ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 ธันวาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
“เหยี่ยวถลาลม”
ที่บินฉวัดเฉวียน และเพ่งสายตาอันคมกริบเข้าไปแสวงหา “เรื่องราว” ในแวดวงตำรวจและการเมืองมาตีแผ่ประจำใน “มติชนรายวัน”
บินผ่าน “มติชนสุดสัปดาห์”
พร้อมมีของฝากผ่านไปยังผู้อ่าน “มติชนสุดสัปดาห์”
“…ผู้อ่านคนนี้อยู่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
เป็นคนไทยที่ได้รู้จัก พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น
เขาได้รู้จักตัวตน พล.ต.ต.ปวีณ รู้สึกเลื่อมใสและสงสาร
จึงเขียนจดหมายมาเล่าสู่กันฟังเพราะเป็นแฟนมติชนสุดสัปดาห์…”
ข้อความจากคนไทยในเมลเบิร์น
มีดังนี้
…ครบ 4 ปีเต็มแล้ว ที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ออกจากไทย
ทุกครั้งที่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา พล.ต.ต.ปวีณจะได้รับการกล่าวถึงจากสื่อใหญ่
แสดงว่ามีคนจำนวนไม่น้อยยังคิดถึง พล.ต.ต.ปวีณ
ผู้ทลายขบวนการค้าทาสในศตวรรษที่ 21
ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี ที่ไม่ลดละต่อแรงกดดัน
จนทำให้ข้าราชการระดับสูง พ่อค้า นักการเมือง จำนวนเกือบร้อยคนต้องขึ้นศาลและติดคุก
ในขณะที่ตัวเองต้องลี้ภัยไปอยู่ออสเตรเลีย
พล.ต.ต.ปวีณได้วีซ่าถาวรของออสเตรเลียปีเศษแล้ว
กำลังใช้ชีวิตเหมือนผู้อพยพลี้ภัยทั่วไป
เริ่มจากเรียนภาษาที่รัฐบาลจัดให้
หลังจากนั้นเรียนอาชีพ
ซึ่ง พล.ต.ต.ปวีณเรียนเกี่ยวกับพืชพันธุ์และการจัดสวน
พอเรียนจบโรงเรียนจะช่วยหางานให้
ตอนนี้ทำงานกับโรงเรือนเพาะต้นกล้าอาทิตย์ละ 3 วัน ส่วนอีก 2 วันเรียนภาษา หยุด 2 วัน
สำหรับคนวัยเกษียณ งานที่ พล.ต.ต.ปวีณทำ ถือว่าหนักทีเดียว
ก่อนได้วีซ่าถาวร พล.ต.ต.ปวีณไปช่วยทำงานที่วัดไทย
ไปทำงานอาสาสมัครที่โรงพยาบาลรัฐบาล
พอได้วีซ่าถาวร
ใช้เวลาทุ่มเทกับการเรียนภาษาอย่างเต็มที่ โดยมุ่งหวังจะได้เริ่มต้นทำงานมีรายได้
พล.ต.ต.ปวีณมีความภาคภูมิใจต่อสิ่งที่ทำมาตลอดชีวิตราชการ
ไม่เคยท้อแท้ต่อโชคชะตา ต่อสู้กับความแตกต่างของวัฒนธรรม ความเหงา
สู้กับความเหน็ดเหนื่อยจากงานที่ทำ
เคยกล่าวกับ พล.ต.ต.ปวีณว่าไม่ใช่คนแรกที่ต้องลี้ภัยจากการปฏิบัติหน้าที่
คนอย่างอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ หรือคนอื่นๆ ก็มีมาแล้ว
ผมคิดแต่เพียงว่า “ความจริง” อาจเป็นกำลังใจให้ท่านได้บ้าง
ส่วนตัวผมไม่คาดคิดว่าจะได้มีโอกาสรู้จักคนคนหนึ่ง ผู้มีชีวิตเรียบง่าย
ชอบเรียนรู้ เหมาะเป็นนักวิชาการมากกว่าตำรวจ
ทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างการทลายขบวนการค้าทาส
จึงขอถือโอกาสนี้เล่าชีวิตพอสังเขปของ พล.ต.ต.ปวีณ มาให้คนไทยที่คิดถึง
ทราบว่าชีวิตความเป็นอยู่ของท่านเป็นอย่างไรบ้าง…
เมื่อ 1 พฤษภาคม 2558 มีข่าวดังไปทั่วโลก
พบแคมป์โรฮิงญาบนเทือกเขาแก้ว อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา รอยต่อระหว่างไทยกับมาเลเซีย จำนวนหลายร้อยชีวิต
พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8
เป็นหัวหน้าชุดทำคดีโรฮิงญานี้
สามารถออกหมายจับผู้กระทำผิดได้ 153 ราย จับกุมได้ 91 ราย
ในจำนวนนั้นเป็นทหารระดับสูง ระดับพลโท พันเอก ร้อยเอก นาวาโท
ถือเป็นการทลายแก๊งค้ามนุษย์ที่ใหญ่โต
แต่สิ่งที่ พล.ต.ต.ปวีณได้ “ตอบแทน”
คือการถูกย้ายไปประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.)
“ทุกคนควรจะได้รับบำเหน็จ แต่สิ่งที่ได้รับคือถูกย้ายไปทำงานในพื้นที่สามจังหวัด เหมือนส่งผมไปเสี่ยงอันตรายด้วยซ้ำ ผมขออยู่ที่เดิม แต่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม”
คือสิ่งที่ พล.ต.ต.ปวีณร้องผ่านสื่อมวลชน
ด้วยรู้ว่า พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีพรรคพวกของผู้ต้องหาค้ามนุษย์โรฮิงญา
อาจถูกลอบทำร้ายได้ตลอดเวลา
แต่ไม่เป็นผล
จึงตัดสินใจ “ลาออก”
หลังจากนั้น ไทยรัฐออนไลน์เคยอ้างคำพูด พล.ต.ต.ปวีณ ว่าได้ไปเข้าพบตำรวจใหญ่นายหนึ่ง ได้รับคำแนะนำให้หนีออกจากไทย
“มีสัญญาณเตือนมาว่าให้ผมหนีไป ผมจึงต้องหนี”
ไทยรัฐออนไลน์ยังอ้างถึงคำแถลงของโฆษกกองทัพบกขณะนั้น
ที่ พล.ต.ต.ปวีณให้สัมภาษณ์ อ้างว่ามีกลุ่มอิทธิพลในรัฐบาล กองทัพ รวมทั้งตำรวจ จะจัดการ ว่าเป็นข้อมูลที่ใช้ความรู้สึกตัดสิน ไม่มีข้อเท็จจริงที่จับต้องหรือพิสูจน์ได้
การให้สัมภาษณ์อาจเกิดจากความไม่พอใจส่วนตัวแล้วอาศัยประเด็นดังกล่าวตีรวนหรือไม่
การพูดในลักษณะดังกล่าว ทำให้กองทัพเสื่อมเสีย ประชาชนเข้าใจผิด…
ครบ 4 ปีเต็มแล้ว
ที่ พล.ต.ต.ปวีณออกจากประเทศไทย…