จรัญ พงษ์จีน : “พรรคร่วมรัฐบาล” ชื่นมื่นแต่เปราะบาง

จรัญ พงษ์จีน

ไม่มีใครตาถั่วเดินสะดุด “ภูเขา” หกล้ม มีแต่เดินสะดุด “ก้อนหิน” แล้วปีกถลาลม ดังนั้น จึงไม่ควรมองข้ามหรือประมาทสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เป็นอันขาด ดั่งรัฐบาลของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

เรื่องใหญ่ๆ ผ่านไปด้วยดี ทั้งงบประมาณรายจ่าย-แถลงนโยบายรื่นฉลุยดุจจรวดทางเรียบ แต่กลับมาตกม้าตายกับ “ญัตติตั้งคณะกรรมาธิกาวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44”

ปรากฏว่าการลงมติแพ้ซ้ำซาก ครั้งแรกฝ่ายค้านเฉือนนิ่มไป 2+36-231 เสียง “วิปรัฐบาล” แก้เกี้ยวขอนับคะแนนใหม่ ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ เสียงไม่พอ ทำให้ที่ประชุมล่ม แปลว่าแพ้ไปอีกรอบ

จึงเป็นที่ไปที่มา นำพาไปสู่ “มีตติ้ง-กระชับมิตร” ที่สโมสรสนามกอล์ฟราชพฤกษ์ ถนนวิภาวดีรังสิต ตามข่าวงานนี้มี “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐเป็นโต้โผ

มวลสมาชิกพรรคร่วมไปร่วมวงไพบูลย์กันครบ อาทิ “อุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หัวหน้า พปชร. และแกนนำคนสำคัญ เช่น “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน-อนุชา นาคาศัย” แห่งกลุ่มสามมิตร “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ-ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” และ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล

“พรรคภูมิใจไทย” นำทัพด้วย “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค กับ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาธิการพรรค “ประชาธิปัตย์” บรรดาเสนาบดีมากันเต็มทีม ทั้ง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาฯ “ถาวร เสนเนียม-นิพนธ์ บุญญามณี-สาธิต ปิตุเตชะ”

“ชาติไทยพัฒนา” นำโดย “กัญจนา ศิลปอาชา-วราวุธ ศิลปอาชา-ประภัตร โพธสุธน-นิกร จำนง-ธีระ วงศ์สมุทร” ตามด้วย “ชาติพัฒนา” พี่ใหญ่ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” มาเอง กับ “เทวัญ ลิปตพัลลภ” ขณะที่ “พรรคเล็ก” แห่มาแจมกันเต็มทุกพรรค บรรยากาศจึงชื่นมื่นสุดคำบรรยาย

ไฮไลต์ของมีตติ้ง-กระชับมิตรอยู่ที่ นับเป็นครั้งแรกที่ “คนการเมือง” อาชีพในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมโต๊ะจีน สนทนา-วิสาสะกับ 3 พี่น้องแห่งบูรพยัคฆ์ ผู้ผูกขาด “ศูนย์อำนาจ” แบบถาวรมากว่าห้าปี

ทั้ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” น้องเล็กในฐานะผู้นำรัฐบาล ตามด้วย “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. และ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

โฟกัสไปที่ “บิ๊กตู่” ในฐานะท่านผู้นำ ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะสุงสิงยิงเรือกับใคร เกาะกลุ่มทำกิจกรรมทั้งส่วนรวมส่วนตัวอยู่แต่เฉพาะ 3 พี่น้อง

แม้ช่วงออกนอกพื้นที่ประชุมสัญจรตามหัวเมืองต่างๆ ก็มักจะขอตัวปลีกวิเวก ฉายเดี่ยวไปกินข้าวกินปลากับลูกน้องและผู้ใต้บังคับบัญชา ขนาดว่า ครม.สัญจรที่จังหวัดกาญจนบุรีงวดล่าสุด คณะรัฐมนตรีมีกิจกรรมกลางแจ้ง

แต่ “พล.อ.ประยุทธ์” ทีแรกก็ขอตัวไปตรวจเอกสารราชการเตรียมตัวประชุม แต่ถูกคะยั้นคะยอ จึงขัดไม่ได้ ลงมาร่วมโต๊ะไม่กี่นาทีก็ขึ้นห้อง ส่งผลให้เกิด “ช่องว่าง” รูเบ้อเร่อระหว่างซีกของ “คนการเมือง” กับผู้นำที่มาจากเหล่าทัพ

