อนร่วมเดินทางชื่อกุนาล พัลตา (Kunal Palta) อดีตนักเรียนเก่าอังกฤษที่เป็น Local Staff ของสถานทูตไทยร่วมเดินทางด้วย และเป็นผู้ที่คอยให้ความสะดวกเรื่องการเดินทางและความรู้ทั่วไปว่าด้วยอินเดียร่วมสมัยที่เขามีความคุ้นเคย
กรุงนิวเดลีในวันนั้น ทั้งเช้าบ่ายค่ำยังคงเต็มไปด้วยผู้คน
ตลาดข่าน (Kkan Market) ชานกรุงนิวเดลีเป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีความหลากหลายทั้งสินค้าที่เป็นวัตถุและสินค้าทางสมองที่มีค่าโดยเฉพาะร้านขายหนังสือที่มีอยู่หลากหลายรายการ
หนังสือที่มีขายในอินเดียส่วนใหญ่อินเดียจะซื้อมาจากทั่วโลก โดยเฉพาะโลกที่ใช้ภาษาอังกฤษแล้วมาทำให้ราคาถูกลงด้วยวิธีการจัดพิมพ์และการจัดจำหน่ายของอินเดียเอง ซึ่งมีราคาหน้าปกถูกจนไม่น่าเชื่อ อินเดียจึงเป็นแหล่งรวมหนังสือดี ราคาถูกอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ในบางเดือนของอินเดียโดยเฉพาะตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ ในเมืองหลวงจะมีเทศกาลขายหนังสือดีราคาถูกให้เห็นอยู่เนืองๆ