มี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ลดเพดานลงมามั้ง นับตั้งแต่มานั่งประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. แต่ภาพโดยรวมไม่ค่อยจะลื่นไหล เสมือนมีกำแพงเหล็กกั้นกลางระหว่างกัน

จึงเป็นมรรคผลให้พรรคร่วมขาดเอกภาพ สุ่มเสี่ยงที่จะถูกล้มกระดานเอาได้ง่ายๆ

 

ฝนจะตก ท้องร้อง หุ้นจะร่วงจะหล่นมันต้องมีที่ไปที่มาว่าเกิดจากสาเหตุอันใด ก่อน “นัดจูบปาก” มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร “พรรครัฐบาล” แพ้น็อกในการโหวต “ญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. (พล.อ.ประยุทธ์) ตามมาตรา 44”

มีการลงมติว่า ควรจะตั้ง กมธ.วิสามัญหรือไม่ ผลออกมาปรากฏว่า เห็นชอบด้วยคะแนน 236 กับไม่เห็นชอบ 231 มีผู้งดออกเสียง 2 ราย

“นายวิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิป รีบแก้เขินเสนอให้นับคะแนนใหม่ ตามข้อบังคับที่ 85 กรณีที่มีคะแนนแพ้-ชนะกันไม่เกิน 25 เสียง ปรากฏว่า “หน้าแตก” ซ้ำสองเมื่อฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ สภา “ล่ม” อีกรอบ

มีการไล่เช็ก “เสียงข้างมาก” ที่งอกเพิ่มในซีกฝ่ายค้าน เป็นที่ประจักษ์ว่า ส.ส.ร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ 6 คน

ประกอบด้วย “นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย-นายอันวาร์ สาและ-นายเทพไท เสนพงศ์-นางกันตวรรณ ตันเถียร-นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์-นายพนิต วิกิตเศรษฐ์” กระโดดถ่อแหกด่านมะขามเตี้ย ไปร่วมลงมติเห็นด้วยกับ “ฝ่ายค้าน” อ้างอย่างมีเหตุผลว่าเพราะ “เป็นผู้เสนอญัตติ”

“ก๊วน 6 คน” ปฏิเสธเสียงเขียวว่า ไม่ได้โหวตสวนหรือเห็นด้วยกับญัตติของพรรคฝ่ายค้าน แต่เพราะญัตตินี้เป็นญัตติของพรรคประชาธิปัตย์ มีผู้รับรองอีก 20 คน

จะด้วยอุดมการณ์หรือจุดยืนอันข้นคลั่กของพรรคประชาธิปัตย์ จริงหรือไม่ โปรดใช้วิจารณญาณเอา แต่เท่าที่ทราบ ก่อนมหกรรมโหวตสวนตั้ง กมธ.ศึกษาผล “มาตรา 44”

มีลูกพรรค ปชป.บางส่วนเสนอชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” คืนสนาม แบบตีเข่าโค้งอ้อมกำแพง มาในฐานะประธานกรรมาธิการศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ปรากฏว่า “หนุ่มมาร์ค” ถูกเตะสกัดซะเนี่ย และคนที่ไม่เห็นด้วยกลับเป็น “ต้นสังกัด” คือ “ประชาธิปัตย์” นั่นเอง เป็นใครก็ย่อมปวดกระดองใจ

ทีนี้เมื่อย้อนรอยไปดูอดีต ผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แทนคนเก่าและชุดเก่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่โรงแรมมิราเคิล

ผลการนับคะแนน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” เข้าวิน แต่เสียงของจากกลุ่ม ส.ส.จำนวน 52 คน ซึ่งมีน้ำหนักชี้เป็นชี้ตายมากที่สุด ออกมาสูสีก้ำกึ่ง “อู๊ดด้า” ได้ 25 คะแนน

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ได้ 20 คะแนน “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ได้ 2 คะแนน และ “กรณ์ จาติกวณิช” ได้ 5 คะแนน

ทราบกันนัยๆ ว่า สำหรับ “กรณ์ จาติกวณิช” กลุ่มที่ให้การสนับสนุน เสาหลักคือเครือข่าย “อภิสิทธิ์”

ขณะที่หลังฟอร์มรัฐบาล “ตู่ 2/1” กลุ่มที่ 1 กับกลุ่มที่ 2 ล้วนได้ดิบได้ดีกันถ้วนหน้า

แต่ “กลุ่มที่ 3” ถูกจับแช่แข็งในช่องฟรีซ สัดส่วน-จำนวนพอดิบพอดีกับที่ “โหวตสวน”

แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ว่า คลื่นลมการเมืองในประชาธิปัตย์ “ยังไม่สงบ”